O2 Sensor เปิดฝากระโปรงรถ ถอดท่อรับอากาศเข้าเครื่องยนต์ออก จะเป็นแผ่นพลาสติกสีดำพาดอยู่หลังหม้อน้ำ ติดอยู่กับคานฝากระโปรงหน้า พอถอดออกจะเห็นท่อไอเสียครับ มองลงไปตรงตรงท่อไอเสีย ถ้าหันหน้าเข้าหารถให้มองด้านขวาของท่อ จะเห็นปลั๊กเสียบอยู่หนึ่งตัว ตรงนั้นคือ O2 Sensor ครับ
ISC คือ Idel Speed Control เป็นตัวควบคุมรอบเดินเบาครับ เกี่ยวกับแอร์ ไดชาร์ต ตอนที่ อุปกรณ์ no-load และ on-load เพื่อให้รอบเดินเบาคงที่ ที่รอบที่เหมาะสม รวมไปถึงการเพิ่มรอบเดินเบาเวลาเครื่องเย็น หรือสตาร์ทตอนเช้าครับ มันเป็นชุดเดียวกันติดอยู่กับลิ้นปีกผีเสื้อนั้นแหละครับ
PCV ย่อมาจาก Positive Crankcase Ventilation ครับ มันเป็นวาล์วที่ติดตั้งเข้าไปในระบบเพื่อทำการลดปริมาณของก๊าซ hydrocarbon ที่เกิดจากการเผาไหม้ ภายในห้องเผาไหม้ กลับเข้าไปยังท่อร่วมไอดี (intake manifold) เพื่อไม่ให้หลุดออกไปสู่ชั้นบรรยากาศ
อาการเสีย : จากการทำงานของตัววาล์ว ตอนที่เรายังไม่ได้ติดเครื่องยนต์ตัวสปริงภายใน PCV จะดันปิดรูไว้จนสุด พอเราติดเครื่องยนต์แล้ว ที่ความเร็วรอบเดินเบาปกติของเครื่อง จะมีแรงดูดเข้าไปในท่อรวมไอดีสูงมาก
จึงทำให้วาล์วถูกดูดเข้าไปในตำแหน่ง minimum ตัววาล์วจึงเปิดให้อากาศไหลผ่านได้เพียงเล็กน้อย
ซึ่งจะมีผลต่อการควบคุมรอบเดินเบาด้วย ถ้าหากว่าวาล์วไม่ปิดในสภาวะนี้ จากนั้นเมื่อเราเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว ความเป็นสูญญากาศในท่อร่วมไอดีจะลดลง อากาศจะสามารถไหลผ่านออกมาจากห้องเผาไหม้ไปยังท่อร่วมไอดีได้ เนื่องจากสปริงในตัววาล์วจะดันตัวเองกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่อากาศสามารถไหล ผ่านได้เต็มที่ในขณะรถวิ่งที่ความเร็วปกติจะเกิดความสมดุลของสูญญากาศ PCV จะเปิดอยู่ในระดับปกติกลางๆ ถ้าเกิดว่าวาล์วไม่เปิด เวลาวิ่งเครื่องจะค่อนข้างเสียงดังออกตื่อๆ แต่ถ้าในกรณีเกิด Backfire ขึ้น จะมีแรงดันออกมาจากท่อร่วมไอดี PCV valve จะทำหน้าที่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้ผ่านเข้าไปในเครื่องยนต์ได้
วิธีการตรวจสอบ
- ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานอยู่ในสภาวะรอบเดินเบาปกติที่อุณหภูมิปกติ ให้ทำการดึงตัววาล์วออกมาจากฝาเครื่อง
( ถ้าท่านยังไม่เคยเปลี่ยนเลยก็ไปซื้อมาก่อนได้เลยเพราะว่าพลาสติกมันจะแข็ง และกรอบจนกลายเป็นแก้วไปเลยละ อย่าลืมยางรองที่ติดอยู่ในรูของฝาครอบเครื่องด้วยนะครับ )
-จากนั้นเอานิ้วแตะที่รูของ PCV valve จะต้องมีแรงดูดเข้าไปข้างใน
