ขอเล่าเรื่องสุดเครียดกับผู้หญิงอาร่ายยย ขี้เกียจทำงานจริง ๆ
เหงาก็เก่ง เบื่อชีวิตก็หลายครั้งเพราะความไม่อยากทำอะไรของเรา เห้อออ
หลังจากที่นั่งคิดนอนคิดอยู่นานว่า เราอยากจะมีชีวิตอย่างพอเพียงจริง ๆ หรือ
ก็ได้คำตอบว่า อย่าดีกว่า เพราะลูกน้องเก่าโทรมาจิกเหลือเกิน ...พี่มี่เมื่อไหร่จะเปิดบริษัทฯ ....พี่มี่เมื่อไหร่จะเลิกขี้เกียจซักที......
เห้ออออ และแล้วสองปีผ่านไปกับการทำงานธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ คนเดียวไม่มีใครมาเอี่ยวด้วย ท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ กะเพื่อนซี้ ทั้งในและต่างประเทศ(แถบเอเชีย)
เพราะคิดว่าตัวเองคงไม่มีปัญญาไปฝั่งเมกาหรือยุโรปแน่นอน
และแล้วความขี้เกียจก็เริ่มหมดไป จึงคิดจะทำการใหญ่ขึ้นมาบ้าง แล้วจะเริ่มต้นอะไรดีหล่ะ เอาหล่ะหว่ะ เรามีลูกค้าอยู่เมกานี่หว่า งั้นก็ไปเมกาแล้วกัน .....คิด แล้วก็จะไปเลย เอ้า....ต้องขอวีซ่าก่อน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เช็คค่าตั๋วเครื่องบิน พอจ่ายได้อยู่ ....พอเช็คค่าวีซ่า โห้ยไรหว่ะ ทั้งวีซ่าและซื้อ pin ตกห้าพันบาท โห้ยยยย ...แม่เจ้าเอ๋ย อะไรขนาดนี้ เสียดายตังค์อ่ะ
ก็เริ่มคิดใหม่ เอาหว่ะ อีกครั้ง (เตือนตัวเอง ว่าหยุดขี้เกียจซักที) หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตก่อนเลย เรื่องการขอวีซ่า ขอบอกว่า สุดโหด อ่ะ ทำไมมันยุ่งยาก ยากเย็นอย่างนี้ แล้วป้าช่องแปดเนี่ยเขาลือกันหนาหูว่าไม่มีใครเคยได้ผ่านป้าแกไปได้ เห้อออ เริ่มหลอนอ่ะ กลัวขึ้นมาเลยว่าสงสัยไม่ได้แน่ตรู ไม่ต้องไปหรอกม้างง เพราะอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ที่เขาตั้งไว้เลยอ่ะ....หากไม่ได้เสียดายตังค์นะเนี่ย แต่ก็....ต้องตัดใจ เป็นไงเป็นกันฟ่ะ
ในเน็ตโดยเฉพาะเว็บพันทิปที่ข้อมูลแน่นปึก ขอบอกว่า อย่าอ่านมากนะค่ะ เพราะฟุ้งซ่านอ่ะ ยิ่งตัวเองด้วยแล้ว โครตตตต จะฟุ้งซ่านเลย คิดมากมาสองสามวันก่อนตัดสินใจซื้อ PIN เพราะต้องใช้กรอกใบสมัครนัดสัมภาษณ์
เอกสารที่ในเวปไซด์บอกว่า ต้องมีคือ ใบสมัคร DS-156 กับ DS-157 เพราะเราไปท่องเที่ยว, พาสปอร์ต อายุเกินหกเดือน, รูปถ่ายสองนิ้ว, ใบรับรองการทำงานปัจจุบัน, ใบลา, (หากไม่ทำก็ต้องแสดงใบประกอบกิจการ), จดหมายเชิญ (หากมี), statement, โฉนดที่ดิน(หากมี),
สรุป ทำไงดีอ่ะ ฉ้านนน มีแค่ ใบสมัคร พาสปอร์ต รูปถ่าย ใบรับรองการทำงานซึ่งออกมาเมื่อสองปีที่แล้ว .....ส่วน statement ขอบอกว่า รันตลอด รันทุกวัน แต่ยอดเงินเนี่ย ในเวปบอกเจ็ดหลักปลาย ๆ ขึ้นไปจะดีมาก (ไม่มีอ่ะ) เที่ยวไปหมดแล้ว
