ความคิดเห็นที่: 261 / 908 : 785342

โดย: ทวีรัฐ

กรณีกระทู้ที่ว่า ผมไม่ทราบรายละเอียดมากนัก ไม่ออกความเห็นครับเพราะไม่รู้จริง

แต่ที่เป็นเรื่องและทราบจริงเกิดกับ รถยี่ห้อนึง ที่หลายคันเจอปัญหาเดียวกันคือออกมาได้ ประมาณ 3 เดือนเจอปัญหาสตาร์ทไม่ติด เหมือนกัน 2 คัน(คนในบริษัทเดียวกันด้วย ออกรถมาห่างกัน 1 เดือน ปัญหาห่างกันประมาณ1 เดือนเช่นกัน)

และคันที่เกิดปัญหาใหญ่ มาจาก ยางตีนวาล์วไอเสีย ชำรุด ทำให้มีน้ำมันเครื่อง ปะปนออกมากับไอเสีย ไม่มากแต่ออกมาเรื่อยๆ
เมื่อมีหม้อ แคตฯมากรอง น้ำมันที่ปะปนเป็นละอองหรือไอ ออกมากับไอเสีย ก็จะมาเกาะที่กรองในหม้อแคต สะสมไปเรื่อยๆ จนเยิ้มเป็นคราบน้ำมัน
ซึ่งทีนี้ก็logic ธรรมดา ครับ ไอเสียมีความร้อน ออกมาเรื่อยๆ มาเจอน้ำมันที่สะสมและให้ความร้อนไปเรื่อยๆ
อาจไม่ถึงกับติดไฟ เพราะ ออกซิเจนไม่พอ จึงไหม้ดำคุ ไปเรื่อยๆจนเป็นคราบตระกรันไปเรื่อยเปื่อย

และช่วงเดียวกันก็มียี่ห้อนึง ไฟไหม้ อันนี้เป็นข่าว แต่ฟังจากที่ศูนย์ชี้แจงมาบอกว่า ฉนวนกันความร้อนหลุดลงไปโดนท่อแคตฯ (ไม่รู้เชื่อได้ไหม) เลยทำให้จอดอยู่ดีๆไฟลุกไหม้

และก็สาเหตุอื่น 108 1009 ที่คาดเดาไปเรื่อยเปื่อยได้ แต่ มันไม่ได้ไหม้มาจากตังแคตฯโดยตรง ถ้าไม่ไปเจอแคตซตึกแถว ประมาณว่าชำแหละเอาของที่มีมูลค่าออกไปแล้วเอาวัสดุอื่นยัดเข้าไปแทน อะไรประมาณนี้

 ความคิดเห็นที่: 262 / 908 : 785414

โดย: ทิว

รู้เพื่อป้องกันและรักษาให้ตรงจุดหนะดีนะครับ แต่ถ้ารู้แล้วระแวง รู้แล้วกลัว ทั้งที่มันยังไม่เป็นอะไร อันนี้ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนะ

 ความคิดเห็นที่: 263 / 908 : 785545

โดย: pim

ป๋าอธิบายให้แล้วแหละพี่ทิว รู้แล้ว แต่ก็ไม่ระแวงหรอกค่ะ รู้ไว้เอาไว้เถียงกับช่างถ้าเค้าจะหลอกหรือจะตัดแคตฯ ออก แต่พิมก็จะไปหาข้อมูลต่ออีกอยู่ดีแหละค่ะ
พี่ทิวน่ะชอบเข้าข้างป๋าอยู่เรื่อยเลยนะ แซวค่ะแซว

ขอบพระคุณค่ะป๋า
สรุปเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมหรือคาดเดาได้ จะรถใหม่รถเก่าก็เกิดได้ขึ้นอยู่กับดวงใครดวงมัน ยังงี้ก็แย่เลย แต่มันก็คงไม่เกิดบ่อยๆ ใช่ไม๊คะ
แคตฯ ของรถพิม (ถ้ายังอยู่) เดี๋ยวพิมจะดูสภาพมันอีกที แต่พิมว่า 90% มันยังอยู่ ตอนเข้า0 0 ก็ไม่เคยพูดถึงแคตฯ เลย

