Close this window

กำลังจะตัดสินใจซื้อ 323 ซีดาน 1.6 MT
คือผมกำลังจะหาข้อมูลอยู่น่ะครับ อยากจะได้ 323 ซีดาน 1.6 MT แต่ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเลย รบกวนเพื่อน ๆ ช่วยกันวิจาร์ณให้หน่อยนะครับ ก็เรื่องทั่ว ๆ ไปนะครับ เช่น การบำรุงรักษา ราคาอะไห่ล สมรรถนะ หรือ อะไรก็ได้ครับที่อยากแนะนำ ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคำแนะนำ.
โดย: หมี   วันที่: 1 Sep 2004 - 16:30


 ความคิดเห็นที่: 1 / 12 : 006620
โดย: เด็กบ้านนอก (phu)
ในหน้า Article มีข้อมูลเจ้าตัวนี่อยู่ครับในกลุ่มของ 323
วันที่: 01 Sep 04 - 16:53

 ความคิดเห็นที่: 2 / 12 : 006621
โดย: หมี
ขอบคุณนะครับ ผมจะลองเข้าไปดู
วันที่: 01 Sep 04 - 17:02

 ความคิดเห็นที่: 3 / 12 : 006626
โดย: เหมาะ
อิอิ จามาเป็นแฟนมาสด้าหรอ

ขอฝากข่าวไว้ในกระทู้ด้วยครับ เว็บเขาชอบลบทิ้งหาไม่ค่ยเจอ
อ้างอิงจาก
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=4757626778482&Page=1

ซูม ซูม กับ "มาสด้า"ที่ฮิโรชิมา

10 เมษายน 2547 15:18 น.


เวลาที่เราซื้อรถนั้นหลายๆคนมักจะนึกถึงสมรรถนะ รูปลักษณ์ภายนอกมาก่อน แต่ใครเลยจะรู้ว่ากว่าจะผลิตออกมาคันหนึ่งนั้นมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต ดังนั้นผู้ผลิตรถจึงต่างคันคว้าหาสุดยอดเทคโนโลยีในการผลิตรถให้ออกมามีคุณภาพมากที่สุดและตรงตามความต้องการของลูกค้าทั่วโลก

“มาสด้า” ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงของโลก ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นเมืองแห่งความทรงจำของชาวญี่ปุ่น จากการเป็นเป้าหมายการโจมตีของระเบิดปรมาณูในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้กลับกลายเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ที่มีคุณภาพอีกแห่งหนึ่งของโลก ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม


โดยครั้งนี้ก็นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” ได้มีโอกาสไปเยือนถิ่นเกิดของ “มาสด้า” ที่ฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้เชิญสื่อมวลชนชาวไทย บินข้ามน้ำไปสัมผัสกับอาณาจักรของมาสด้า ที่มีโรงงานใหญ่ๆถึง 2 แห่งด้วยกัน คือที่ฮิโรชิมา และโฮฟู ชิตี้ ซึ่งในปีที่ผ่านมานั้นโรงงานทั้งสองแห่งสามารถผลิตรถรุ่นต่างๆออกสู่ตลาดได้ถึง 1,850,000 คัน และส่งออกถึง 80 % นอกจากนี้มาสด้าก็ยังมีโรงงานอีก 15 แห่งทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วยนั่นก็คือโรงงาน AAT (Auto Alliance Thailand)ซึ่งผลิตรถมาสด้ารุ่นไฟต์เตอร์ ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ดเอเวอรเรสต์

