จาก www.gasthai.com ครับ
ปัญหาที่พบกันบ่อยและข้อสันนิษฐานหาที่เสีย
1. เข็มความร้อนขึ้นสูงผิดปกติ ไม่ว่าวิ่งเร็ววิ่งช้า หรือติดไฟแดงนานๆ
1.1 ระดับน้ำในหม้อน้ำ ปกติ
1.2 ระดับน้ำในหม้อพักน้ำ ปกติ
1.3 พัดลมหม้อน้ำ เดินและหยุดเดิน ปกติ
1.4 เห็นการไหลของน้ำในหม้อน้ำ (จากการเปิดฝาดู) ปกติ
1.5 สีของน้ำ มีสนิมปน ที่ฝาหม้อน้ำ มีคราบสนิมเกาะ นิดหน่อยไม่มากนัก
ข้อสันนิษฐาน อาการเสีย
1.1 วาล์วน้ำเสื่อม เปิดให้น้ำผ่านในอุณหภูมิที่สูงกว่าเดิม เพราะกลไกเริ่มฝืดตัว
1.2 หน้าปัดเรือนไมล์เสื่อม วัดความร้อนได้ผิดจากเดิม
1.3 ตัววัดอุณหภูมิเสื่อม หรือมีคราบตะกรันน้ำ หรือหินปูนเกาะมาก วัดได้ค่าผิดพลาด คือวัดได้น้อยกว่าความเป็นจริง
1.4 แบตเตอรี่เสื่อม เก็บไฟไม่ค่อยอยู่ และมีแรงดันสูงเกินไปเวลาวิ่งเร็ว ทำให้อ่านค่าผิด
2. เข็มความร้อนขึ้นสูงผิดปกติ เฉพาะตอนติดไฟแดงนานๆ เวลาวิ่งไม่มีปัญหา
2.1 ระดับน้ำในหม้อน้ำ ปกติ
2.2 ระดับน้ำในหม้อพักน้ำ ปกติ
2.3 พัดลมหม้อน้ำ เดินและหยุดเดิน ปกติ
2.4 เห็นการไหลของน้ำในหม้อน้ำ (จากการเปิดฝาดู) ปกติ
2.5 สีของน้ำ มีสนิมปน ที่ฝาหม้อน้ำ มีคราบสนิมเกาะ นิดหน่อยไม่มากนัก
ข้อสันนิษฐาน อาการเสีย
2.1 วาล์วน้ำเสื่อม ค้างอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ปิดและไม่เปิดสุด เวลาวิ่งเร็วๆ สามารถระบายความร้อนได้ทัน แต่ติดไฟแดงนานๆ ระบายไม่ทัน ในกรณีนี้พัดลมเมื่อเดิน จะเดินนานกว่าปกติ
2.2 ใบพัดลมหม้อน้ำเสีย ไม่ตักลม คือหมุนเป็นปกติ แต่ได้ลมน้อย ต้องอาศัยการวิ่งของรถด้วยจึงจะเอาชนะความร้อนได้ หรือความเร็วพัดลมลดลง หรือฝืด
3. เข็มความร้อนขึ้นสูงผิดปกติ ทั้งตอนรถติดและรถวิ่ง
3.1 ระดับน้ำในหม้อน้ำ ลดลงเล็กน้อย เช่น ต้องเติมสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละครึ่งลิตร
3.2 ระดับน้ำในหม้อพักน้ำ ปกติ
3.3 พัดลมหม้อน้ำ เดินและหยุดเดิน ปกติ
3.4 เห็นการไหลของน้ำในหม้อน้ำ (จากการเปิดฝาดู) ปกติ
3.5 สีของน้ำ มีสนิมปน ที่ฝาหม้อน้ำ มีคราบสนิมเกาะ นิดหน่อยไม่มากนัก
ข้อสันนิษฐาน อาการเสีย
มีการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนแน่นอน ต้องหาที่รั่วซึมนี้ให้พบโดยเร็ว เพราะท่านอาจเผลอไม่ได้ตรวจและเติมน้ำในบางครั้ง เครื่องอาจจะร้อนจะเกิดความเสียหายได้ ที่เสีย สามารถเกิดได้จาก
3.1 ปั๊มน้ำ ซีลปั๊มน้ำรั่ว สังเกตได้จากการที่เห็นคราบน้ำในตัวเครื่องยนต์บริเวณปั๊มน้ำ