พิมวิ่ง 120 ได้แค่ 3 นาที ก็เจอรถช้ากว่า ก็ชลอพอไปได้ก็เร่ง 120 อีกแบบนี้สลับกันไป ยังงี้ทำให้ท่อแคตฯ โล่งขึ้นได้ไม๊คะ แต่รถก็ออกตัววิ่งดีเลยค่ะ แต่ให้ตายเถอะ เสียงมัน โค ตะ ระ ดังได้ใจวัยรุ่นดีจริงๆ ดังมากกกกกกก
เกียร์สะดุดก็ไม่เจอเลยหลายวันเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ งงเหมือนกัน จนแทบจะลืมมันไปแล้ว

ป๋าคะ มันบังเอิญจริงๆ ค่ะ พิมเดินมาที่รถแต่ไกล เห็นมีสายอะไรก็ไม่ทราบค่ะ ตรงก่อนล้อหลังซ้ายใต้ท้องรถมันห้อยลงมา พิมเดาว่าเป็นสายเบรคหรือเปล่าคะ สายโตประมาณเซ็นต์นึง สีดำห้อยลงมา วัดระดับห่างจากแผงแผ่นเหล็กใต้ท้องรถประมาณ 3-4 นิ้ว ปลายสายมันไปต่อกับล้อค่ะ กลัวว่ามันจะไปเกี่ยวกับวัสดุบนพื้นถนนเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง พิมจะเอาให้อู่ซ่อมท่อไอเสียช่วยดูให้ได้ไม๊คะ เค้าจะรู้หรือเปล่า ไปดูด้านขวาก็มีสายนี้เหมือนกันค่ะ แต่มันห้อยลงมานิดเดียวคิดว่ายังไม่อันตรายค่ะ

หมู่นี้เน็ทเข้ายากมากเลย วันนี้นั่งต่อเป็นเกือบชั่วโมง

 ความคิดเห็นที่: 264 / 908 : 785556

โดย: ทวีรัฐ

ตามท่านทิว ว่าครับ

สายที่เห็นเป็นสายเบรคมือ
ปกติ มันจะมีตัวยึดติดกับ arm หลัง ครับ ถ้ามันยังถูกยึดแบบปกติ ก็ไม่ต้องไปสนใจมันครับ มันลากไปตามแนวยาว กับการเคลื่อนที่ของรถ ไม่เกี่ยวอะไรแน่นอน

กรุณา อย่าให้ ช่าง ที่ไม่ใช่ช่างชำนาญ หรือ เฉพาะทางแตะต้องกับสิ่งที่เขาไม่ถนัด

ไม่งั้นก็คงสร้างปัญหาไปเรื่อย
ช่างทำท่อไอเสีย ชื่อก็บอกแล้วว่าทำท่อไอเสีย ไม่ใช่ช่วงล่าง
และลองไปส่อง ตาตี่คันอื่นดูนะครับ มันก็ห้อยลักษณะเดียวกันไหม

 ความคิดเห็นที่: 265 / 908 : 785586

โดย: ทิว

คุณ pim นีก็ ผมก็ว่าไปตามหลักการและเหตุผลครับ ไม่ได้เข้าข้างป๋าวีนะครับ

 ความคิดเห็นที่: 266 / 908 : 785654

โดย: ทวีรัฐ

อ่าว

 ความคิดเห็นที่: 267 / 908 : 785660

โดย: pim

กำลังนั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ เปิดเวปมาอ่านต่อ ท่านทั้งสองยังมาเติมเต็มทำให้เย็นนี้ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นอีก โอ๊ยพิมขำจนน้ำตาไหล เหมือนตอนดูวีดีโอที่เจ้าตูบโดนแกล้ง วันหลังก็เตี๊ยมกันมาก่อนนะคะ
Perfect! You made my day!! 5555555555555 ขอบพระคุณมากเลยค่ะ

