Close this window

บทความดีดี อยากให้อ่านค่ะ ^^
STORY: รัก...ไม่มีเงื่อนไข

อยู่มาวันหนึ่งผมก็เกิดมีชีวิตขึ้นมาผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ผมมีความรู้สึก ผมมีความคิด แต่ผมพูดไม่ได้
ผมไม่ต้องทานอาหารไม่ต้องสืบพันธุ์
ผมสามารถได้ยินในรัศมีไม่เกินสองเมตร
ผมคือโต๊ะอาหารในฟู๊ดเซ็นเตอร์ที่อาคารทีซีซีแห่งนี้
อาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ทุกๆ
วันระหว่างจันทร์ถึงศุกร์สถานที่แห่งนี้จะมีคนทำงาน
ออฟฟิศมากมายมาทานอาหารเที่ยงกัน ในช่วงระหว่างเวลา
เที่ยงถึงราวบ่ายโมงครึ่ง
ด้วยเหตุที่สนนราคาที่ไม่แพงเกินไปสำหรับคนชั้นกลางที่ทำงานในละแวกใกล้เคียง
ผมได้ยินเรื่องราวมากมายจากคนเหล่านี้ไม่ซ้ำหน้าไม่ซ้ำเรื่อง
หลากหลายรสชาด วันนี้ลองดูซิครับว่ามีเรื่องอะไรที่โต๊ะของผม

วันนี้ผู้คนดูบางตาไปเนื่องจากด้านนอกฝนตกในห้องอาหาร
ฟาสต์ฟู๊ดวันนี้เลยมีคนน้อยลงไปมาก
เจ้าโต๊ะสอดรู้สอดเห็นอย่างผมเลยพลอยหงอยเหงาห่อเ *_* ่ยวไปด้วย รอบ ๆ
ตัวผมไม่มีผู้คนเลยมีแต่เจ้าโต๊ะเปล่าตั้งอยู่
วันนี้ผมคงจะไม่มีเรื่องน่าสนใจมาเล่า ให้คุณฟังแล้วกระมัง

ผมได้ยินเสียงแว่ว ๆ ของสุภาพสตรีสองคนด้านหลังทางซ้ายมือ
ผมเลยชำเลืองมองดู (อย่าสงสัยเลยนะครับว่ามองจากอะไร
เพราะผมเป็นโต๊ะผมมีดวงตาที่ไม่เหมือนคนอย่างพวกท่านหรอกครับ)
ผมเห็นสุภาพสตรีอายุราว ๆ 25 ปี สองคนแต่งตัวในชุดทำงาน
ดูเหมือนจะเป็นยูนิฟอร์มของธนาคารใดธนาคารหนึ่งในสีลม คนหนึ่งผมสั้น
อีกคนผมยาวทั้งสองมีถาดอาหารเข้าใจว่าจะเป็นมังสะวิรัติ เพราะมีแต่ผักเต็มจาน

คนผมยาวนั่งลงก่อนแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า
"ใจเย็น ๆ น่าเล็ก ทานไปคุยไปก็ละกันนะ"

น้ำเสียงอ่อนโยนที่แสดงให้เห็นว่าเธอเอาใจใส่เพื่อนของเธอคนนี้มาก
คนผมสั้นเอ่ยตอบว่า

"โอเค โอเคฉันเชื่อเธอกบ เพราะมีแต่เธอแหละที่ฉันกล้าคุยเรื่องในครอบครัวให้ฟัง"

สาวผมสั้นค่อย ๆ บรรจงวางถาดอาหารลง เธอเริ่มต้นทานอาหารไปอย่างช้า ๆ
พร้อม ๆ กับเอ่ยปากเล่าเรื่องของเธอต่อไปว่า

