Close this window

วิ่งแล้วเครื่องดับ สตาร์ดติดแล้วดับ อาการกล่องหรือเปล่า โปเต้
ผมใช้โปเต้ 1.6 ปี 2001 ครับ ไม่ได้ติดแก๊ส ใช้น้ำมันล้วนๆ พอดีรถผมติดเครื่องได้แล้วสักพักก็ดับเอง พอวิ่งอยู่ดีๆ ก็ดับ แบบไม่มีอาการอืนๆ เลย เหมือนกับว่าปิดสวิทต์ที่เครื่อง รอบเครื่องก็ไม่สวิง ไม่กระตุก เป็นมาหลายครังแล้ว และได้ทำการเปลี่ยนอะไหร่ คือ
1.สายหัวเทียน
2.หัวเทียน
3.เช็นเชอร์เพลาลูกเบี้ยว
4. คลอย์เช็คแล้วไม่เสีย (ตรวจโดยศูยน์)
5. ล้างแอร์โพร กับปีกผีเสื้อแล้ว
6. เปลี่ยนกลองเบนซินในถังน้ำมัน
7. หัวฉีดช่างเช็คแรงดันน้ำมัน และไฟที่มาเลี้ยงหัวฉีดก็ปกติ
อาการดังกล่าวก็ยะงไม่หายเลยครับ ผมก็สงสัยอีกตัวที่ทางคลับบอกว่า ตัว เซ็นเซอร์เผลาข้อเหวียงเสีย ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เครื่องดับได้ ผมเลยถามช่าง และก็ได้คำตอบจากเค้าว่า ถ้าตัวนี้เสีย จะไม่สามารถติดเครื่องได้เลย แต่นี่ติดเครื่องได้แล้วก็ดับคงไม่เสีย ตอนนี้ขับรถแล้วไม่สบายใจเลย [ อีกอย่างหนึ่ง ผมสงสัยว่า กล่องจะมีปัญหาหรือเปล่า ขอรบกวนผู้รู้ ช่วยรถผมด้วย
และแนะนำ วิธีแก้ไขด้วยนะครับ ว่าผมควรจะทำยังไงดี
โดย: อัศนัย   วันที่: 24 Jun 2011 - 09:10


 ความคิดเห็นที่: 1 / 9 : 652945
โดย: a
เซ็นเซอร์เพลาข้อเหวี่ยงมีระยะห่างของมันด้วยเซ็คอีกที
และปั้มติกอีกตัวครับ
วันที่: 24 Jun 11 - 09:33

 ความคิดเห็นที่: 2 / 9 : 652951
โดย: อัศนัย
ขอบคุณครับ ผมนำรถเข้าศูยน์ ให้ช่างเค้าทำการเช็คแล้วครับ ผมก็ได้ถามว่าช่างทำการตั้งองศาและเช็คระบบเผลาข้อเหวี่ยงให้ผมด้วย เค้าก็ตอบว่า ตั้งให้ใหม่แล้ว แต่ก็ยังดับอีกอะครับ... ช่างที่ศูนย์ก็แนะนำให้ผมนำรถไปทิ้งให้เค้าอีก 3-4 วัน ก่อนหน้านี้ก็เอาไปทิ้งให้เค้าเช็ค แล้ว 4 วัน พอเอากลับมาใช้ได้ 2-3 วันอาการก็มาดับอีก เลยคิดว่าจะเอาไปให้เค้าเช็คอีกรอบจะมัย...ผมไม่แน่ใจว่ากล่องจะมีปัญหาหรือเปล่าอะครับ...จะเช็คได้อย่างไหร แนะนำด้วยครับผม..
วันที่: 24 Jun 11 - 09:49

 ความคิดเห็นที่: 3 / 9 : 652960
โดย: puri99
ของผมเป็นอาการคล้ายกันแต่เป็นที่แอร์โฟร์ วิ่งไปเฉยๆก็ดับกลางอากาศ สตาร์ทติดก็ดับอีก สตาร์ทจนเหนื่อย "จนคิดว่าจะได้เข็นเข้าอู่ซ่ะแล้ว" ก็เลยลองไล่สายไฟดูปรากฏว่าปลั๊กแอร์โฟร์หลวม(ปลั๊กผมสลักล็อกมันหักมันก็เลยเลื่อนหลุดได้) พอเสียบใส่ก็เป็นปกติทุกอย่างครับ
ลองๆเช็คดูครับ...เผื่ออาจจะเป็นจุดที่คิดไม่ถึงเหมือนผมก็ได้
วันที่: 24 Jun 11 - 10:11

 ความคิดเห็นที่: 4 / 9 : 652985
โดย: mie
อย่าไปทำที่ศูนย์เลยครับ...ลองหาช่างในคลับดูดีกว่า..เข้าศูนย์เดี๋ยวก็ไล่เปลี่ยนอะไหล่ไปจนกว่าจะดี..บานแน่ๆ..
วันที่: 24 Jun 11 - 11:19