มันห้อยค่ะ แต่อีกข้างนึงไม่ห้อย ชัวร์ค่ะว่าไม่ปกติ งั้นเดี๋ยวพิมเอาเข้าร้านทำเบรคแถวสี่แยกบางนาเห็นอยู่ร้านนึง พรุ่งนี้รู้เรื่องค่ะ

ยังไม่หายขำป๋ากับพี่ทิวเลยค่ะ หัวเราะจนเหนื่อยเลย เอาอีกๆ

 ความคิดเห็นที่: 268 / 908 : 785670

โดย: ทวีรัฐ

มีไรน่าขำนักหนาย๊ะ! เธอนี่

 ความคิดเห็นที่: 269 / 908 : 785676

โดย: pim

สุดๆ ค่ะ
ต้องขำให้สุดโต่งแบบนี้แหละสะใจดี แต่ไม่ใช่ซาดิสต์

สงสัยจะขำไปอีกหลายวันค่ะ

55555555555

ต้องโทษพี่ทิวที่ไม่ยอมรับมุกป๋า
เลยตกเป็นเหยื่อพิมโดยไม่รู้ตัว
เจ้าตัวจะรู้ไม๊เนี่ย

ขออีกที

555555555555

 ความคิดเห็นที่: 270 / 908 : 785677

โดย: ทิว

ผมยังไม่รู้ตัวอะ ไม่ทันมุก ตอนนี้ยังนั่งงงอยู่เลย

 ความคิดเห็นที่: 271 / 908 : 785679

โดย: ทิว

ท่านทาคูมิไปไหนหว่า มาช่วยผมหน่อยค้าบ

 ความคิดเห็นที่: 272 / 908 : 785684

โดย: pim

เค้ายังอยู่บนขอนฯ ยังคงมาไม่ได้
ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนสองคนกับป๋านะ

5555555555555555555

 ความคิดเห็นที่: 273 / 908 : 785712

โดย: Fujiwara Takumi

ช่วยยังไงล่ะครับ ผมไล่อ่านผมยังมีปล่อยขำ หึหึ ด้วยเลยอ่ะ

 ความคิดเห็นที่: 274 / 908 : 785723

โดย: pim

วันนี้ซึมของจริงค่ะ ทั้งคนทั้งรถ พิมเอารถไปจัดการหลายอย่าง แล้วก็เจออะไรหลายอย่างเลยค่ะ รบกวนป๋าช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยนะคะ อะไรต้องทำหรือไม่ทำค่ะ

1. เอารถไปล้างตรงจุดที่น้ำมันพาวเวอร์เคยซึมค่ะ เพราะมันเลอะมาก เจอท่อน้ำมันพาวเวอร์เส้นใหญ่ที่อยู่ข้างเส้นเล็ก (ช่างบอกเป็นท่อน้ำมันเข้า) น่าจะซึมตรงสายเหล็กรัดอีกเพราะดูแล้วจะออกเปียกๆ แต่เปียกแถวๆ สายเหล็กที่รัดเท่านั้นค่ะ ตรงท่อทั้งเส้นไม่ซึม สายรัดก็เป็นแบบเดียวกับท่อเส้นเล็กที่ 0 เคยเอามาใช้ผิดสเปค

2. มีท่อยางเล็กๆ ที่อยู่ข้างล่างด้านหลังกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ก็สกปรกมาก เส้นนั้นมันซึมได้ด้วยหรือเปล่าคะ หรือว่าเป็นเพราะคราวที่แล้วอู่เอาเบนซินล้างมันก็เลยเลอะฝุ่่น เลยให้เค้าล้างให้ด้วย น้ำมันพาวเวอร์ไม่หายค่ะ

3. เมื่อเช้าเจอน้ำมันเครื่องซึมออกมาที่ใต้ฝาเครื่อง สงสัยยางรองฝาเสื่อมแหงๆ ยังไม่ซึมมาก แต่พิมเพิ่งเปลี่ยนที่ 0 ประมาณปีกว่า ทำไมมันไปไวจังล่ะคะ แต่น้ำมันเครื่องไม่หายค่ะ

