Close this window

ไหนบอกทิปโทนิคให้เหยียบๆๆอย่างเดียว สึกเลย -*-

หน้าที่: 1   [2]   3

 ความคิดเห็นที่: 21 / 42 : 225447
โดย: Red Metalic
พรึบบบบบ
วันที่: 25 Sep 06 - 17:36

 ความคิดเห็นที่: 22 / 42 : 225456
โดย: nawatkong
เวรกรรม...

เอางี้ครับ อธิบายเอาแบบที่ผมเข้าใจละกัน

ถ้าคุณขับที่โหมดออโต้ (เข้าเกียร์ที่ตำแหน่งD) อันนี้ แค่เหยียบคันเร่งไปเรื่อยๆ เครื่องจะเปลี่ยนเกียร์ให้เองตามรอบโดยอัตโนมัติ(AUTO) ไล่จากเกียร์ 1 ไป 2 ไป3 ไป4 ให้เอง อันนี้แหละคือ การ "เหยียบอย่างเดียว" จริงๆ เข้าเกียร์ที่ตำแหน่ง D แล้วไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันอีกจนกว่าจะจอด

แต่ที่เค้าบอกๆกันว่าเกียร์ทริปโทรนิค ให้เหยียบอย่างเดียวเนี่ย คือเค้าเทียบกับการขับรถเกียร์ธรรมดา(เกียร์กระปุก) ที่เวลาเปลี่ยนเกียร์ เราต้องผ่อนคันเร่ง และเหยียบคลัชก่อนจึงจะเข้าเกียร์ได้ (ไปดูรถเกียร์ธรรมดานะครับ ตรงที่ให้เหยียบ มันจะมี 3 อัน อันซ้ายคือ คลัช อันกลางคือเบรค และอันขวาสุดจะเป็นคันเร่ง) ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ จะต้องใช้เท้าซ้ายเหยียบคลัชก่อน

แต่รถเกียร์ออโต้ที่มีเกียร์ระบบทริบโทรนิค มันจะไม่มีแป้นคลัชให้เหยียบ(รถเกียร์ออโต้เฉยๆ ที่ไม่มีทริปโทรนิค ก็ไม่มีคลัชให้เหยียบเหมือนกัน) การเปลี่ยนเกียร์ก็เพียงผ่อนคันเร่งและใช้มือสับเกียร์ไปตามตำแหน่งแค่นั้น เลยเป็นกรณี "เหยียบอย่างเดียว โดยไม่ต้องเหยียบคลัช" ไงครับ

มาสด้าสามเนี่ย ถ้าขับที่ระบบทริปโทรนิค(หน้าปัดจะเห็นตัว M สว่าง) การสับเกียร์ลงมาทางเครื่องหมาย+ เป็นการเพิ่มเกียร์ (1ไป 2 ไป 3 ไป4) ส่วนสับขึ้นไปทางเครื่องหมาย - (4ลงมา 3 มา 2 มา 1) เป็นการลดเกียร์ แค่นี้ครับ พูดง่ายๆคือ แทนที่จะให้เครื่องมันเปลี่ยนเกียร์ให้เรา ตามปกติที่เกียร์ออโต้จะทำ เมื่อเข้ามาโหมด M เราต้องมาเปลี่ยนเกียร์เอง (มีข้อยกเว้นถ้าเราขับเกียร์ 4 อยู่ในโหมดนี้ ถ้าลดความเร็วลงมาเรื่อยๆ เครื่องมันจะปรับมาเกียร์ 1 ให้เอง โดยไม่ต้องสับ)โอเคมั้ยครับ

สำหรับคุณมือใหม่ ผมว่า เข้าเกียร์ไว้ที่ D ก่อน แล้ว "เหยียบอย่างเดียว" โดยสังเกตรอบเครื่องยนต์เวลาที่เกียร์มันเปลี่ยนไปซักพักดูว่ารอบเครื่องไปเท่าไหร่ มันถึงเปลี่ยนจากเกียร์ 1 มาเกียร์ 2 จากเกียร์ 2 ไปเกียร์ 3-4 (ดูเลขสีแดงๆที่แสดงบนหน้าปัดเลยครับ เค้าจะบอกไว้) คุณจะเริ่มเห็นว่า ถ้ารอบเครื่องขึ้นไปถึงประมาณ 2000-2500 รอบ หรือมากกว่านั้น ถ้าเราเหยียบแรงๆ รถจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ที่สูงขึ้น แล้วรอบเครื่องจะตกลง ค่อยดูครับ อาจต้องใช้เวลาหลายๆวัน หรือหลายๆ อาทิตย์ ก็ว่ากันไป