 ความคิดเห็นที่: 5 / 9 : 652998
โดย: อัศนัย
ขอบคุณครับ วันนี้ตอนเย็นจะกลับไปทำอย่าที่คุณ puri99 บอกมา จะลองดูเผื่อว่าจะเป็นเหมือนกันครับ
วันที่: 24 Jun 11 - 11:59

 ความคิดเห็นที่: 6 / 9 : 653033
โดย: Joy_626
ของเราก็เคยเป็นวิงอยู่เฉย ๐ ก็ดับ แต่ของเราเป็นที่คอยส์ เปลี่ยนของมือสองหมดไปประมาณ
2,000 กว่าบาท
วันที่: 24 Jun 11 - 14:25

 ความคิดเห็นที่: 7 / 9 : 653079
โดย: นุนิวซีดาน
เช็ค รีเลย์ปั๊มติ๊กด้วยครับ
วันที่: 24 Jun 11 - 17:11

 ความคิดเห็นที่: 8 / 9 : 653128
โดย: srithanon
ปัญหาที่ท่านเจ้าของกระทู้นำรถไปทำการตรวจเช็คมา และยังหาข้อแก้ไขไม่ได้ ทั้งที่ก็ได้ตรวจเช็คไปหลายอย่างแล้ว ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้อง
หากช่างได้ทำการตรวจเซ็นเซอร์เพลาข้อเหวี่ยงแล้วบอกว่าปกติ สิ่งที่น่าจะต้องทำการตรวจสอบก็คือตัวกล่อง ECU ทั้งนี้เพราะว่าในกรณีที่เครื่องยนต์ติดแล้ววิ่งไปได้สักพักเครื่องก็ดับ หนัดๆเข้าก็จะสตาร์ทไม่ติดเลย อยากจะแนะนำให้ตรวจสิ่งที่จะก่อให้เกิดปัญหานี้ได้ สองสามจุด ที่คาดว่าปัญปัญหา
สิ่งแรกก็คือ สัญญาณพัลส์ FC ที่กล่อง ECU ส่งสัญญาณนี้ไปให้กับขดลวดชุดที่สองของรีเลย์เปืดวงจร เพื่อต่อ loop ground ให้ขดลวดชุดที่สองทำงานมีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น และดึงหน้าคอนแท็ค แทนชุดรีเลย์ชุดแรกที่ทำงานในตำแหน่งสวิชท์สตาร์ทครั้งแรก เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว สวิชท์กลับมาอยู่ในตำแหน่ง ON จะไม่มีไฟเลี้ยงขดลวดชุดแรกที่ดึงหน้าคอนแท็คต่อไฟไปให้ปั้มติ๊กทำงาน ต้องอาศัยชุดขดลวดรีเลย์ชุดที่สองทำงานแทนเมื่อเครื่องยนต์ติด เพราะเมื่อเครื่องยนต์ติดที่ตัวจานจ่านจะส่งสัญญาณพัลส์ NE ไปให้ ECU ส่งสัญญาณ FC เพื่อให้ขดลวดชุดที่สองของรีเลย์เปิดวงจรทำงานต่อไปไปให้ปั้มติ๊กทำงานอย่างต่อเนื่อง ตราบที่เครื่องยนต์ติด
จึงเป็นไปได้ว่ากล่องECUไม่ส่งสัญญาณที่ว่านี้ไปให้ ทำให้ไม่มีไฟไปเล้ยงปั้มติก ในกรณ๊อย่างนี้ มีวิธีที่ง่ายในการที่จะให้ไฟไปเลี้ยงปั้มติก แทนการทำงานของรีเลย์เปิดวงจร ก็คือที่ตัวรีเลย์เปิดวงจร จะมีปลั๊กคอนเน็คเตอร์ขั่วตรวจสอบไฟที่ไปเลี้ยงวงจร จะมีสายไฟอยู่สองเส้น ให้เราหาสายไฟที่เป็นสายทองแดงจับเสียบลงไปในร่องปลั๊กที่ตำแหน่งสายไฟทั้งสองเส่นนั้นต่ออยู่ เป็นการจับช๊อทถึงกัน เพื่อให้ไฟไปเลี้ยงปั้มติ๊ก หากเป็นเพราะกล่องไม่ส่งสัญญาณ FC เราก็จะสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ในกรณีนี้อาจจะบอกได้เป็นสองกรณีที่ชำรุด หากกล่อง ECU ส่งสัญญาณ FC มา แต่รีเลย์เปิดวงจรเสีย ก็เป็นได้ หรือกล่องเ ECU เสีย