4. ซ่อมท่อไอเสีย ตอนที่ช่างกำลังซ่อม พิมก็แวะไปทานข้าว 15 นาทีกลับมาดูรถซ่อมเสร็จแล้ว สงสัยว่าทำไมเสร็จไวมาก เค้าแค่อุดรูเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้ตัดเหล็กที่ผุออก พิมถามเค้าว่าแล้วมันจะอยู่ได้นานแค่ไหน เค้าก็บอกว่าก็นานเท่าท่อที่ยังไม่ผุ ท่อจะไปก่อน จริงหรือเปล่าคะ พิมถามว่าทำไมไม่ตัดออก เค้าบอกว่าอุดก็อยู่แล้ว พิมว่าเค้าทำฉาบฉวยค่ะ แต่เสียงดังก็หายไป เสียไปแค่ร้อยเดียวค่ะ แต่ค่าน้ำมันนี่จะมากกว่าอีก ป๋าว่าพิมไปเสียเที่ยวไม๊คะ

แต่เค้าบอกว่าถ้ารั่วอีกคราวหน้าก็เปลี่ยนท่อพักใบใหญ่ด้วยเลยเพราะข้างในก็ผุ เขย่าดูก็รู้แล้ว พิมต้องเปลี่ยนตามเค้าว่าหรือเปล่าคะ เพราะดูข้างนอกก็ยังไม่ผุค่ะ

ตอนขับออกมาเสียงท่อไอเสียก็ไม่ดังแล้ว ได้ยินแต่เสียงเครื่องเจ้าเสือหมอบมันคำราม ชอบมากเลย ชอบโคตรๆ เลยค่ะ

ตกลงทำท่อแล้ว น้ำมันก็ใช้แก๊สโซฮอลล์95 ลมยางก็เติม 31 พิมก็ดูไม่ออกว่าเครื่องมันอืดหรือเปล่า รู้แต่ว่าขับก็คล่องดี

5. ท่อแคตฯ ยังอยู่ค่ะ พิมให้เค้าช่วยเช็คให้ด้วย เค้าไม่ดูอะไรให้เลย แต่บอกว่าไม่ตัน แค่ฟังเสียงเครื่องก็รู้แล้ว ถ้าตันจะดังอีกแบบนึง เค้าเช็คแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าคะ

6. พิมยังไม่ได้ไปร้านเบรคหรอกค่ะแต่ให้ช่างที่โปรเซิฟคนเก่าดูให้ เค้าก็บอกว่าปกติไม่เป็นไร ถ้ามันจะไปเกี่ยวกับอะไรบนพื้นถนนมันก็ต้องชนกับเหล็กแถวๆ นั้นก่อน แต่มันก็ยังขัดใจพิมอยู่ดีแหละค่ะ เพราะ 2 ข้างมันห้อยไม่เท่ากัน

7. พิมดูใต้ท้องรถเจอน้ำมันเกียร์รั่วค่ะ เห็นมันซึมออกมา แต่ยังไม่หยด เออแล้วทำไมพิมไม่ถามช่างที่เค้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ให้ล่ะ อุตส่าห์ไปถึงที่แล้ว งงตัวเอง แต่ช่างคนนั้นเคยสอนว่าเวลาเช็คน้ำมันเกียร์ ก็มีที่ดึงแบบน้ำมันเครื่องมาดูได้ว่าพร่องหรือเปล่า ป๋าว่าถูกต้องหรือเปล่าคะ

ทำไมเรื่องมันเยอะจัง สงสัยพิมต้องกลับไปอู่ใหม่ นี่ยังไม่ถึงเดือนเลยต้องกลับไปอีกแล้วหรือเนี่ย
แถวนั้นรถก็ติดมาก ไม่อยากไปเลยค่ะ

 ความคิดเห็นที่: 275 / 908 : 786150

โดย: ทวีรัฐ

 ความคิดเห็นที่: 276 / 908 : 786243

โดย: pim

ดูซิ อุตส่าห์ตั้งคำถามให้ช่วยตอบ กลับมานึกว่าจะได้คำตอบให้ดีใจซะหน่อย ป๋ากลับหนีขึ้นไปปีนต้นไม้อู้งานซะนี่ แล้วลงได้ไม๊นั่นน่ะ