-จากนั้นทำการดับเครื่องยนต์ แล้วให้ทำการเขย่าตัววาล์วดูจะต้องได้ยินคลิกๆ
Vacuum Sensor ( MAP sensor / เซ็นเซอร์อุณหภูมิของน้ำ ) คือ เซนเซอร์วัดแรงดันท่อร่วมไอดีครับอยู่แถวลิ้นเร่งนั้นแหละครับ
Valve purge คือ Solenoid อีกตัวที่ต่อท่อมาจากถังน้ำมัน ด้านหลัง ผ่าน Canister จะเปิดเป็นจังหวะเพื่อระบายไอน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าท่อร่วมไอดี กลัวหลุด รั่ว หรือ เปิดค้างครับ
ส่วน "Fluid regulator ถอดสายเอานิ้วอุดไล่ทีละวงจร อันนี้ไล่ยังไงครับ" สงสัยผมทำให้ท่านเข้าใจผิด วิธีตรวจสอบคือ ให้ช่างตรวจสอบแรงดันน้ำมัน ว่าได้ตามกำหนดหรือไม่ ( ประมาณ 39-45 psi ) แล้วต้องมีแรงดันตกค้างไม่ต่ำกว่า 20 psi ครับ หากต่ำกว่าให้เปลี่ยน Fluid regulator และหากไม่มีแรงดันตกค้างเลย แสดงว่ารั่ว ตรวจสอบท่อน้ำมัน และหัวฉีด ครับ
ส่วนอาการน้ำมันของท่าน อาการรอบเดินเบามีรอบเครื่องยนต์สูง เข้าเกียร์ดับ มันมีสาเหตุหลัก ๆ อยู่สองสามอย่างครับ แต่ก่อนอื่นผมถามว่าช่างที่ทำการซ่อมโดยเปลี่ยนฝาสูบให้ท่านอาการนี้ให้คุณ ไปทำการปรับตัวเรือนลิ้นเร่ง TPS บ้างหรือไม่ครับ โดยมากช่างที่ไม่สามารถหามูลเหตุในการแก้ไขเรื่องรอบเดินเบาได้ จะใช้วิธีปรับสกรูดันวงล้อแกนลิ้นปีกผีเสื้อ ให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดให้อากาศเข้าสู่ห้องไอดีเพิ่ม เหมือนกับเราเหยียบคันเร่งช่วยไว้ เพื่อให้รอบเดินเบาของเครื่องยนต์สูงไว้ก่อน กลัวว่าเครื่องยนต์จะดับเวลาเข้าเกียร์ หรือเหยียบครัช แต่การปรับอย่างนั้นมันเป็นระบบเครื่องคาร์บิว จะมาใช้กับระบบที่ควบคุมด้วยสมองกล ECU ไม่ได้ การทำงานของระบบ ECU จะอาศัยตัวเซ็นเซอร์ต่างๆ เป็นตัวป้อนข้อมูลให้ ECU ทราบว่า การทำงานของแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำงานมีขั้นตอนอย่างไรที่จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้ถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ
การที่ช่างบางท่านได้ไปทำการปรับ ตัว TPS sensor ที่ติดอยู่ร่วมกับแกนลิ้นปีกผีเสื้อ หากปรับไม่ตรงตำแหน่ง ในจังหวะรอบเดินเบาและอัตราเร่งของเครื่องยนต์แล้ว จะทำให้รอบเดินเบาสวิงในรอบสูง กลับไปกลับมา ทั้งนี้เพราะว่าตำแหน่งที่ตัว TPS sensor อ่านค่าโวลเทจจากตำแหน่งลิ้นปีกผีเสื้อปิด(รอบเดินเบา)และลิ้นปีกผีเสื้อเริ่มเปิดกว้าง เป็นอัตราเร่งของเครื่องยนต์ มีค่าไม่ตรงกับตำแหน่งนั้น เช่นไปปรับสกรูดันให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิด ทั้งๆที่อยู่ในรอบเดินเบา ก็กลายเป็นว่า ECU รับข้อมูลโวลเทจที่ตัว TPS อ่านได้ในขณะนั้น เป็นตำแหน่งอัตราเร่งของเครื่องยนต์ มันก็จะสั่งให้หัวฉีด มีเวลาในการฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้น ให้เหมาะสมกับอัตราเร่ง จึงทำให้รอบเครื่องยนต์สูงในขณะนั้น ในขณะเดียวกันกับที่เครื่องยนต์มีโหลด เช่นเข้าเกียร์ ทำให้ ECU สั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลัง แต่เมื่อ TPS ส่งข้อมูลไปให้ ECU ทราบในตอนแรกว่าอยู่ที่อัตราเร่ง(เพราะปรับผิด) ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นอีก เป็นผลให้มีน้ำมันมากในส่วนผสม หนา ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ ผลที่ออกมาคือเครื่องยนต์มีกำอัดต่ำ รอบเครื่องยนต์ในขณะนี้จะต่ำ จึงทำให้รอบสวิงไปมาระหว่างสูงและต่ำ
อีกสาเหตุก็ การที่เครื่องยนต์มีรอบสูงในจังหวะรอบเดินเบา มันเป็นการบ่งบอกว่ามีอากาศรั่วเข้าไปที่ท่อไอดีของเครื่องยนต์ เหมือนกับเราเหยียบคันเร่งให้ลิ้นปีกผีเสื่อเปิด อากาศก็จะผ่านเข้าไปในท่อไอดี รอบจะมากหรือน้อยก็อยู่กับการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ ก็ทำนองเดียวกันกับ อากาศที่รั่วเข้าไปทีท่อไอดี แล้วมันจะรั่วได้ที่ใดบ้าง ให้สังเกตให้ดีว่าที่ท่อไอดีของเครื่องยนต์จะมีท่อยางที่ต่อไปใช้งานต่างๆ เช่นท่อยางที่ต่อเข้าไปที่ห้องเครื่องยนต์เพื่อดูดเอาไอน้ำมัน เกิดรั่วหรือฉีกขาด หรือวาวล์กันกลับของท่อยางลิ้นรั่ว ทำให้มีอากาศใหลเข้าท่อไอดี ทำให้เครื่องยนต์มีรอบสูงประมาณ 1500-2000 รอบ บางทีมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับว่าอากาศเข้ามากหรือน้อย ( วิธีทดสอบง่าย ๆ ดังนี้ครับ ให้คุณถอดท่อสายยางที่ท่อแว็คคั่มไอดี สายที่สอดใต้ฝาครอบพลาสติคสีดำ ตรงปลั๊กที่เสียบหัวฉีด เส้นนี้ดึงออกจากทอไอดี ด้านเดียว แล้วทดลองดูดที่ปลายท่อที่ดึงออก หากลมผ่านได้ก็โอเค แต่ถ้าหากเราเป่าลมให้เข้าไปในท่อ หากปกติ มันจะเป่าให้ลมผ่านไม่ได้ คือเป่าแล้วไม่มีผล เพราะลิ้นกันกลับของวาวล์กั้นไม่ให้ลมผ่าน
ถ้าสมมุติว่าผ่านได้ ตั้งแต่มากไปจนผ่านตลอดได้แบบท่อไม่มีอะไรขวาง แสดงว่า วาวล์กันกลับลิ้นเสีย ทำให้อากาศไหลเข้าห้องท่อไอดีมากว่าที่กำหนด (ปกติในขณะที่มีแรงดูดของแว็คคั่มที่ท่อไอดี มันก็จะดูดอากาศผ่านลิ้นไอดีได้ แต่ไม่มาก อากาศที่ไหลผ่านลิ้นที่วาวล์นี้ จะสัมพันธ์กับการปรับอากาศของสกรู ปรับรอบเดินเบาที่ตัวเรือนปีกผีเสื้อ) ทำให้รอบเครื่องยนต์สูง หากไหลผ่านมากมากรอบก็ยิ่งสูง