Close this window

เครื่องเดินไม่เต็มสูบเวลาเครื่องร้อน
เวลาเครื่องร้อน จะมีลักษณะเครื่องเดินไม่เต็มสูบ มีการสั่น แต่เวลาเครื่องเย็นไม่เป็นเครื่องมีกำลังดี เวลาเครื่องร้อน เครื่องจะมีลักษณะไม่ค่อยมีกำลัง เปลี่ยนสายหัวเทียนแล้วไม่หาย เปลี่ยนหัวเทียนแล้วไม่หาย
โดย: ปอนด์   วันที่: 11 Mar 2009 - 22:33

หน้าที่: 1   [2]

 ความคิดเห็นที่: 21 / 24 : 438737
โดย: Dang_p
รถผมใช้น้ำมันระบบเดียวครับ ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน ถามเยอะไปหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ
วันที่: 18 Mar 09 - 11:44

 ความคิดเห็นที่: 22 / 24 : 438757
โดย: srithanon
ยินดีครับ ที่คุณเป็นคนที่ชอบใฝ่หาความรู้และหาข้อมูล น่าชื่นชมครับ

หากรถคุณใช่น้ำมันอย่างเดียว ก็ขอกล่าวต่อในเนื้อหา ก่อนอื่นผมขอมองนอกเรื่องหลักการออกไปก่อนนะครับ ในกรณีที่รถใช้น้ำมัน สำหรับเรื่องรอบเดินเบาแล้ว นอกจากเป็นที่ตัวเซ็นเซอร์คอนโทรลรอบเดินเบาแล้ว ต้องแยกออกเป็นสองส่วน ส่วนที่คอนโทรลเดินเบารอบสูง ในช่วงที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิต่ำ (ตอนเช้า) และส่วนที่คอนโทรลรอบเดินเบาแบบปกติ (หลังจากที่เครื่องยนต์มีอุณหภูมิห้องเครื่องที่ทำให้การสันดาปตามมาตรฐาน) ส่วนประกอบอื่นๆมีผลเกี่ยวข้องได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ยกเว้นต้องอาศัยอุณหภูมิเซ็นเซอร์ระบบน้ำหล่อเย็นเป็นตัวช่วยการประมวลผลรวม ในการที่ ECU สั่งระยะเวลาการฉีดน้ำมัน
เอาอย่างนี้นะครับ ผมก็ยังยืนยันในเรื่องของอุณหภูมิของระบบน้ำหล่อเย็น ที่เกิดขึ้นที่เครื่องยนต์ ดังจะเล่าเรื่องที่ผม ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์รถของผมให้คุณทราบ มีช่วงหนึ่งที่ผมเกิดความสงสัยว่าทำไมหลังจากตอนเช้าๆ ของทุกวัน เวลาสตาร์ทเครื่องแล้ว รอบเครื่องยนต์ทำไมจึงมีรอบสูง แล้วสักระยะหนึ่งรอบเครื่องยนต์ก็กลับมาอยู่ที่รอบปกติ ในเรื่องของหลักการก็ทราบอยู่ แต่ยังไม่หายความอยากรู้ ก็เฝ้าสังเกตุและทดลองแบบเท่าที่จะทำได้ พอข้างๆเคียง ได้ผลออกมาน่าจะพอเชื้อถือได้ระดับหนึ่ง