พิมเอารถจอดไม่ได้ใช้เลยค่ะ อาศัยเขาไป อาทิตย์นี้ค่อยเอาไป่ซ่อม ไม่รู้จะมีอาการไรเพิ่มอีก
หรือเปล่า

พี่ทิวคะ ช่วยเอาป๋าลงมาทำงานหน่อยค่ะ ทำงาน ทำงาน ทำงาน เง้ออ

 ความคิดเห็นที่: 277 / 908 : 786264

โดย: ทวีรัฐ

มันเยอะน่ะครับ

แล้วอ่านแล้ว จับใจความคำถามไม่ได้ เพราะ บางอันไม่ใช่ปีญหา คุณ pim ก็ถามให้เป็นปัญหาขึ้นมา ก็คงไปไม่เป็นกัน ทั้งขบวน
อ่ะทีละข้อ

ข้อ1 ผมเคยตอบไปแล้วช่วงแรกๆ แต่คุณพิม ไปเชื่อช่าง ว่า ไม่รั่ว เรื่องนี้ก็หายเงียบไป แล้ว ก็มาถามซ้ำคำถามเดิมครับ ก็ตอบแบบเดิม ว่า รั่วซึมได้แน่นอน ถ้ายังไม่เยอะ แค่เลอะๆ ยังไม่ต้องรีบเปลี่ยนยกเส้นทั้งชุด ให้อู่ที่คุณถูกใจนั่นแหละครับ เอาเข็มขัดรัดท่อ รัดตรงข้างๆซ้ำให้แน่น ก็ชะลอการรั่วซึมได้อีกพักใหญ่ (ของผมรั่วซึมมาหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะถึงขนาดน้ำมันพาวเว่อร์ยุบ ในระยะเวลาสั้นๆเลย) สายรัดแบบที่ศูนย์ใช้ติดรถแบบหนีบ มันดีระดับนึงแต่ มันล้า ได้เมื่อเวลาผ่านไป
ข้อ 2 ท่อทุกท่อในโลกนี้ ย่อมมีโอกาสรั่วซึมตรงข้อต่อได้เสมอ ขนาดเชื่อม ยังรั่วได้เลย เช่นตู้แอร์ แม้แต่ท่อไอเสีย ก็รั่วรอยเชื่อมได้ทั้งนั้นแหละครับ

ข้อ 3 เป็นคำถามหรือเปล่าครับ ผมตอบไม่ได้ ถ้าถามว่า ทำไมมันไปไวจัง? ขออภัยครับ

ข้อ4 ทำไมมันเสร็จไว ทำไมไม่ตัดออก ทำไมฯลฯ
ก็ระบุว่าให้เขาซ่อม หรือให้เขาเปลี่ยนละครับ ทำไมไม่ทบทวนคำสั่งที่บอกช่างเขาละครับ ว่า คุณ pim บอกเขาว่าอะไร? และค่าซ่อมหลักร้อย ไม่ดีเหรอครับ หรือรั่วแค่จุดเดียว แต่เจอช่าง0 มานาน เลยชินกะพวก ค่อยๆอู้เวลากินค่าแรงไปเรื่อย แล้วแค่อุดก็ใช้ได้ ก็ไม่ชิน เคยชินกับพวกช่าง(หัวมัน)ที่อะไรก็จับเปลี่ยนไปเรื่อย ไม่ถูกจุด ก็เปลี่ยนตัวอื่น แต่ตัวแรกก็เสียเงินนะ ผมว่าคุณเคยตัวกับ 0 บริการมากไปละครับ เลยมีความคิดแบบ เจ้าหนูจำไม ไปซะแระ
หม้อพัก จะเปลี่ยนกต่อเมื่อมันผุจะรั่วหรือใส้ในมันล้ม หมดแรงอั้น(เคยอธิบายไปแล้ว)