เริ่มเครียด... มาอ่านในเวปอีกครั้ง จดหมายเชิญ เอาหล่ะ ขอให้ลูกค้าช่วยทำให้ดีกว่า ก็ได้มา ว่าเชิญเราไปประชุมดูงานแฟร์ที่นั่น
เอาหว่ะ แค่นี้ก็ยังดี
ก็มันมีแค่นี้นี่หนา โฉนด อะไรก็ไม่มี บ้านช่องก็ไม่มีเป็นของตัวเอง เล่นทำตัวฉุยฉายไปวัน ๆ แบบนี้จะซื้ออะไรมาเป็นของตัวเองได้หล่ะ
ตัดใจ จัดการซื้อ PIN ทางบัตรเครดิต สี่ร้อยกว่าบาท จองวันสัมภาษณ์ อีกอาทิตย์ถัดไปหลังจากไปเที่ยประเทศเพื่อนบ้าน กลับมาก่อนแล้วจะไปสัมภาษณ์ แล้ววันนั้นคือ วันนี้นี่เอง
หลังจากจองสัมภาษณ์เสร็จ ก็ขับรถไปจ่ายค่าวีซ่าที่ไปรษณีย์บางกรวย ประมาณ สี่พันห้า จำตัวเลขไม่ได้อ่ะ
...ไปเจอหนุ่มหล่อบางกรวย (มีกะเขาด้วย) กะลังต่อคิวจ่ายเหมือนกัน
ก็ได้แต่มองตาละห้อย แล้วก็สบัดหน้า เดินตูดบิดไปขึ้นรถขับกลับบ้าน เพราะมองไปก็ไม่ได้พ่อหนุ่มคนนั้นมาครอบครอง
และแล้ววันนี้ก็มาถึง นัดสัมภาษณ์ 9 โมงเช้าเล้ยยยย แล้วตัวเองก็ไม่เคยตื่น ก่อนสิบโมงในช่วงสองปีนี้เลย เห้อออ กำ
สรุปตื่นได้ เพราะเสียดายตังค์ที่จ่ายไป ขับรถออกไปจากบ้านตอนตีห้าครึ่ง เพราะแว่ว ๆ มาว่าต้องไปถึงซัก หกโมงครึ่ง เพื่อเข้าคิว
ขับรถออกจากบ้านไป เกือบขึ้นทางด่วน นึกได้ว่า ตายห้า....ลืมบัตรประชาชนไว้ที่บ้าน เห้อออ กำ
ต้องขับกลับไปใหม่ รถก็ติดแสนติด วันนี้ทั้งเปิดเทอมและทำงานวันแรก ตรูจะนัดทำไมหว่ะวันนี้เนี่ย
ไปถึงประมาณ เจ็ดโมงครึ่ง หาที่จอดรถสวนลุม (โชคดีเป็นของเรา ได้ที่จอดรถโดยแสนง่ายดาย อะไรจะง่ายขนาดนี้) แล้วก็นั่งแท็กซี่ไปสถานทูตอเมริกาเลย (ไฮโลอย่างเรา เดินไกลเดี๋ยวไม่สวย กรั่ก ๆ
)
และแล้วก็เข้าไปรับบัตรคิวสัมภาษณ์ ตรวจเอกสาร น้องเสื้อแดงมองหน้า ถามว่า เอกสารที่จะใช้มีแค่เตรียมมาเหรอค่ะ (ถามแบบงง ๆ ไปคนเดียวเหรอค่ะ) เราก็ตอบว่า ค่ะ
โสดด้วย ไม่เคยแต่งงานด้วย แล้วน้องก็ถอนใจ บอกว่า ขอให้โชคดีนะค่ะ ไปจ่ายเงินค่าซองก่อนแล้วไปรับบัตรคิวอีกครั้ง
ฟังเหมือนอาย ๆ ไงไม่รู้อ่ะ ว่าโสดแล้วผิดหรือหว่ะ
อ๋อ ลืมบอกว่า ก่อนไปสัมภาษณ์อ่ะ เล่นของนิดหน่อย ไปให้อาหารปลาก่อนวันหนึ่ง สวดมนต์ ไหว้พระก่อนนอนด้วย ว่านู๋เสียดายเงินค่ะ ขอให้นู๋ได้วีซ่าด้วยเหอะ (พระเจ้าคงจะตอบว่า เอกสารพร้อมจังเล้ยยยยยย กำ
) แล้วเจอลุงอายุ 62 ท่านหนึ่งด้วยค่ะ เป็นหมอ จะไปเที่ยวหาลูกสาว ใบสมัครบาร์โค้ดไม่ชัด (ขนาดจ้างทัวร์ทำนะ) เราเลยอาสาไปพิมพ์ให้ใหม่ในนั้นหล่ะ เพราะแกพิมพ์ไม่เป็น ....ได้บุญอีกแว้วเรา
ก็เขาไปรอสัมภาษณ์ ตั้งแต่ เก้าโมง ได้สัมภาษณ์ตอนสิบเอ็ดโมงตรงเปะ
เลขสวรรค์ หมายเลขที่ 220 เชิญช่องแปด....
