อ๋อ ครับ บอก พิกัด 0 แค่นี้ ก็เป็น วิทยาทาน แก่ สมาชิกท่านอื่น ที่คิอจะเข้าไปแล้วละครับ
หลังจากทำสีแล้ว ก่อนรับรถออกมา ส่องดูดีๆนะครับ ว่า สีเดียวกับสีเดิมรึเปล่า เพราะสีเขียว แอสติน่า ไม่เหมือน ยี่ห้ออื่น
ผมเจออู่ไร้ฝีมือ เอาสีเขียวใบไม้ ของโตโยต้า ไมตี้เอ๊กซ์ มาพ่นตอนเอาหลังคาไปทำซันรูฟ เข้าให้แล้ว กระดำกระด่างเลย เซ้ง แต่ ได้แต่โทษตัวเอง ครับ
ถ้าสีดูเกล็ดสีเทียบกันด้วย เพราะสีเขียวของแอสติน่า จะผสม สีน้ำเงิน และน้ำตาทอง พอเป็นเหลือบนิดๆ ถ้ามีเวลาลองมองที่เนื้อสี ที่เป็นสีเดิมๆดีๆครับ
เรื่องน้ำมันที่โทรถาม ถามแค่ ศูนย์ล่าสุดก็พอครับ ว่าใช้น้ำมันกียร์เกรดอะไร ไม่ต้องถามหลายศูนย์ ไม่เกิดประโยชน์ รังแต่จะสับสน
เรื่องรอบเครื่อง ให้สังเกตุดูตอนจอดครับ ไม่ใช่ตอนวิ่ง
จอดติดเครื่องเดินเบา หรือเวลาวิ่งๆมาพอจังหวะติดไฟแดง เบรคจนรถจอดสนิทแล้ว ปลดเกียร์ N แล้วสังเกตุดูรอบเครื่อง อีกที ว่าอยู่ที่เท่าไหร่ เข็มวัดรอบ แกว่งขึ้นลงหรือนิ่ง ครับ
ถ้ายังนิ่ง ก็ปกติ สมบูรณ์ดี
ซึ่งมันจะต่อเนื่องไปข้อต่อไปที่ คุณ กำลัง สงสัยน้ำมัน แก๊สโซฮอล นั่นแหละครับ
เอาประเด็นหลักก่อน ถาเครื่องไม่เคยโดนปรับจูนอะไร ดั้งเดิม สเปค เบนซิน 95 พอหายากราคาแพง เราก็หันมาเติม 91 กัน ซึ่งก็ยังพอใช้ได้ ไม่เกิดปัญหาอะไร ด้วยความโชคดี ที่เทคโนโลยี ของรถคันนี้ กล่อง ECU จะมีความฉลาดพอที่จะอ่านค่าออกเทน และปรับเปลี่ยนการทำงานบางอย่างให้สามารถใช้ น้ำมันที่ออกเทน ต่ำกว่าได้
แต่มันก็มีขีดจำกัด เพราะขนาดรถราคาหลายล้านบางยี่ห้อยังทำไม่ได้
ทีนี้ พอเติม แกสโซฮอล 91 เข้าไป ซึ่ง มันคือ เบนซิล 91 ผสม เอทานอล นั่นแกละครับ
ปัญหา คือ ปั๊มติ๊ก และท่อยางต่างๆที่ติดรถคุณอยู่ มันไม่ได้รองรับ น้ำมันที่ผสม เอทานอล ที่มีความกัดกร่อน สารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภท ยาง
ดังนั้น ตอนนี้ มีความเสี่ยงที่ท่อยางจะถูกเอทานอล กัดเป็นขุย และมันก็จะหลุดมา ตันที่กีองเชื้อเพลิง หรือแย่หน่อยก็หัวฉีดในที่สุดครับ
วิธีแก้ ก็เปลี่ยน ท่อยางเชื่อเพลิงทั้งหมด ให้เป็นเกรดที่ทนเอทานอลได้ ในกระทู้เก่าๆเรามีพูดถึงกันบ่อยๆ ราคา ก็แบงค์ 1000 ใบนึงมีทอนครับ
ส่วนเข็มความร้อน ที่ขึ้นเกินกึ่งกลาง ขอข้อมูลเพิ่มเติมด้วยครับ
ขึ้นตอนกลังวิ่ง หรือ ตอนวิ่งมาแล้วจอดครับ
เปิดแอร์แล้ว ขึ้นตลอดรึเปล่า
เคยเปิดฝากระโปรงรถ ตรวจเช็คน้ำในหม้อน้ำ บ้างไหมครับ ตรวจง่ายๆ ทำทุกเช้าก่อนออกรถ รับรองปัญหา นี้ จะไม่อันตราย อย่างที่กำลังจะพูดถึงต่อไป
1 ความร้อนเริ่มสูง เพราะพัดลมหน้าเครื่อง คาดว่าน่าจะเป็นพัดลมหม้อน้ำ เริ่มอ่อนแรง มันหมุนน่ะหมุนครับ แต่ ถ้ามันเริ่มอ่อนล้าจากการใช้งานมายาวนาน มันจะหมุนไม่แรงพอที่จะดึงเอาความร้อนออกมาได้ทัน ความร้อนที่ระบายไม่หมดก็จะสะสมขึ้นเรื่อยๆ