"ฉันละเซ็งคุณแดงสามีของฉันเหลือเกิน หากฉันจะลิสท์ (list)
คุณสมบัติยอดห่วยของสามีฉันละก้อ เธอเอ๋ย หน้ากระดาษหนึ่งคงไม่พอ
กลับบ้านค่ำ แถมเอางาน กลับมาอีก ไม่ชอบดูละคร ดูแต่เคเบิ้ลทีวี
เวลาดูก็หมุนเปลี่ยนทุกช่อง ชอบเก็บกวาดบ้านด้วยตนเอง
ไม่เคยให้ความสนใจดูแลฉันเลย โอ๊ยฉันละเบื่อ ทีกับลูกน้องตัวเองละก็
ประคบประหงมยิ่งกว่าลูกอีก เฮ้อ"

เธอถอนหายใจเสียงดัง หลังจากเล่าจบ เธอเอ่ยถามคู่หูคนสนิทต่อ

"กบเธอแต่งงานมาตั้งห้าปีแล้วมากกว่าฉันตั้งสามปี
ทำไมไม่เห็นบ่นเรื่องสามีของเธอเลย เธอคงมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ
ฉันอิจฉาเธอจังเลย" กบเอ่ยตอบ

"เล็กฉันก็เคยเป็นอย่างเธอเหมือนกันเมื่อสองสามปีที่แล้ว
วันหนึ่งฉันอัดอั้นมากจนทนไม่ไหว ด้วยสายเลือดเลขามืออาชีพของฉันซึ่ง
เหมือน ๆ กับเธอนี่แหละ ฉันหยิบกระดาษออกมาแล้วระบายลงไปเลยว่ารายการ
ความห่วยของสามีฉันเป็นอย่างไร เธอรู้ไหมว่าฉันได้กี่ข้อ"

เล็กรีบถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น "กี่ข้อละ"

กบตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "สามสิบสองข้อ เท่ากับขนาดเอวของสามีฉันเลยละ"

เล็กกลั้นหัวเราะไม่อยู่ข้าวในปากกระเด็นออกมา โชคดีที่เธอทานคำไม่โต
เธออุทานกลั้วเสียงหัวเราะว่า "แหมเธอนี่ช่างเปรียบเทียบจริงๆนะ หึ..หึ..หึ"

กบเล่าต่อ "เย็นวันนั้นฉันตั้งใจว่ากลับบ้านแล้วฉันจะส่ง
รายงานชิ้นเอกให้สามีของฉันดู เพียงแต่ว่าฉันต้องไปงานศพลุงของฉันก่อน
พอเลิกงานฉันก็รีบรุดไปงานศพของลุงฉันซึ่งอายุเพิ่งห้าสิบเองคุณป้าฉันก็อายุห้าสิบเหมือนกัน
ลุงฉันเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์คว่ำซึ่งถือว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทุกคนไม่ได้ คาดคิดมาก่อน
ป้าฉันตกใจมากเธอไม่เคยเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้มาก่อน
ฉันสนิทกับป้าฉันคนนี้มากเป็นพิเศษ เมื่อฉันไปถึงงานศพ
ฉันก็ไปนั่งคุยกับคุณป้า
เมื่อไปถึงคุณป้าก็ซึ่งมีสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ก็ดีใจ ที่พบหน้าฉัน
เราสองคนนั่งคุยกันสักพักคุณป้าก็หยิบกระดาษโน๊ต สองสามแผ่นออกมา
แล้วก็ส่งให้ฉันดู ฉันรับมาดูแล้วก็นั่งอ่านในกระดาษนั้น
มีข้อความดังต่อไปนี้ เธอบรรยายข้อความใน กระดาษโน๊ตของป้าเธอต่อ

"ถึงสามีที่รัก วันนี้ทั้งวันฉันนึกถึงเธอตลอด
เวลาสิบห้าปีที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันมักจะบ่นต่อว่าในข้อเสียของเธอมาตลอด
จนกระทั่งถึงวันที่เธอจากไป เมื่อฉันมีโอกาสทบทวนดูชีวิตคู่ของเราฉัน
พบว่าฉันได้มองข้ามสิ่งดี ๆ ของเธอไปมากมาย"

กบเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเอ่ยต่อว่า

"ในกระดาษโน๊ตนั้นคุณป้าของฉันบรรยายคุณความดีของลุง
ไว้นับร้อยข้อพอฉันอ่านจบ น้ำตาของฉันก็นองหน้า"