มาสด้า มอเตอร์ คอปเปอร์เรชั่น ก่อตั้งโดย มร. จูจิโร่ มัตซึดะ ผู้นำด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น โดยเริ่มจากการเป็นผู้ผลิตฝาจุกไม้คอร์กในปี พ.ศ. 2463 และได้เริ่มผลิตเครื่องมือกลในปี พ.ศ. 2472 และด้วยความที่เป็นผู้หลงใหลในเทคโนโลยีของมอเตอร์ไซด์ทำให้ต่อมามาสด้าเริ่มผลิตรถมอเตอร์ไซด์ออกสู่ตลาด และในปี พ.ศ. 2474 ก็ได้เริ่มผลิตรถบรรทุก 3 ล้อ ที่เรียกว่า “มาด้า – โกะ” ซึ่งถือว่าเป็นรถคันแรกที่ผลิตออกมา


สำหรับโรงงานที่ฮิโรชิมานี้เป็นโรงงานที่มีการผลิตเครื่องยนต์ที่มีความหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเบนซิน เครื่องดีเซล และเครื่องโรตารี่ โดยเฉพาะเครื่องยนต์โรตารี่(ลูกสูบสามเหลี่ยมหมุน) นี้เป็นเครื่องยนต์ที่มาสด้าคิดค้นขึ้นมาเพื่อนำมาเป็นหัวใจของมาสด้า RX-8 โดยมีกำลังผลิต ปีที่ผ่านมาถึง 788,000 คัน คือประมาณ 1,000 คัน/วัน โดยมีการทำงานแบ่งเป็น 2 กะ กะละ 500 คน และใช้เวลาในการผลิต 14 ชม./ 1 คัน

ซึ่งในการเยื่ยมชมครั้งนี้ “ผู้จัดการ มอเตอร์ริ่ง” ก็ได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง MDI (Mazda Digital Innovation)เป็นคณะแรกของเอเซีย ซึ่งระบบนี้เป็นการป้อนข้อมูลระบบการทำงานในขั้นตอนต่างๆลงจาก 18 เดือน เหลือเพียง 14 เดือน และ 12 เดือนในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การขึ้นรูป การประกอบต่างๆไปที่ตัวหุ่นยนต์ที่ควบคุมโดยระบบ MDI เพื่อป้องกันการผิดพลาดในการประกอบรถยนต์ และยังช่วยลดขั้นตอนต่างๆลงไปจาก 200 ขั้นตอน เหลือเพียง 119 ขั้นตอน โดยการทำเป็น CAD/CAM ซึ่งเป็นการสร้างภาพแบบ 3 มิติเหมือนจริงก่อนส่งเข้าไลน์การผลิต ซึ่งขณะนี้ได้ใช้กับการผลิตมาสด้ารุ่น RX-8 , มาสด้า 6 และ มาสด้า 2 โดยลงทุนทั้งหมดในระบบ MDI ประมาณ 41.0 ล้านเยน และขณะนี้ก็กำลังพัฒนาในขั้นที่ 3 อยู่

อย่างไรก็ตาม จากการที่มาสด้าพยายามทวีบทบาทของตัวเองในตลาดรถยนต์โลก ทำให้จำเป็นต้องขยายฐานการผลิตเพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่โฮฟู ซิตี้ โรงงานโฮฟู นี้มีกำลังการผลิต 394,000 คัน มีหุ่นยนต์ทำงานทั้งหมด 894 ตัว และแบ่งสายการผลิตเป็น 2 ส่วนคือ โรงงานนิชิโนอุระ ซึ่งเป็นโรงงานขึ้นรูป พ่นสี และประกอบตัวรถ ปัจจุบันนี้ก็ได้ประกอบรถยนต์หลายรุ่นด้วยกัน คือ มาสด้า อาเทนซา (หรือมาสด้า 6) ,มาสด้า แวกอน , 323/323เอฟ รวมถึงโปรทีเจ ซีดาน , โปรทีเจ 5 ประตู , มาสด้า พรีมาซี่ และ มาสด้า 3 ที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยปลายปีนี้ด้วย