ช่วงเช้า ในขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ รอบจะขึ้นสูงประมาณ ไม่เกิน 1500 รอบ หลังจากนั้นประมาณสองสามนาที รอบเครื่องยนต์ก็จะค่อบตกต่ำลงมาที่ปกติ คือ ประมาณ 800 รอบ หลังจากนั้นขับรถไปทำงาน ที่ทำงานมีลานจอดรถทั้งในร่มและกลางแดด ผมนำรถไปจอดที่กลางแดด จนกระทั่งเย็นเลิกงาน มาที่รถและทำการสตาร์ทรถ และเฝ้าดูรอบของเครื่องยนต์ ว่าจัเหมือนกับช่วงเช้าหรือไม่ ปรากฏว่า พอสตาร์ทเครื่อง เครื่องยนต์ทำงาน มีรอบสูงประมาณ ไม่เกินพันสองร้อยรอบ แล้วตกลงที่ ปกติ 8-900 รอบ ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ การการสังเกตุนี้พอที่จะเข้าใจได้ว่า ในขณะที่รถตากแดด มีอุณหภูมิสะสมทั้งที่ตัวเครื่องยนต์และระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ มีอุณหภูมิของตัวเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับ สภาวะของอุณหภูมิที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ตามทฤษฏีพื้นฐาน ในเครื่องยนต์
หรือเทียบเท่ากับในช่วงเช้าที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก แล้วรอสักพักหนึ่งพอเครื่องเริ่มร้อน รอบก็จะตกลงมาที่ปกติ ทำให้เราสังเกตุรอบที่เราสตาร์ทเครื่อง ในช่วงเย็น(กลางแดด ) มีรอบใกล้เคียงกัน ที่เป็นดังนี้ก็เพราะว่า เซ็นเซอร์อุณหภูมิของน้ำ มีความใกล้เคียงกัน ทำให้ ลิ้นอากาศที่เป็นตัวช่วยอากาศให้เร่งรอบเครื่องยนต์ ไม่ทำงาน (ปกติ) เพราะไม่ต้องวอมเครื่องยนต์หลังจากสตาร์ท
จากการทำงานในพื้นฐานของหลักการนี้ พอจะเชื่อได้ว่า อุณหภูมิของน้ำที่หล่อเย็นให้กับตัวเครื่องยนต์ มีอุณหภูมิ ที่ตัวเซ็นเซอร์ อ่านได้เท่ากับอุณหภูมิ ปกติที่รอบเดินเบา
อยากทราบว่าอุณหภุมิที่ทำให้ เซ็นเซอร์ทำงานอยู่ที่กี่องศา ก็ลองวัดดูนะครับ ผมยังไม่เฉลย เอาเป็นบอกว่า การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อุณหภูมิ อยู่ที่ 21-80C
แต่เนื่องจากคุณบอกว่า รอบเครื่องยนต์ของคุณรอบตกลงมาต่ำ ผมไม่ทราบว่าต่ำที่กี่รอบครับ ถ้าอยู่ที่ ประมาณ 800รอบ ก็ถือว่าปกติ แต่ถ้าต่ำกว่า ห้าร้อยลงมาถือว่าผิดปกติ เป็นไปได้ว่าระบบการคอนโทรลรอบเดินเบาของคุณ ไม่สมบูรณ์ เอาไว้ช่วงหน้าเข้ามากล่าวถึงส่วนที่จะต้องตรวจเช็ตดครับ วันนี้แค่นี้ก่อน เพราะได้เวลาที่จะต้องทำงานแล้ว ระบบงานของฝรั่งไม่เหมือนแบบเราๆ
หวัดดีครับ
วันที่: 18 Mar 09 - 12:48