ข้อ5 ถ้ารถเดิมๆ ช่างที่ชำนาญ ย่อมฟังออก และคุณเองก็รู้สึกได้ว่ามันตื้อ เร่งไม่ออก

ข้อ6 ทั้งช่าง ทั้งสายเบรคไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ตัวคุณpimครับ

ข้อ 7 ถูกต้องครับ ก้านวัดอยู่ในซอกข้างๆแบตเตอรี่ กับ ท่ออากาศ


เท่าที่อ่านมาทั้งหมด รถไม่มีปัญหาใหญ่เลยครับ
1 น้ำมันเพาเวอร์ซึม ไม่มีผลต่อการใช้รถ
2 มีน้ำมันเครื่องซึม ที่ฝาครอบวาล์ว จะขันกวดให้แน่น หรือเปลี่ยนปะเก็นใหม่ ก็จบ ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่
3 น้ำมันเกียร์ซึมน่าจะที่ซีลทอร์คเกียร์ซึมกันประจำ แค่ซึมไม่ถึงกับหยด ก็ยังใช้รถได้ปกติไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เข้าอู่เที่ยวนี้ ก็ทำทีเดียวเลย ทั้งซีลทอร์ค ทั้ง ซัลข้อเหวี่ยง (ไม่ซึมตอนนี้แต่อีกไม่นานถ้าซึมก็ต้องเสยค่าแรงอีกรอบ) เพราะจะเปลี่ยนแค่ซีลราคาหลักร้อย แต่ค่าแรงรื้อ น่ะ หลักพันนะครับ เพราะรื้อเยอะมาก ไม่ควรถอดเข้าออกบ่อยๆ
ท่อพาวเวอ่ร์ ราคาไม่ถูกนัก ถ้ารัดเสริมแล้วอยู่ได้ ไม่ซึมเพิ่ม ก็เอาไว้เปลี่ยนคราวหน้า

ไปทำเที่ยวนี้ ก็หยุดหาเหตุอื่น เพื่อเอาสมาธิมาโฟก้ส ตรงที่ซ่อมแล้วหายไหม ก่อนดีกว่าครับ
แล้วจะใช้รถมีความสุขขึ้นอีกเป็นกอง เมื่อของที่ซ่อมดีแล้วค่อยสังเกตุเรื่องอื่นต่อไป

 ความคิดเห็นที่: 278 / 908 : 786286

โดย: pim

พิมก็เปิดช่องให้แล้วไงล่ะคะในบรรทัดแรกๆ ป๋าจะตอบยังไงก็ได้ ไม่ได้ให้ตอบทุกข้อซักกะหน่อย เพราะพิมก็รู้ตัวเองว่าบางทีถามอะไรก็ไม่รู้ แต่เพราะอยากได้ความเห็นป๋า (เท่าที่ป๋าจะบอก) เท่านั้นแหละค่ะ เผื่อจะได้ความรู้ใหม่ อีกอย่างพิมไม่ค่อยรู้ค่ะว่าชิ้นส่วนไหนอยู่ตรงไหนทำงานยังไง อาการไหนของรถมันละเอียดอ่อนแค่ไหน พิมจำต้องคิดอะไรแบบเยอะๆ แย่ๆ ที่สุดไว้ก่อนเพื่อเก็บข้อมูล เพื่อเอาไว้แก้ไขป้องกันตนเองตามสัญชาติญาณ มันก็เลยออกมาเป็นคำถามอะไรก็ไม่รู้ตามที่ป๋าคิด
ป๋าต้องให้อภัยค่ะ พิมรู้ว่าตัวเองยังเข้าใจอะไรที่ไม่ถูกต้องอีกเยอะเกี่ยวกับเรื่องรถ

เพราะพิมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถ และไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรกับรถอีก ถ้ามีก็ให้น้อยที่สุด เพราะมันอาจจะทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน (ตอนที่รถไปดับระหว่างทางที่เชียงใหม่ ตกใจสุดๆ) จึงต้องพยายามศึกษามันให้ละเอียดเท่าที่ปัญญาตัวเองมี ป๋าไม่ตอบ พิมก็เลยรู้ว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ถ้ามันสำคัญจริงๆ ป๋าก็ต้องบอกมาให้แล้วใช่ไม๊คะ