เมื่อต่อสายไชอ๊อทกันตามที่กล่าวแล้วเครื่องยนต์ทำงานไม่ดับ ก็ให้ตรวจสอบรีเลย์วงจรเปิด โดยการถอดออกมาแล้วดูตำแหน่งสายไฟที่สำหรับต่อลงกราวด์ของขดลวดชุดที่สอง เอาไฟบวก12 Volt ต่อกับขาเสียบของขั่วบวก แล้วเอาสายไฟที่เป็นเส้นมาจากสัญญาณ FC ต่อลงกราวด์ หากตัวรีเลย์ไม่มีเสีย จะเห็นเสียงดังที่มีสนามแม่เหล็กดึงหน้าคอนแท็คทำงาน หากเป็นดังนี้ แสดงว่าไม่มีสัญญาณ FC จากกล่อง ECU ก็ให้คิดว่ากล่องเสีย หากต่อสายไฟ FC ลงกราวด์แล้ว รีเลย์ไม่ทำงาน ก็แสดงว่ารีเลย์เสีย กล่อง ECU ปกติ นี้เป็นการตรวจสอบเรื่องไฟไปเลี้ยงวงจรปั๊มติก โดยอาศัยรีเลย์วงจรเปิดเป็นตัวตัดต่อไฟ
ในกรณีที่สอง เป็นไปได้ว่า ที่ตัวจานจ่ายมีปัญหา ที่ตัวปิคอัพคอย ที่สร้างสัญญาณ NE และสัญญาณ G มีปัญหา ไม่ส่งสัญญาณนี้ไปให้กล่อง ECU ส่งสัญญาณพัลส์ FC และสัญญาณ IGT โดยเฉพาะสัญญาณ IGT ที่เป็นสัญญาณการจุดระเบิดของวงจรชาวยจุดระเบิด ทำให้ไม่มีไฟสูงไปให้หัวเทียน
อาการที่เกิดขึ้นของสัญญาณทั้งสอง อาจจะเกิดขึ้นแล้วก็ขายหายไปเป็นบางช่วง ทำให้เครื่องยนต์ดับ
แต่เท่าที่เคยตรวจพบเป็นเพราะว่า มีวงจรที่ สร้างสัญญาณดังกล่าวในชุดของ ECU ไม่ทำงาน หรือทำงานมีสัญญาณพัลส์ขาดหายเป็นบางช่วง สิ่งที่แสดงออกทางเครื่องยนต์ก็คือ ตามอาการที่ท่านเจ้าของกระทู้กล่าวมา แลพในที่สุดก็สตาร์ทไม่ติด
เคยตรวจพบว่าที่กล่อง ECU มีตัว Capacitor ที่ทำหน้าที่ฟิลเตอร์กระแปสไฟของวงจรที่สร้างสัญญาณดังกล่าว เกิดการลีคในตัวCapacitor ทำให้กระแสไฟที่ใช้เลี้ยงวงจรนั้นตกลงหรือขาดหาย
แล้วแต่อาการที่ลีคในตัว Capacitor ถ้ารั่วน้อยก็พอสตาร์ทเครื่องได้แต่ก็จะดับภายหลัง เพราะกระแสไฟที่ลีคในตัวคาปาซิเตอร์ ยังไม่มาก ทำให้โวลเต็จขาดหายจนวงจรนั้นทำงานไม่ได้ อาการอย่างนี้ หากถอดกล่อง ECU เปิดฝาออกมาดูจะพบ เจ้าตัว คาปาซิเตอร์ ดังกล่าว มีอาการบวม มีน้ำกรดอีเลลคโตรไลท์ เป็นขุยตระกรันขาวเขียวอยู่ที่ขาเสียบเจ้าตัวคาปาซิเตอร์ตัวนั้น หากตรวจพบ ให้ทำการเปลี่ยนได้เลย ค่าประมาณ 10 MFD/50V ราคาไม่เกินห้าบาท บางทีอาจจะโชคดี ที่เจอหญ้าปากคอก แต่ก๋ไม่แน่อาจจะเสียที่ตัวไอซีหรือทรานซิสเตอร์ตัวเล็กในแผงวงจร ก็เดี้ยง ซ่อมไม่ได้ หากไม่มีความรู้ ที่จะเปลี่ยน มีทางเดียงในกรณ๊อย่างนี้ ให้ไปที่นรับซ่อมกล่อง ECU ขอเขาทดลองเปลี่ยนกล่องในรุ่นเดียวกัน แล้วทดลองใช้งาน เพื่อตัดปัญหาในการตรวจเช็คเอง โดยมากก็จะจบที่ตรงนี้ ง่ายดี
สมมุติว่าเกิดเปลี่ยนกล่องแล้วยังมีอาการเดิม ทีนี้ละเซ็งเป็ดเซ็งห่านเชียวล่ะ แต่ไม่ต้องังวล ยังมีที่ตรวจแก้อีก ในส่วนที่เกี่ยข้อง ผมว่าลองทำตามที่แนะนำก่อนก็ได้ บางครั้งอาจจะตรงประเด็น แต่ก็มีที่ไม่ตรงประเด็น แต่มีน้อย งัยก็ลองดูครับ ...srithanon
วันที่: 24 Jun 11 - 22:55

 ความคิดเห็นที่: 9 / 9 : 653162
โดย: อัศนัย
ขอบคุณมากครับ คุณ srithanon สำหรับข้อมูล รายการทั้งหมดนี้ คุณพอจะแนะนำร้านที่สามารถเช็ค อาการของกล่อง และระบบที่คุณกล่าวมานี้ได้ที่ไหนบ้างครับ ผมไม่ค่อยจะมีความรู้ในด้านนี้เลยครับ รบกวนหน่อยนะครับผม..
วันที่: 25 Jun 11 - 08:30