 ความคิดเห็นที่: 23 / 24 : 438966
โดย: srithanon
ความสงสัยเกี่บวกับรอบของเครื่องยนต์ ที่ต่ำในกรณีที่รถคุณจอดไว้กลางแดด และปกติเมื่อรถอยู่ในที่ร่ม ไม่จอดอยู่กลางแดด หลังจากที่ผมกล่าวมาตามข้างบนนี้แล้ว ทำให้มีคำถามว่า เมื่อเวลาจอดในที่ร่ม มีรอบเครื่องยนต์เครื่องยนต์ ปกติ หมายความว่าช่วงเช้า คุณสตาร์ทรถแล้ว รอบเครื่องยนต์ขึ้นไปที่ ประมาณ 1500 รอบ แล้วสักพักหนึ่ง ลดลงมาหรือ ประมาณ 800 รอบ อย่างนี้ใช่ไหม
และเวลาอยู่กลางแดด พอเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ติด มันจะไม่ขึ้นไปที่ 1500 รอบ แต่มันจะเริ่มที่ 5-600 รอบ อย่างนี้ถูกต้องเปล่าครับ เพราะคุณไม่ได้บอกรายละเอียดมา หากเป็นเพราะกรณีนี้แล้ว จะต้องมาตรวจเช็คเรื่องระบบเซ็นเซอร์อุณหภูมิกันหน่อย ว่าทำงานปกติหรือไม่
เพราะเป็นไปได้ว่า ในช่วงเช้า ตัวอุณหภูมิ อาจจะมีค่าที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ตัวเทอร์มิสเตอร์ อาจจะมีค่าความต้านทานสูง ทำให้ ECU สั่งเปิดลิ้นอากาศแบบโรตารีโซลินอย หรือสั่งให้ลิ้นเปิดอากาศแบบใช้สเต็ปมอเตอร์ เปิดช่องระบายอากาศ เข้าห้องไอดีมาก ทำให้เครื่องยนต์มีรอบสูง(เดินเบารอบสูง)
แต่เมื่อ เครื่องยนต์มีอุณหภูมิสูง ค่าความต้านทานที่ตัวเทอร์มิสเตอร์ ก็ต่ำลง โวลเต็จที่ตกคล่อมค่าความต้านทานก็ต่ำลง ทำให้ ECU สั่งให้ลิ้นอากาศเปิดมาอยู่ที่ต่ำแหน่งปกติ ของระบบรอบเดินเบา ด้วยหลักการอันนี้ ไม่น่าจะมีผลกับสภาวะที่รถจอกอยู่กลางแดด เพราะค่าความต้านทานที่ตัวเมอร์มิสเตอร์ ยังคงทำงาน แต่อาจจะไม่สเตเบิลหรือแวรี่ตามอุณหภูมิก็ได้
สิ่งที่ควรจะตรวจสอบ สิ่งแรกก็คือเราจะต้องวัดค่าความต้านทานของตัวเทอร์มิสเตอร์ (เซ็นเซอร์ระบบน้ำหล่อเย็น) ว่ามีค่าความต้านทานเท่าใด ระหว่างช่วงเช้าหลังจากที่วอร์มเครื่องยนต์ จนรอบเครื่องมาอยู่ที่ 800 รอบ ใช้มิเตอร์แบบดิจิตอลวัด ไม่แนะนำให้ใช้แบบอนาล๊อค (พวกใช้เข็มชี้) เพราะเวลาเราวัดค่าความต้านทาน จะทำให้ได้ค่าที่ไม่ค่อยตรงความจริง และนำไปเปรียบเทียบกับรถที่จอดกลางแดด ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ก็จะเห็นความจริงได้ประเด็นหนึ่งในส่วนที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ หากมีผลแตกต่างกันอย่างมาก ก็จะมีผลต่อรอบเครื่องยนต์ เพราะผลที่ต่างกัน จะทำให้ลิ้นอากาศเปิดช่องอากาศผ่านได้น้อย รอบเครื่องอาจจะต่ำ
แต่ถ้าหากได้ค่าความต้านทานที่ตัวเทอร์มิสเตอร์ ใกล้เคียงกัน ผลอันนี้จะทำให้เรามองไปที่ประเด็นส่วนประกอบอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่นเรื่องของความร้อนกับกำลังอัด(แรงดัน)ของเครื่องยนต์ จะรวบลัดตัดความ ก็คือให้เราวัดแว็คคั่มที่ท่อไอดีเปรียบเทียบ ระหว่างจอดที่ร่มกับจอดกลางแดดให้เป็นบทสรุป ที่กล่าวอย่างนี้ ก็เพราะว่า การที่จะได้ค่าแรงดูด(แว็คคั่ม)ทีท่อไอดี จะมีขบวนการในการสันดาปในห้องสูป ที่ประกอบไปด้วยอัตราส่วนผสมระหว่างอากาศ(ออกซิเจน)กับน้ำมัน เมื่อมีการจุดระเบิดที่สมบูรณ์ จะมีแรงดันทำให้ลูกสูปเคลื่อนตัวลงมาด้วยความเร่งอย่างรวดเร็ว ทำให้แรงดูดที่เกิดขึ้นในท่อไอดีมีแรงดูดมากตามไปด้วย ถ้าอัตราส่วนผสมไม่สมบูรณ์ อันอาจจะขาดส่วนประกอบไม่เป็นไปตามทฤษฏีพื้นฐาน เช่นปริมาณอ๊อกซิเจน มีความหนาแน่นน้อยไป ก็จะมีกำลังของเครื่องยนต์ตกต่ำลงได้เช่นกัน