ส่วนโรงงานอีกแห่งซึ่งตั้งอยู่ในเขตนากาโนเซกิ แม้ว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 1981 หรือก่อนหน้าโรงงานโฮฟูแห่งแรกถึง 9 เดือนนั้น แต่ก็เป็นสายการผลิตเฉพาะระบบส่งกำลัง ไม่มีการผลิตรถยนต์ โดยมีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต และส่งไปให้โรงงานฮูฟู และสำหรับรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในญี่ปุ่นก็คือ มาสด้า 3

ความสำคัญของโรงงานของโฮฟูทั้ง 2 แห่ง นอกจากจะเป็นเส้นเลือดหลักในการช่วยผลิตรถยนต์สำหรับป้อนตลาดในประเทศและตลาดโลกแทนที่โรงงานในเมืองฮิโรชิมาแล้ว ยังถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตที่มีความทันสมัย และมีการทำงานอยู่บนพื้นฐานของความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิด CS & ES CS หมายถึง CUSTOMER SATISFACTION หรือความพึงพอใจของลูกค้าที่จะได้สัมผัสกับความยอดเยี่ยมจากรถยนต์ของมาสด้าผ่านทางระบบการผลิตที่มีความทันสมัยและประสิทธิภาพ
ในส่วนของร่วมถือหุ้นกันระหว่างมาสด้าและฟอร์ด มอเตอร์นั้น มร.โนบุฮิโรกล่าวว่าไม่อยากให้มาเปรียบเทียบกันในด้านกำไรหรือผลประโยชน์ แต่ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันพัฒนาในด้าน R&D มากกว่า และด้วยกระแสของรถยนต์ราคาประหยัดหรือ “อีโคคาร์” ที่จะเกิดขึ้นในไทยนั้น มาสด้าก็ให้ความสนใจไม่น้อยซึ่งขณะนี้มาสด้าเองก็ผลิตรถพลังงานไฮโดรเจน โรตารี่ อยู่แล้ว แต่อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในเรื่องของการมีสถานีน้ำมันไม่เพียงพอ ราคาที่ค่อนข้างแพง และความปลอดภัยเพราะไฮโดรเจนระเบิดง่าย ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการวิจัยและคาดว่าน่าจะผลิตออกสู่ตลาดได้ในปี 2010

ถึงแม้ว่ามาสด้ายังไม่ใช้แบรนด์ยอดนิยมอันดับต้นๆก็ตามที แต่หลังจากที่ได้มาสัมผัสกับการผลิตที่มีความใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนของมาสด้าเป็นเวลา 2 วันเต็มแล้ว เชื่อได้ว่าผู้ที่ซื้อรถมาสด้านั้นไม่ผิดหวังแน่นอน


ภาพโรงงานโฮฟุ ที่อยู่ติดริมทะเลและเป็นโรงงานแห่งที่สองของมาสด้า
วันที่: 01 Sep 04 - 18:43

 ความคิดเห็นที่: 4 / 12 : 006648
โดย: i_kon
ผมใช้รุ่นนี้อยู่ครับ (178,000 ก.ม. เดิมๆ เปลี่ยนแค่ล้อเป็นของตาตี่) ขอแชร์ข้อมูลหน่อย

[สมรรถนะ]

ใช้งานในเมืองค่อนข้างดีครับ ควบคุมได้ง่าย (สำหรับผม) จะเก่งที่ความเร็วประมาณ 90-110 เนื่องจาก ทดเกียร์ไว้ค่อนข้างชิด และอัตราทดไม่ค่อยสูงนัก

ความเร็วที่ 90 ก.ม./ช.ม. เกียร์ 5 จะมีรอบเครื่องประมาณ 2900 ร.ต.น.
ความเร็วที่ 100 ก.ม./ช.ม. เกียร์ 5 จะมีรอบเครื่องประมาณ 3200 ร.ต.น
ความเร็วที่ 110 ก.ม./ช.ม. เกียร์ 5 จะมีรอบเครื่องประมาณ 3500 ร.ต.น ซึ่งเป็นรอบการทำงานที่มีแรงบิดสูงสุด

[อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง]

ทางต่างจังหวัด 80-100 ก.ม./ช.ม. ได้ 12.5-13.0 ก.ม./ล.
เข้ากรุงฯ บ้าง ได้ 11.xx ก.ม./ล.
ขับทางไกล 110-120 ก.ม./ช.ม. ได้ประมาณ 12 ก.ม./ล.
เคยได้ห่วยสุด ประมาณ 8-9 ก.ม./ล. ตอนใช้งานในกรุงเทพ

[การซ่อมบำรุง]

พอรับได้ครับ เพิ่งเปลี่ยนลูกยางเกือบทั้งหมด + โช๊ค + ยางแท่นเครื่อง + คลัช ไปเมื่อต้นปี ราคา 0 โหดดีครับ ก็ตกแล้วประมาณ 3 หมื่น ได้ แต่ก็ คิดเสียว่า ดีกว่าซื้อรถใหม่

ส่วนอาการจุกจิกอื่นๆ ก็ได้พี่สุเมธที่ M-City สุขุมวิท (ซอยเท่าไหร่ก็ไม่รู้) จัดการให้

ศูนย์บริการ ดีครับ ขอให้เลือกหน่อย ถ้าเป็นไปได้ควรเข้าตามที่บอกไป ไม่ได้โฆษณา แต่คุ้มค่ากับค่าเสียเวลาและไม่ต้องจุกจิกกวนใจภายหลัง

[การประกอบ การเก็บเสียง]

การประกอบก็ดีครับ เริ่มมีเสื่อมสภาพไปตามอายุไข (ยางพวงมาลัยหลวมๆ เสียงดังบริเวณประตู)
การเก็บเสียงสู้รถรุ่นใหม่ๆ หรือยี่ห้ออื่นๆ ไม่ได้ครับ แต่ก็ได้อารมณ์ดี

[ราคาขายต่อ]

ห่วยแตก เมื่อเทียบกับสมรรถนะของรถที่มีอยู่ ดังนั้น จึงจำใจใช้ต่อไป เพราะเสียดาย ว่าจะเอาไปสาดสีทำสาวแล้วล่ะครับ
วันที่: 01 Sep 04 - 22:19

 ความคิดเห็นที่: 5 / 12 : 006670
โดย: Amy
อ่านของ คุณ คห.4 แล้วเห็นภาพจริง ๆ ค่ะ .... ราคาขายต่อ..ห่วยแตก จึงจำใจใช้ต่อไป...ฮาฮาฮา

นี่ไงค่ะ คือรถเขารักเราหน่ะค่ะ ไม่อยากจากเราไป ...ก๊ากกกก
วันที่: 02 Sep 04 - 09:00

 ความคิดเห็นที่: 6 / 12 : 006671
โดย: น้อท
ผมก็ใช้อยู่ครับ เป็น 323 ซีดาน 1.6 MT ปี 95 ซื้อมาได้ 7 เดือน ก็ยังไม่ได้ซ่อมอะไรมากนักส่วนมากก็เปลี่ยนน้ำมันต่างๆ ผ้าเบรค กรองต่างๆครับ เดินทางจากเชียงใหม่-เพชรบุรีมาแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย ขับก็ดีควบคุมง่ายครับ ส่วนเรื่องอัตราการกินน้ำมันก็เหมือนกับคุณ i_kon บอกไว้ครับ เรื่องการซ่อมเมื่อก่อนก็ซ่อมร้านทั่วๆไป แต่ตอนนี้เข้าศูนย์ตลอด เพราะราคาไม่ต่างกันเลยค่าแรงถูกกว่าด้วยครับ อีกอย่างเราได้อะไหล่ของแท้อายุการใช้งานจะได้นานๆไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย (ความรู้สึกส่วนตัวครับ) ถ้าซื้อมาใช้งาน ไม่มองเรื่องราคาขายต่อผมว่าใช้งานได้ดีมากๆครับ เพราะถ้าเทียบกับรถปีเดียวกันแล้ว ราคาถูกกว่า แถมสมรรถนะของรถดีกว่าด้วยครับ option ก็ครบด้วย
วันที่: 02 Sep 04 - 09:13