ใช่ค่ะป๋าเคยบอกเรื่องนั้นเรื่องนี้ ป๋าบอกจริงแต่บางครั้งพิมมองภาพไม่ออก ไม่เคยเห็นของจริง บางทีเข้าใจไม่หมด บางทีมันก็ลืมพราะไม่รู้เรื่อง เหมือนที่เข้าไปอ่านในกระทู้เยอะแยะแต่ไม่เข้าใจ หรือเข้าใจนิดหน่อย เพราะเค้าคุยกันแบบช่างหรือคนที่พอรู้เรื่องรถมาแล้ว จะบอกป๋าค่ะว่าเวลาป๋าอธิบายจบพิมจะมีคำถามต่อเสมอๆ แต่ก็ได้แต่ถามในใจกับตัวเอง ป๋าช่วยเข้าใจพิมด้วยนะคะ

อาจจะเพราะพิมไม่ไว้ใจใครอีกแล้วมั๊งค่ะ เลยคิดและถาม mang ทุกเรื่อง เหมือนคนขี้กังวลนั่นแหละค่ะ จะกินอะไรตอนนี้ก็กลัวไปหมด ข้าวก็จะปลูกกินเองแล้ว ผักก็จะปลูกเอง เลี้ยงไก่เลี้ยงหมูเอง ก็มันใส่สารเร่งมะเร็งทั้งนั้น ยังอยากอยู่ในโลกนี้อีกนานๆ น่ะค่ะ กลับบ้านทีแม่ชอบถามพีชอบถามทำไมไม่กินข้าว

เรื่องซ่อมท่อไอเสีย พิมไม่ได้วอรี่เรื่องเสียเงินมากน้อย แต่ที่ต้องการคือให้มันอยู่ได้นานๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาบ่อยๆ เพราะต้องเสียเวลากับซ่อมเครื่องยนต์อีกเยอะซึ่งมันสำคัญกว่า ตอนไปถึงช่างเค้าก็ยกรถแล้วมุดเข้าไปดูเรียบร้อยแล้วว่าผุแค่ไหน (ตอนที่พิมดูรอยผุเองที่เห็นก็มีสองรู รูละครึ่งเซ็นต์ เกือบเซ็นต์ทั้งข้างนอกข้างในแล้วก็มีรอยแตกแนวนอนซักเซ็นต์กว่า) พิมก็ถามเค้าว่าใช่ท่อแบบไหนมาต่อ เอาเหล็กดีๆ ราคาเท่าไหร่ เอาแบบอยู่ได้นานๆนะ ช่างเค้าบอกว่ามีทั้งแบบสเตนเลสแล้วก็เหล็ก แล้วก็บอกว่าขอดูอีกที (แล้วเมื่อไหร่จะบอก รออะไร แผลนิดเดียวเอง ดูก็ดูแล้ว คิดยากหรือคะ ธูปเชื่อมอันละเท่าไหร่ ค่าแก๊สเท่าไหร่ ค่าแรงเท่าไหร่ ค่าท่อสั้นๆ เท่าไหร่ ฯลฯ) พิมคิดว่าราคาคงไม่เท่าไหร่ก็เลยออกไปกินข้าวเลย ไม่อยากไปบังคับให้ตอบ ไม่เคยคิดอยู่ในหัวสมองเลยว่าจะอุด ช่างก็ไม่ได้พูดซักคำว่าจะอุด แล้วพิมเชื่อช่างได้ไม๊ว่าอยู่ได้นานเท่าท่อที่ยังไม่ผุ (อู่นี้ไม่รู้จัก เป็นอู่ข้างถนนตามที่ป๋าว่า)
แค่นี้ทำไมช่างไม่พูดไม่อธิบายให้ล่ะคะ จะได้เข้าใจกัน สงสัยเค้าคงจะรำคาญพิมมั๊ง


