อ่านมาถึงตรงนี้ แล้ว
ลืมเลย ตกลงคุณpim ถามผมว่าอะไรบ้างครับเนี่ย
"ทำไมเวลาเหยียบคันเร่งมันเหมือนมีสปริง รถก็ทะยานพุ่งไปเลย ดีใจมาก ถามป๋าวีหน่อยค่ะจะไม่ให้หลงรักมันได้ยังไงคะ"
ตกลงอันนี้คำถามใช่ไหมครับ 555
ตัวเลข ตัวหลัง เช่น 91 ,95 มันก็คือค่าออกเทนของน้ำมันไงครับ ก็มันเกิดมาด้วยสเปค เบนซิน 95 พอคุณไปเติม 91 ซึ่งมันต่ำกว่าสเปค (และเชื่อว่าไม่ได้เอาไปให้ช่างปรับจูน องศาไฟจุดระเบิดแน่ๆ) เครื่องมันก็ performance dropลงแน่นอนครับ
ทีนี้พอใส่ โซฮอล 91 ตามที่เล่าให้ฟัง มันก็ยิ่งdrop ลงไปอีก จนคุณเริ่มชินกับสภาพที่เป็นจนกลายเป็นรู้สึกปกติ
พอกลับมาใส่ โซฮอล 95 เครื่องมันก็ดีใจกระดี๊กระด้าน exiting กันใหญ่ ที่ได้ของ(ใกล้เคียง)ชอบ มันก็เลยทำให้รู้สึกว่าแรงขึ้น จริงๆก็กลับมาแรงเท่าเดิมเหมือนเมื่อก่อนนั่นแหละครับ
ต่อมาความร้อน ยังยืนยันว่า โซฮอล ให้ค่าความร้อนที่สูงกว่า นิดนึง แต่นิดเดียวจนไม่เห็นความแตกต่างที่ เข็มความร้อนหรอกครับ ไม่เกี่ยว
เกี่ยวที่ระบบระบายความร้อนมากกว่า
พัดลมหม้อน้ำ ถ้ามันเสีย คือ ถ้าเปิดแอร์ มันจะหมุนแต่ พัดลมแอร์ตัวเล็กอย่างเดียว พัดลมหม้อน้ำไม่หมุน (ตอนเปิดแอร์นะครับ)
ถ้ายืนมองจากหน้ารถในตำแหน่งที่เปิดกระโปรงรถขึ้น แล้วก้มมองดู
พัดลมแอร์จะเป็นตัวซ้าย พัดลมหม้อน้ำตัวขวา
และกรณีของคุณ เชื่อว่าพัดลมยังไม่ถึงกับพัง แต่มันเริ่มอ่อนแรง ทำให้ความแรงไม่มากพอที่จะดูดความร้อนของน้ำที่วิ่งผ่านท่อเล็กๆในหม้อน้ำออกได้หมด น้ำที่ถูกดึงกลับเข้าเครื่องจากด้านล่าง จึงยังสะสมความร้อน อยู่ ทำให้เครื่องที่มีความร้อนอยู่แล้ว กลับถ่ายเทความร้อนให้น้ำร้อนไม่ใช่น้ำเย็น ได้แค่นิดเดียว เลยทำให้ความร้อนสะสมขึ้นเรื่อยๆ
และอีกกรณี ที่คนมักลืมนึกถึง
น้ำมันเกียร์นั่นแหละครับ ทำให้ความร้อนขึ้นสูงได้
หากมันผิดเกรดความหนืด แน่นอนว่ามันก็ต้องทำงานหนักผิดไปจากเดิม ทำให้เกิดความร้อน ในตัวน้ำมันเกียร์เอง
ทีนี้ น้ำมันเกียร์จะถูกต่อไปเข้าระบบหล่อเย็นที่ หม้อน้ำเช่นกันครับ ถ้าน้ำมันเกียร์ร้อน มันจ็จะมาถ่ายเทความร้อน ที่หม้อน้ำ ซึ่งหาก พัดลมไม่แรงพอ น้ำที่หล่อแต่ไม่แมน เอ้ย ... น้ำที่หล่อแต่ไม่เย็นก้จะมาโดนความร้อนจากบริเวณoil cooler ส่งความร้อนเข้าไปอีก
กลายเป็นเอาน้ำร้อนไประบายความร้อน มันก็จะเย็นลงได้อย่างไร
ถ้าดูง่ายๆ พัดลม หม้อน้ำ ลมต้องแรงเทียบเท่า หรือมากกว่าพัดลมแอร์ครับ ถึงจะเพียงพอ
เรื่องห้องเครื่อง ไม่สะอาด
แก้ไข ท่อน้ำมันพาวเวอ่ร์ก่อนครับ ไม่งั้นให้ล้างกีร้อยกี่พันครัง มันก็ยังรั่วสาดสกปรกเละเทะเหมือนเดิมครับ
เปลี่ยนแล้วค่อยทำความสะอาด
ปล คุณpim นี่รักรถแปลกๆนะ
ปกติคนรักรถ จะหมั่นเปิดกระโปรงบ่อยๆ เพื่อเช็ดบ้างทำไรบ้าง เมื่อมีเวลาครับ
และมันก็ไม่ใช่ว่านึกจะล้างก็ฉีดๆๆๆ เพราะมันมีอุปกรณ์ที่sensitive ต่อน้ำและความชื่นหลายจุดครับ ถ้าร้านที่ล้างเป็นเขาจะเอาพลาสติด ครอบคลุม จานจ่าย เป็นหลักก่อนฉีดน่้ำ
แต่
ยังครับ ที่สายหัวเทียน ตรงที่เสียบเข้าไปในเครื่อง
หากใช้งานมานานๆ สภาพเนื้อยางมันเริ่มกระด้างเสื่อมสภาพ ทาจทำให้ไม่แนบสนิทกับด้านบนของฝาครอบวาล์ว ทำให้น้ำเข้าไปในเบ้าหัวเทียน ทีนี้ละ ลงกราวด์กันสนุก
อาการคือเหมือนรถวิ่ง แค่ 2-3 สูบ ไม่ครบ 4 สูบครับ
แก้ไขหากพลาดแล้ว ต้องเอาน้ำที่เข้าไปขังออกให้หมด
" ตั้งแต่ได้รถคันนี้มาก็ไม่เคยล้างซักครั้ง..."
ไม่กล้านึกภาพเลยครับ