ต้องมาตรวจสอบกัน เพราะหลักการหลักๆ ที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานในรอบเดินเบา รอบสูงก็มาจากที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้นทั้งหมด เมื่อเราทำการตรวจสอบหาข้อมูลทั้งหมดแล้ว ไม่พบข้อผิดปกติ คราวนี้ถึงจะมาแยกวิเคราะห์หาส่วนประกอบในเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
เรื่องที่เกิดขึ้นกับรถคุณผมยังมีข้อสงสัยอยู่หลายประเด็น ต้องมาตรวจเช็คตามที่บอกเสียก่อน เพราะในนั้นมันเป็นผลรวมของขบวนการควบคุมระบบรอบเดินเบา ที่มีระบบเซ็นเซอร์ควบคุมการทำงาน เมื่อระบบการทำงานดังกล่าวไม่บกพร่อง ก็จำเป็นต้องร่ายยาวไปถึงระบบไฟระบบน้ำมัน สิ่งที่คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ มันก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ในเรื่องของระบบที่เกี่ยวข้องกับอีเลคโทรนิคส์ แต่เมื่อเกิดขึ้นได้มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้อยู่นอกเหนือในหลักการ ต้องมีที่ไปและที่มา ที่อธิบายได้ตามหลักวิชาการ
มีเพื่อนสมาชิกหลายๆท่าน เคยตรวจพบในอาการดังกล่าว เป็นไปนอกเหนือภาคที่กำหนดในการควบคุมรอบเดินเบา เช่นที่ระบบไฟ บางท่านบอกว่าเปลี่ยนสายหัวเทียนก็หาย บางท่านบอกเปลี่ยนหัวเทียนก็หาย ก็เป็นไปได้ครับ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นส่วนประกอบที่ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์เกิดขึ้นได้ พกพร่องสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็มีผลต่อเครื่องยนต์โดยตรงเช่นกัน เราตรวจสอบได้
ผมขอตอบในเรื่องนี้ แบบยังไม่มีบทสรุปที่ตรงประเด็น เพียงแต่ให้ข้อคิดแนวทางที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในหลักการ ทุกอย่างต้องตรวจเช็คกันไปทีละขั้นตอน อาจจะพบปัญหาที่เกิดขึ้นก็ได้ หลายขั้นตอนผมไม่ได้กล่าวลงไปในรายละเอียด อาจจะทำให้เนื้อหาขาดความต่อเนื่องไปได้ เอาเป็นว่าสักวันหนึ่งผมมีเวลาได้หาข้อมูลที่ดีกว่านี้มาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟังอีกครั้งก็แล้วกัน………..srithanon
วันที่: 19 Mar 09 - 11:41

 ความคิดเห็นที่: 24 / 24 : 439033
โดย: Dang_p
ขอบคุณมากครับที่ให้ความรู้ คือผมไม่ใช่ช่าง และก็ไม่ได้เรียนมาทางนี้แต่ผมก็พยายามหาความรู้
เรื่องรถอยู่บ้าง เป็นการชอบส่วนตัวนะครับ ก็หาพวกหนังสือมาอ่านหรือเข้าไปอ่านในร้านหนังสือ
เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมบ้าง ก็เลยพอจะเข้าใจที่คุณกล่าวมา อาจจะมีศัพท์ทางเทคนิคบางตัวที่ผม
ไม่เข้าใจแต่ก็ต้องขอขอบคุณอีกครั้ง ว่าแต่พอจะแนะนำหนังสือดี ๆ เกี่ยวกับเครื่องยนต์ ไฟฟ้ารถยนต์
ให้ผมบ้างไหมครับ และผมจะลองพยายาม(เนื่องจากไม่มีเครื่องมือ) ตรวจเช็คดูตามที่คุณบอก
คงได้คุยกันในโอกาศต่อไปนะครับ ขอบคุณครับ
วันที่: 19 Mar 09 - 15:24

หน้าที่: 1   [2]