 ความคิดเห็นที่: 7 / 12 : 006673
โดย: oak323xg
ผมก็ปี95เพิ่งได้มา1เดือน170000กม. ราคา215000ถูกใจมากครับ เห็นด้วยกับทุกความเห็นครับ
วันที่: 02 Sep 04 - 09:24

 ความคิดเห็นที่: 8 / 12 : 006686
โดย: เหมาะ
สรุป

รถมือสองที่เป็นรถดี ราคาไม่แพง ก็คือมาสด้า ซื้อมาใช้คุ้ม ค่าเงิน
แต่ถ้าซื้อมาขายต่อ ไม่เหมาะสม เพราะขายต่อราคาไม่ได้แพง และขายได้ช้าก่าวยี่ห้ออื่นๆเช่นโตโยต้า
วันที่: 02 Sep 04 - 10:01

 ความคิดเห็นที่: 9 / 12 : 006709
โดย: naam
ผมว่าม่านก้อดีอ่ะคับฃองดีราคาถูก...ได้รถปีใหม่ๆ.ด้วย..ม่ายเชื่อลองไปเช็คราคา ฮอนด้าปี 94 โตโยต้า
95 เครื่อง1600 ดูสิคับแล้วจารู้ว่าราคาม่านต่างกันกว่า 60000-100000บาทเลยคับ ปีก้อเก่ากว่าราคาแพงกว่าสภาพก้ออุบาทคับ แต่มาสด้าเนี้ยจาได้สาภาพดีหน่อยเพราะเจ้าของรถเป็นคนที่ม่ายค่อยรวยถึงได้เลือกใช่มาสด้าก็เลยจะดูแลรักษาให้ดี พอมาเป็งมือสองสภาพเลยยังดีอยู่อ่ะคับ ซ่อมแค่ตามอายุการใช้งานของอาหลั่ย
วันที่: 02 Sep 04 - 11:15

 ความคิดเห็นที่: 10 / 12 : 006755
โดย: หมี
ขอบคุณทุกคำแนะนำนะครับ กะว่าจะถอยซักต้นปีน่ะครับ รอโบนัสก่อน คงไม่เปลี่ยนใจแล้วหล่ะครับ
วันที่: 02 Sep 04 - 17:05

 ความคิดเห็นที่: 11 / 12 : 006874
โดย: AAH
กว้างดีครับ ใส่ของได้ไม่ต้องยั้ง เบาะนั่งลึกดีครับ นั่งสบายเหมาะกับคนตัวสูงๆ รถผม 323 เกียรออโต้ ปี 97 ใช้ในเมืองได้ราวๆ 9 กม. ต่อลิตร ออกต่างจังหวัดได้ประมาณ 13-14 กม. ต่อลิตร ค่าซ่อมบำรุงสูงพอดู ปีๆนึงต้องมีเงินเตรียมไว้ราวๆ หมื่นบาทเผื่อซ่อมนู่นซ่อมนี่ ถ้าเกียรออโต้อย่าลืมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียรทุกหมื่นกิโลนะครับ
วันที่: 03 Sep 04 - 11:24

 ความคิดเห็นที่: 12 / 12 : 006956
โดย: ชาย
ไม่ลองดู มิซู บ้างละดีกว่ากันเยอะ กินน้อยกว่า เร่งดีกว่า mazda สวย แต่นอกนั้นไม่ได้เรื่อง หลวมตัวซื้อมาแล้ว หาทางปล่อยอยู่ ยังปล่อยไม่ออกเลย
วันที่: 04 Sep 04 - 03:50