เศร้าเลยตรู มาเจอยายป้าแน่ ๆ แต่คิดไป เอ๊ะ เราเลือกสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษนี่หน่า ไมเจอได้ไงฟ่ะ
ก็เดินไปแบบมาดมั่น ดั่งนางพญาเหมือนดั่งว่า เอกสารพร้อม...
ก็ไปเจอฝาหรั่งหัวโล้น น่ารักน่าชัง
ยิ้มหวาน ๆ ให้หนึ่งครั้ง แล้วก็สวัสดีอย่างสวยงามแบบไทย ๆ
สัมภาษณ์ไม่ถึง 2 นาที แปลเป็นไทยดังนี้
ไม่เคยไปเมกานี่ครับ
"ค่ะ"
ไปทำอะไรครับ
"ไปดูงานจิวเวอรี่แฟร์ค่ะ กับท่องเที่ยวค่ะ"
พักกับใครคับ
"พักกับพนักงานของบริษัทลูกค้าค่ะ อายุ 50 ปี เป็นผู้หญิง น่ารักนิสัยดี แต่ไม่เคยเจอหน้ากันค่ะ"
ใครเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้
"ลูกค้าค่ะ (โกหกเขาอ่ะ จริงๆ จ่ายเอง) "
มีที่ดินของตัวเองไหมครับ
"ไม่มีชื่อตัวเองค่ะ มีแต่ซื้อแล้วใส่ชื่อคุณแม่"
ขอบคุณครับ เตรียมเสื้อหนาวไปด้วยนะคับเพราะอากาศหนาวมาก Have a good trip
"ห๋า......
ยังงง ถามกลับแบบโง่ ๆ อีกนะว่าได้วีซ่าแล้วเหรอค่ะ ..... วีซ่า 10 ปี คับ แล้วก็ยิ้มหวาน
ลาลันล่า......ลาลันล่า.....
ปล. ขอบอกว่า อย่าอ่านมาก จะฟุ้งซ่าน ตอบให้ฉะฉานพร้อมสบตาว่าฉ้านไม่ได้โกหกนะ
ทำบุญมาดี บุญเกื้อหนุน เพราะจากการรอมาสองชั่วโมง ประมาณ 100 คน จะมีคนไม่ถือพาสปอร์ตกลับบ้าน (คือได้วีซ่า ) ประมาณ ซัก 30 คนได้อ่ะ ใครมาเป็นทีม โดนปฏิเสธทั้งทีม
สิ่งที่เตรียมไปแล้วไม่แม้แต่ส่งตาแลและขอดูคือ
statement เสียเงินขอตั้งสองร้อยแน่ะ
ใบจบการศึกษา
ประกาศนียบัตร SME
(ไม่มีหนังสือจดทะเบียน ไปแบบข้าทำธุรกิจส่วนตัวคนเดียวอ่ะ ไม่มีเอกสารอะไรเลย)
พาสปอร์ตเล่มเก่าที่เตรียมไป
และแล้วลูกน้องก็จะรอคอยความหวังจากป้ามี่ในการก่อร่างสร้างตัวซักที
ขอขอบคุณน้องหยองสำหรับคำปรึกษานะค่ะ
จุ๊บ จุ๊บ
ได้ซื้อปีกกระด้งเรียบร้อยแล้ว วันที่ 27 นี้ เดินทางด้วยกระด้งรัดฟ้าไปชอปปิ้งผู้ชาย กรั่ก ๆ ๆ