ป้าฉันเอ่ยกับฉันว่า "ป้ารู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เป็นผู้บอกสิ่งดี ๆ
เหล่านี้ในระหว่างที่คุณลุงของหนูยังมีชีวิตอยู่หลานอย่าทำพลาดแบบป้าอีกคนละ"

"ฉันนั่งฟังอยู่แล้วคิดตามไปว่า มีคนจำนวนมากที่เมื่อคนรักของตนจากไปแล้ว
ค่อยบันทึกคุณความดีของผู้จากไปลงที่หลุมฝังศพ
หรือจัดพิมพ์เป็นเอกสารอย่างดีแต่ว่าผู้จากไปกลับไม่มีโอกาสอ่าน
ซึ่งขณะที่เขามีชีวิตอยู่กับได้ยินแต่สิ่งที่เป็นข้อบกพร่อง
ของเขาคิดได้อย่างนั้น ฉันรีบดึงเอาลิสต์รายการของสามีฉันออกมา
แล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลิกงานศพแล้วฉันรีบกลับบ้านทันที
พอเจอหน้าสามีฉันก็กระโดดกอดเขาเลย
เสร็จแล้วฉันก็ถือโอกาสาธยายคุณความดีทั้งหลาย ของเขาว่ามีอะไรบ้าง
สามีฉันมีสีหน้าแปลกใจเล็ก ๆ แต่ว่าท่าทีเขาดูอ่อนโยนมากขึ้น
และเอื้ออาทรกับฉันขึ้นมาทันที ฉันเองก็เริ่มมีความรู้สึกที่ดีต่อเขามาก
หากเรารักใครแล้วเราบอกสิ่งที่ดีของเขาให้เขาได้ยิน
เขาก็จะรักเราตอบและบอกสิ่งที่ดีตอบกลับมา
สามีฉันก็เผยความในใจถึงข้อดีของฉันอีกมากมายที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน"

"ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลิกคิดถึงรายการจุดอ่อนของคนที่เรารัก
ฉันคิดว่าเราควรจะรักเขา อย่างที่เขาเป็นแหละ
อย่าไปหวังให้เขาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
ที่แตกต่างกับเราเลยความรักที่แท้จริงก็คือ

Unconditioning Love คือ การที่เรารักเขาแล้วไม่ได้ตั้งเงื่อนไขให้เขาเปลี่ยนแปลงอะไร
จงรักเขาอย่างที่เขาเป็น แล้วโฟกัสในสิ่งที่ดีของเขาซะเราก็จะมีความสุข เขาก็จะมีความสุข"

กบเล่าจบด้วยสีหน้าอิ่มเอิบเล็ก ซึ่งนั่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ นัยน์ตาเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่
ในมือเธอกำแน่นด้วยเศษกระดาษลิสต์รายการที่บัดนี้ถูกเธอ ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เล็กเอ่ยขึ้นว่า "ขอบใจมากจ๊ะกบฉันว่าเรารีบกลับ ออฟฟิศเถอะ
ฉันอยากโทรหาสามีของฉันหน่อย มีข้อดีของเขาอีกมากที่ฉันควรจะบอกเขา"

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านจบแล้วรู้สึกยังไงบ้างก็เล่าให้ฟังหน่อยนะคะ ^^

ปล. รู้นะ มีคนอ่านไม่จบชัวร์ หุหุหุ
โดย: กวางป่า   วันที่: 10 Feb 2007 - 16:56


 ความคิดเห็นที่: 1 / 1 : 249888
โดย: เซนท์โซเฟียร์
กลับบ้านไปจะมีคนชมข้อดีเราไหมน้า......" ที่รักคะ คุณช่างนิสัยดี ใจดี เอื๊อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารี หน้าตาก็ดีไม่เป็นรองใคร ......................ช่วยไปล้างจาน ถูบ้าน แล้วก็ซักผ้าให้ทีนะคะ สุดที่รัก )
วันที่: 10 Feb 07 - 19:30