3.2 ขั้วต่อสายยางเข้ากับเครื่องยนต์ ตามจุดต่างๆ รวมทั้งที่ต่อพ่วงไปหม้อต้มแก๊สด้วย ถ้าเป็นที่สายยาง อาจมองไม่เห็นรอยรั่วด้วยตาเปล่า เพราะรั่วออกด้วยแรงดัน และเวลารั่วออกก็ไม่ปรากฏคราบน้ำให้เห็นเพราะกลายเป็นไอไปเลย
3.3 หม้อน้ำผุ รั่ว จะเห็นคราบสนิมหรือคราบน้ำที่รั่วได้
3.4 ตาน้ำรั่ว แผ่นตาน้ำที่ทำมาจากโรงงานเป็นโลหะขึ้นรูปอัดอยู่ที่ตัวเครื่องยนต์ ทำหน้าที่ปิดไว้กันน้ำรั่วตรงจุดที่เจาะไว้เพื่อสร้างทางเดินน้ำ นานๆเข้าเกิดการผุกร่อนและรั่ว จะเห็นคราบน้ำได้ชัดเจน
3.5 ปะเกนฝาสูบรั่ว ตรงส่วนที่เป็นรูน้ำ เกิดการรั่วซึมกับอากาศด้านนอก หรือรั่วซึมเข้าห้องเผาไหม้ได้ ทำให้น้ำถูกดูดเข้าไปห้องเผาไหม้ และพ่นออกทางท่อไอเสีย ในลักษณะของไอน้ำ น้ำในระบบจะลดลงเรื่อยๆ
*** เนื่องจากแต่ละข้อ การจะเข้าไปทำการตรวจวัด ต้องถอดอุปกรณ์หลายๆอย่าง เช่นหม้อน้ำ ปั๊มน้ำ สายยาง ดังนั้นบางอย่างอาจจะไม่คุ้มค่าที่จะใส่กลับเข้าไปอย่างเดิม จึงแนะนำให้ทำดังนี้
- สายยาง ถ้าอายุ 3 ปีแล้ว เปลี่ยนเลย เว้นแต่เส้นที่อยู่ใกล้ๆและอยู่ข้างนอกสามารถเปลี่ยนได้ง่ายภายหลัง เส้นที่อยู่ลึกๆ เปลี่ยนยากควรจะถือโอกาสเปลี่ยนใหม่ให้หมด
- ถือโอกาสล้างหม้อน้ำไปเลย เช็ครั่วใหม่ เปลี่ยนฝาหม้อน้ำและวาล์วน้ำใหม่
- ล้างระบบระบายความร้อนทั้งระบบ 1 ครั้ง ด้วยน้ำยาล้างระบบ จะทำให้ต่อไปจะเป็นสนิมน้ำได้ยากขึ้น
4. มีฟองอากาศพุ่ง ในหม้อพักน้ำ
4.1 น้ำในหม้อน้ำ ลดลง ต้องคอยเติม เช่นสัปดาห์ละครั้ง
4.2 น้ำในหม้อพักน้ำ ไม่ลด
สงสัยว่า ปะเกนฝาสูบจะรั่ว ลักษณะจังหวะระเบิด มีแรงอัดในห้องเผาไหม้สูงมาก ทะลุปะเกนมาในระบบระบายความร้อนได้ ทำให้เป็นฟองอากาศในหม้อน้ำ และดันออกไปถึงหม้อพักน้ำได้ แต่ยังเป็นการรั่วน้อยๆ ทำให้จังหวะดูดน้ำกลับหม้อน้ำ ไม่ได้ดูดน้ำไปมาก เนื่องจากดูดเอาไอดีจะง่ายกว่า
5. น้ำในหม้อพักน้ำลดลง
5.1 น้ำในหม้อน้ำไม่ลด เต็มอยู่ตลอดเวลา
5.2 เข็มความร้อนปกติ การใช้งานปกติ
ถือเป็นปกติ แต่อาจมีการระเหยเร็วเกินไป เช่นลืมปิดฝาหม้อพักน้ำไว้
6. น้ำล้นหม้อพัก
6.1 น้ำในหม้อน้ำไม่ลดลง เต็มอยู่ตลอดเวลา
6.2 เข็มความร้อนปกติ
6.3 เป็นที่ความเร็วสูง เช่นวิ่งทางไกลประมาณ 100 กม. ขึ้นไป
อาการนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างไปของระบบ ทำให้เกิดการทำงานที่ผิดพลาดขึ้น โดยปกติแล้ว เมื่อเติมน้ำที่ขีดสูงสุดในหม้อพักน้ำ (Max) ปริมาตรที่เหลือในหม้อพักน้ำก็ยังคงมีมากพอที่จะรับปริมาณน้ำที่เกิดจากการขยายตัวของน้ำทั้งระบบได้ เว้นแต่