เปลี่ยนพัดลม ก็จบ แต่ม่ต้องเข้า 0 นะ ราคาข้างนอกเปลี่ยนเฉพาะมอเตอร์ ใช้ใบเก่าโครงเก่า 300-500 เท่านั้น แต่ถ้าซื้อ ของเชียงกง ทั้งตัว ก็ประมาณ 800-1000
ถ้าช่างเก่งๆหาเทียบรุ่นกับรถอื่นมาใส่ได้ ของใหม่ ราคา ไม่น่าเกิน 1200-1500 แล้วลองเช็คราคา0เทียบดูนะครับ
2 ความร้อนสะสมเริ่มสูงเพราะน้ำในระบบระบายความร้อน และหม้อน้ำ ขาด คือไม่พอ (หากคุณ ไม่เคยเปิดกระโปรงรถ เช็คดูเลย ส่วนสาเหตุที่ขาดหายไปมีมากมายหลายสาเหตุครับ
ไม่ว่าจะเป็นมีจุดรั่วซึม หรือ แม้แต่ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ (ฝาละ 150-180 บาท ของใหม่ซื้อตามร้านอะไหล่ทั่วไป)
เรื่องอู่ จริงๆ อู่ที่พวกเราใช้กันในนี้ 3-4 แห่ง น่ะ เอาไว้สำหรับกรณี ยากๆ ครับ ถ้าแค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องธรรมดา เข้าอู่หรือร้านบริการไหนก็ได้ ขอแค่ คุณระบุว่าต้องการ น้ำมันเครื่องอะไรให้ถูกเท่านั้นครับ
น้ำมันเครื่อง อยากให้ศึกษาดู แต่เอาง่ายๆ ว่า รถคุณ ถ้าต้องวิ่งไกลๆแบบนี้บ่อยๆ ให้ใช้ เกรด ประมาณ 15 -50W , 5-40 W กึ่งสังเคราะห์ก็พอครับ
ไม่จำเป้นต้องใช้เกรด เลิศเลอ เป็น สังเคราะห์ 100 % เพราะรถเราไม่ใช่รถใหม่ ใส่ไป ไม่ได้มีผลต่างอะไร กับ เกรดที่ผมกล่าวข้างต้นครับ แถมราคาสูงกว่าแบบ ไม่สมเหตุ
ถ้าข้างถังระบุว่า ใช้ได้ 10000 โล เราก็เปลี่ยนก่อนเวลา สัก 20-30% ครับ
และมีอีกแบบที่เป็นเกรดประหยัด เป็นน้ำมันเครื่องธรรมดา ที่ก็ใช้แก้ขัดได้แต่เปลี่ยนเร็วกว่า ข้างถังระบุ 5000 เราก็ควรเปลี่ยนก่อนเช่นกัน ซึ่งราคาจะถูกกว่า เพราะน้ำมันอายุใช้งานสั้นกว่า คือมันเสื่อมสภาพ
ส่วนเรื่องประวัติรถ คุณกังวลมากเกินไปครับ
ศูนย์เอาเรื่องนี้ มาเป็นจุดขาย
ไม่สาธยายละครับ เอา ว่า รถเรา ของๆเรา ทำไมต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ
หาสมุดโน๊ตเล่มเล็กๆ สักเล่ม ติดรถไว้
ทำอะไร ก็จดรายการ วันที่ และเลขไมล์ พร้อมระบุสถานที่ซ่อมหรือทำ ทุกครั้ง
แค่นี้ ประวัติทั้งหมดก็อยู่ในมือคุณแล้ว จะขึ้นเหนือ ลง ใต้ หรือปในที่ไม่มีอินเตอร์เนต ออนไลน์ ก็มีประวัติ ติดรถ แล้ว
ที่สำคัญ คุณยึดติดประวัติ เพราะถูก ศูนย์บริการ สร้าง พฤติกรรม ยึดติดประวัติมานานน่ะครับ
จากนี้ไปเข้าอู่นอก รับรองครับ ไม่มีอู่ไหน ขอดู หรืออ้างประวัติรถคุณอีกเลย
ประวัติมีไว้สำหรับ Preventive maintenance คือซ่อม/เปลี่ยนก่อนเสีย ตามที่คุณเข้าใจ ถูกต้องครับ
ซึ่งหลักๆ ก็มีไม่กี่รายการ ที่ถ้าเสียแล้วรถต้องจอดกลางทาง
ทุกชิ้นส่วน เวิน สายพานราวลิ้น เมื่อเริ่มชำรุด มักมีอาการฟ้องมาให้คุณทราบ จากการขับขี่เสมอ ไม่ว่าจะเดียงดัง หรือการทรงตัว หรืออาการของเครื่อง ฯลฯ ครับ
จากนี้ถ้าคุณเริ่ม ศึกษาเรียนรู้ เกี่ยวกับ รถที่คุณรัก แล้ว ปัญหา ที่คุณกลัว ก็จะไม่ใช่ปัญหา ที่น่ากลัวอย่างที่คิด เหมือน เพื่อนๆสมาชิกที่นี่ อีกต่อไปครับ ผมเชื่อ ว่า คนเราถ้าตั้งใจจะทำอะไร ถ้ามีความมุ่งมั่นและพยายามจริงๆละก้อ ย่อมทำได้สำเร็จแน่นอนครับ