หลังจากพอเข้าใจ แล้วค่อยลองมาใช้เกียร์ทริปโทรนิค โดยเปลี่ยนเกียร์ตามรอบเครื่อง ให้ใกล้เคียงกับที่เกียร์ออโต้มันเปลี่ยน เราก็จะใช้เกียร์ทริปโทรนิคได้อย่างถูกต้องครับ

ค่อยๆฝึก ค่อยๆทำครับ ใจเย็นๆ
วันที่: 25 Sep 06 - 18:09

 ความคิดเห็นที่: 23 / 42 : 225466
โดย: pop323
เวรกรรม สงสัยคนตอบคงจะอธิบายแบบรวบรัดไป น้องเค้าเอาไปเหยียบซะเกือบจะพัง เอาเป็นว่าถ้าจะใช้ทริปโทนิคก็ให้นึกถึงตอนขับรถเกียร์ธรรมดาอะครับ เปลี่ยนเกียร์ตามปกติเหมือนขับรถเกียร์ธรรมดาเพียงแต่ไม่ต้องเหยียบครัช ถ้าไม่เคยขับเกียร์ธรรมดา เลยขับเกียร์ออโต้แบบปกติไปก่อนครับแล้วว่างๆ ลอง click down เวลาแซงดู พอรู้จังหวะของเครื่องยนต์แล้วค่อยใช้ทริปโทนิคเปลี่ยนเกียร์เอง อ้อ อย่าลากจนรอบสูงเกิน 6000 นะครับมันไม่ดีต่อเครื่องยนต์เท่าไร แม้ว่ามันสามารถทำได้แต่มันจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงเร็วมากๆ
วันที่: 25 Sep 06 - 19:19

 ความคิดเห็นที่: 24 / 42 : 225472
โดย: denny
อ่านคู่มือบ่อยๆ หลายๆรอบ เดี๋ยวก็เก่งเเล้ว เอาใจช่วยนะ ไม่ยากหรอก
วันที่: 25 Sep 06 - 19:37

 ความคิดเห็นที่: 25 / 42 : 225489
โดย: Nuay@Protege
ถ้าอ่านความเห็นผมบ้าง

ก็คงไม่ทำแบบนี้
วันที่: 25 Sep 06 - 21:14

 ความคิดเห็นที่: 26 / 42 : 225490
โดย: เป็นห่วง
อย่างที่ คห ก่อนหน้าแนะนำกันมานั่นแหละครับ

อีกอย่างที่สำคัญคืออาศัยความรู้สึกครับ ....ถึงไม่เคยขับรถก็น่าจะจะเคยนั่งรถที่คนอื่นขับมาบ้างแหละ

ยังสงสัยว่าขับไม่เป็นขนาดนั้นเลยเหรอครับ.....เลยมีคำถามอยากจะถามบ้างว่า

1. วันนี้ขับรถจากไหนไปไหนครับ แล้วสุดท้ายวิ่งตามชาวบ้านเขาทันไหมครับ ไม่รู้สึกว่ามันวิ่งได้ช้ามากๆ ในเกียร์ 1 บ้างเหรอครับ อยากรู้ว่าทำไมไม่คิดจะเปลี่ยนมันเป็นเกียร์ 2 บ้าง
2. เวลาถอนคันเร่งที ไม่รู้สึกหัวทิ่มหัวตำบ้างเหรอครับ ไม่รู้สึกว่ามันกระชากไม่นุ่มนวลบ้างเหรอครับ แล้วไม่รู้สึกบ้างเหรอว่า มันไม่เหมือนกับนั่งรถที่คนอื่นขับ
3. แล้วไอ้ที่เขาทำสัญลักษณ์ + - ไว้ที่คันโยกเกียร์ ไม่สงสัยบ้างเหรอว่าเขามีไว้ทำไม..