- ไปเปลี่ยนขนาดหม้อน้ำให้ใหญ่ขึ้น รองรับปริมาณน้ำได้มากขึ้น เมื่อเกิดการขยายตัว ก็จะขยายตัวได้มากขึ้น จำนวนน้ำที่ไหลมาเก็บกักไว้ที่หม้อพักน้ำก็จะมีปริมาณมากขึ้น จนขนาดของหม้อพักน้ำไม่พอ วิธีแก้คือเปลี่ยนหม้อพักน้ำให้มีขนาดความจุมากขึ้น
- เปลี่ยนขนาดหม้อพักน้ำใบใหม่ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำที่ขยายตัวตอนเครื่องร้อนไว้ได้
- เครื่องร้อนมากกว่าเดิม เช่นแต่งเครื่องยนต์มา ปาดฝาสูบ ติดเทอร์โบ การขยายตัวของน้ำจึงมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เข็มความร้อนก็ควรจะแสดงค่าสูงขึ้นด้วย
7. เข็มความร้อนขึ้นสูง กำลังรถตก เร่งไม่ขึ้น
อันตรายกำลังบังเกิด ให้ค่อยๆเบาเครื่องเข้าข้างทาง ถ้าขับมาไกลมาก ยังไม่ต้องดับเครื่อง เปิดฝากระโปรงรถ ใจเย็นๆ ตั้งสติดีๆ แล้วทำดังนี้ ( ยังไม่ฮีทน่ะครับ )
7.1 มองดูว่าน้ำในหม้อพักน้ำปกติดีหรือไม่ ถ้าลดลงมาก สามารถเติมได้ทันทีจนล้นเลยก็ได้
7.2 ดูว่าพัดลมหม้อน้ำทำงานหรือไม่ ถ้าไม่ทำ ลองเปิดเครื่องปรับอากาศดู ถ้าทำงานพร้อมเครื่องปรับอากาศ ให้เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ ไม่ต้องกลัวว่าจะยิ่งไปเป็นภาระแก่เครื่องยนต์ การที่พัดลมไม่ทำงาน จะเป็นอันตรายกว่า ถ้ารู้ว่าสายคอมฯแอร์เป็นเส้นไหน จะถอดปลั๊กคอมฯ ก็ดีแต่ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ยังไงๆ ก็ให้พัดลมทำงานไว้ก่อนก็แล้วกัน
7.3 หาแหล่งน้ำ เช่นก๊อกน้ำ ตักน้ำมาค่อยๆราดตัวหม้อน้ำแถวๆฝาหม้อน้ำบน ระวังน้ำที่ราดหม้อน้ำอาจจะเดือดเป็นไออย่างรุนแรงได้ ให้ค่อยๆราด ไล่จากข้างบนลงข้างล่าง ไปจนทั่วรังผึ้ง อาจใช้น้ำดื่มราดก็ได้ ถ้าจำเป็น
7.4 หาผ้าขี้ริ้วปิดที่ฝาหม้อน้ำ ค่อยๆบิดเปิดฝาหม้อน้ำ ระวังโดนไอน้ำเดือดลวกผิว ให้ทำด้วยความระมัดระวัง ถ้าจะให้ดีต้องราดตัวหม้อน้ำให้มากที่สุด จนแรงดันในหม้อน้ำหดตัวลงมากพอที่จะเปิดได้โดยไม่เกิดอันตราย
7.5 ค่อยๆเทน้ำลงในหม้อน้ำ ถ้ามีน้ำร้อนให้ใช้น้ำร้อน (สมมุติว่าเสียที่หน้าร้านขายกาแฟพอดี ให้ซื้อน้ำร้อนจากร้านกาแฟมา 1-2 หม้อ มาเทใส่ในหม้อน้ำ) ถ้าเทน้ำเย็นต้องค่อยๆเทลงไป เพราะเครื่องยนต์ขณะนี้ร้อนมาก โดนน้ำเย็นทันที น้ำจะระเบิดพลุ่งพล่าน
7.6 เครื่องจะค่อยๆเย็นลง จนถึงอุณหภูมิปกติ ราดน้ำที่หม้อน้ำไปเรื่อยๆ ให้เย็นลงอีกก่อนที่จะขับรถต่อไปยังอู่หรือบ้าน เพื่อทำการซ่อมต่อไป
**** ถ้าคิดว่าทำอะไรไม่ถูก ก็ดับเครื่องแล้วเปิดฝากระโปรงรถไว้ รอประมาณ 1 ชั่วโมงค่อยทำข้อ 7.4 7.6 ก็ได้