ไหลผ่านน้อยรอบจะสวิงสูงบ้างต่ำบ้าง ตามแรงดุด Vacuum ที่ท่อไอดีครับ ) และก็ท่อยางต่างๆที่ต่อไปใช้งาน รวมไปถึงลิ้น เปิดสุญญากาศ Vacuum switching valv (VSV) ACV ลิ้นควบคุมอากาศ ตัวเหล่านี้อาจจะรั่ว ทำให้อากาศไหลเข้าท่อไอดี และอย่าลืมตรวจท่อยางที่ต่อจากท่อดีไปเข้าหม้อลมเบรคด้วยครับ อาจจะรั่วก็มีส่วนครับ
อีกสาเหตุนึง บางครั้งอาจจะมาจากการตั้งไฟ องศาการจุดระเบิดไม่ถูกต้อง หรือเซ็นเซอร์เพลาข้อเหวี่ยงขัดข้อง ช่างที่ตรวจต้องใช้เครื่องมืออีเลคโทรนิคส์เข้าช่วย วิเคราะห์หาสัญญาณ ที่กำเนิดภายในตัวจานจ่าย ว่ามีสัญญาณ G NE เกิดขึ้นหรือไม่ ในทางที่ดีควรลองหาตัวจานจ่ายมาทำการทดลองเปลี่ยน ตามร้านขายอะไหล่มือสองครับ
หากขั้นตอนในการตรวจเช็คหาจุดบกพร่องต่างๆแล้ว ยังแก้ไม่หาย แนะนำให้ท่านทำการทดลองเปลี่ยนกล่อง ECU ดูครับ หรือเพื่อเป็นการตัดปัญหาในการตรวจสอบเบื้องต้น ควรทดลองเปลี่ยนกล่อง ECU ในขั้นตอนแรกเลยครับ เพื่อจะได้หายความสงสัย แล้วค่อยดำเนินขั้นตอนที่ผมแนะนำครับ เพราะบางทีปัญหานี้เกิดจากกล่อง ECU เสียได้เหมือนกันครับ
เพิ่มเติม ถ้าท่านล้างตัวเรือนปีกผีเสื้อทุกครั้งที่ถอดออกมาล้าง อย่าลืมเปลี่ยนปะเก็นใหม่ทุกครั้งครับ ครวจท่อยางที่ออกจากท่อไอดีไปยังที่อื่นๆว่ารั่วหรือเปล่า หรือทดลองดึงท่อยางนั้นๆออกตรงที่เข้าท่อไอดี แล้วใช้มืออุดเอาไว้ สตาร์ทเครื่องดูว่ารอบขึ้นสูงหรือไม่ ถ้าอุดแล้วรอบเครื่องลดลงมาที่ปกติ แสดงว่าท่อยางที่สวมกับท่อไอดีนั้นรั่ว ทำทีละเส้นนะครับ โดยเฉพาะท่อยางที่ต่อไปเข้าตัวเครื่องยนต์ด้านล่าง ที่ท่อยางอาจจะหลุดจากเบ้าเสียบลิ้นกันกลับที่ติดกับเสื้อเครื่องยนต์ หรือตัวลิ้นกันกลับ อาจจะรั่ว ทดลองดึงปลายสายทางที่เสียบเข้ากับท่อไอดีออก แล้วใช้ปากเป่าท่อยางว่าลมผ่านไปได้หรือไม่ ถ้าผ่านได้แสดงว่าลิ้นกันกลับรั่วครับ
สังเกตุดูสกรูปรับดันจานวงล้อสายคันเร่งที่ติดกับแกนปีกผีเสื้อ ปรับดันให้ปีกผีเสื้อเผยอเปิดไว้หรือเปล่า ควรปรับให้ลิ้นปีกผีเสื้อปิด แล้วตั้งปรับตัว TPS ให้อยู่ที่ตำแหน่งรอบเดินเบา และประการสุดท้ายลองเปลี่ยนตัวจานจ่าย เพื่อทดสอยการทำงานขององศาไฟจุดระเบิด
หากตรวจพบเจอที่รั่วของอากาศได้แล้ว และซ่อมเปลี่ยน หากมีรอบเครื่องยนต์ต่ำแต่ไม่สูง และยังสวิงให้ทำการเปลี่ยนVacuum Sensor ตัวที่ติดกับเรือนปีกผีเสื่อ อาจจะเป็นปกติ ลองทำดูครับถ้าไม่ชำนาญหาช่างไว้ใจได้แล้วบอกอาการดูครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจผมรบกวนขอ อีเมล์ท่านแล้วกันนะครับ