พอแระ ง่วง

 ความคิดเห็นที่: 279 / 908 : 786298

โดย: ทิว

ผมขอตอบข้อที่ป๋ายังไม่ได้อธิบายและสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ละกันครับ
ข้อ 3 เรื่องน้ำมันเครื่องซึมที่ฝาเครื่อง (ฝาครอบวาล์ว) "เพิ่งเปลี่ยนที่ 0 ประมาณปีกว่า ทำไมมันไปไวจังล่ะคะ" คือจริงๆแล้วช่างที่ศูนย์อาจจะไม่ได้เปลี่ยนก็ได้นะครับ เพราะคุณพิมไม่ได้ยืนดูตอนเขาเปลี่ยนให้ซะหน่อย จริงหรือเปล่า ช่างอาจจะขันกวดให้แน่นแบบที่ป๋าบอก แล้วก็คิดเงินเล่นๆตามสไตล์ศูนย์บริการก็ได้นะครับ

ข้อ 6 เรื่องสายเบรคหย่อนลงมา ผมว่าถ้าเรากังวลมาก ลองหาสายอะไรมารัดมันไว้ให้แน่นดังเดิมก็ได้นี่ครับ ง่ายๆก็ลวดเส้นเล็กๆมุดเข้าไปรัดเองเลย ไม่น่าจะเกินความสามารถอยู่แล้ว

แนะนำเวลาเอารถไปซ่อมว่าอย่าไปไหน อย่าไปไว้ใจให้เขาทำให้โดยที่เราคิดว่างานง่ายๆเขาน่าจะทำได้ เพราะคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่าเขาทำอะไรไป เท่าไหร่บ้าง สุดท้ายปัญหาอาจจะบานปลาย เพราะเราคิดว่าตรงนี้เราแก้แล้ว แต่จริงๆช่าง(แมร่ง)ยังไม่ได้แก้ให้ แล้วก็หาสาเหตุกันจนตาลาย

คำคมวันนี้ "The fittest is the survival" ครับ not the perfectest or the strongest
เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นต้องปลูกผัก ปลูกข้าวกินเอง ไม่จำเป็นต้องทำเป็นทุกอย่าง อยู่ที่ว่าเราปรับตัวได้ดีแค่ไหนกับที่ที่เราอยู่ในปัจจุบันมากกว่าครับ

 ความคิดเห็นที่: 280 / 908 : 786383

โดย: pim

เพราะพิมยังไม่ได้ทำให้เต็มความสามารถของตัวเองเลย ทั้งที่โอกาสและช่องทางมันยังมี คำคมวันนี้ก็เลยยังไม่ได้เอามาใช้ค่ะ ขออนุญาตพี่ทิวเอาไว้หมดซึ่งหนทางแล้วเดี๋ยวค่อยเอามาใช้นะคะ

มันคือคำว่า "อยาก (eager)" น่ะค่ะ ทุกคนมีแหละ อยากมาก อยากน้อย อยากไปเที่ยว อยากดูหนัง อยากกินขนม อยากได้ของ บลาๆ

พิมก็เหมือนกันแหละ แต่เป็นประเภท อยากทำเอง อยากทำเป็น อยากรู้นั่นนี่ ยิ่งอยากแล้วได้ทำเนี่ยเยี่ยมเลย ยิ่งทำแล้วสำเร็จเนี่ยก็ไม่มีอะไรมาเทียบ ดีใจสุดๆ แล้ว แล้วยิ่งทำสำเร็จในสิ่งที่ยากๆ ลำบากๆ แล้วละก็คงได้ฉลองกัน 3 วัน 3 คืนเลย
ไม่รู้ว่าเป็นอาการของโรคอะไรหรือเปล่า
สงสัยป่านนี้ป๋านั่งส่ายหน้าแล้วมั๊ง

เดี๋ยวจะให้อู่รัดสายเบรคให้ค่ะ จะเข้าอู่พอดี

ขอบพระคุณทุกคำแนะนำค่ะ