คือถ้าน้อง ไม่มีความรู้สึกอะไรพวกนี้เลย พี่แนะนำว่าอย่าขับรถเองดีกว่าครับมันอันตรายมากๆ
เขาบอกให้เหยียบอย่างเดียวก็เหยียบอย่างเดียวจริงๆ ไม่มีวิจารณญาณเองเอาเสียเลย เป็นห่วง ครับ เป็นห่วง
วันที่: 25 Sep 06 - 21:16

 ความคิดเห็นที่: 27 / 42 : 225516
โดย: มือใหม่หัดพัง
ง่ายๆครับ เกียร์ 1 ที่บอกไว้ ถ้าเหยียบสุดจิงๆ มันพุ่งแรงแซงชาวบ้านเขาจริงๆครับ (แต่ใช้แซงได้เฉพาะตอนรถติด มันจะคล้ายๆพุ่งแบบเสือกระโจนรวดเดียวไปเลย หลังจากนั้นมันจะอืดต่อเนื่อง)

ที่ไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 สาเหตุคือ พอเปลี่ยนแล้วมันจะหยุดพุ่ง ความเร็วมันจะคงที่ขึ้น ส่วนเรื่องฟิลลิ่งใครจะสนล่ะครับ ตราบใดถ้าเรายังนั่งคนเดียวไม่มีผู้โดยสาร ไม่มีใครให้เกรงใจนอกจากจะสงสารตัวรถ ซึ่งผมไม่มีความรู้ เลยได้มาตั้งกระทู้ถามเพื่อความแน่ใจนี่ไงคับ

จะฝึกขับเจ้าสามต่อไปจนเซียนให้ได้ครับ

[ปล. accolade ของวาเลนเซียสวยรึเปล่าครับ แล้วถ้ามี kenstyle เก่าของเขา ราคาจะเหลือเท่าไร ขอบคุณครับ]
วันที่: 25 Sep 06 - 22:18

 ความคิดเห็นที่: 28 / 42 : 225522
โดย: Nuay@Protege
ใส่เกียร์ D ขับไปก่อน
แล้วก็ดูว่าปกติรอบมันป้วนเปี้ยนอยู่ที่เท่าไหร่
คิกดาวน์แล้วเกียร์มันเปลี่ยนที่รอบเท่าไหร่ เสียงดังประมาณไหน
กำลังที่ได้จากแต่ละช่วงรอบเป็นยังไง

แล้วคุณจะใช้ M ได้อย่างแม่นยำ เข้าใจ และไม่พังรถเอง
วันที่: 25 Sep 06 - 22:45

 ความคิดเห็นที่: 29 / 42 : 225528
โดย: Nuay@Protege
โอย ยิ่งอ่านแล้วยิ่งเครียด เลยขอมาตอบอีกรอบ

ขับ D ไปก่อนเหอะ จริงๆ
ชินรถ รู้จังหวะเมื่อไหร่แล้วค่อยเล่นกับมัน
พังไปไม่คุ้มนะ เกียร์ลูกเป็นแสน เปลี่ยนไปยังไงก็ไม่เหมือนเดิม

ถ้าถึงขั้นไม่รู้ว่าเกียร์รถยนต์ใช้จาก 1-2-3-4 นี่
ผมว่าทำความเข้าใจกับรถใหม่ ถามคุณพ่อใหม่ดีกว่านะ
ที่มันมีหลายๆ เกียร์ ก็เพื่อให้รถมันวิ่งได้ความเร็วที่สูงขึ้น
และบริโภคน้ำมัน และมีกำลังให้ใช้อย่างเหมาะสม

สงสัยไหมว่าเกียร์ 1 ทำไมมันพุ่งจัง ยิ่งรอบสูงยิ่งพุ่ง
ก็เพราะเกียร์ 1 เค้าเอาไว้ออกรถ มันต้องทดกำลังเยอะๆ
เพื่อฉุดลากรถจากจุดหยุดนิ่งให้มันออกวิ่งให้ได้
จะบนทางชันยังไงก็ต้องวิ่งให้ได้
รอบมันเลยกวาดแว้ด แว้ด แต่ความเร็วไม่ค่อยจะไปไหน
แล้วคุณลากให้ตาย มันก็ได้ 50-60 แค่นั้นแหละ เสียงดังสนั่น
รถสะท้านไปทั้งคัน

ถ้าใส่เกียร์ 2 ปั๊บ รอบจะลดต่ำลงมา แรงดึงน้อยลงไป
เพราะมันมีแรงเฉื่อยมาจากเกียร์ 1 แล้ว เครื่องยนต์ไม่ต้องใช้กำลัง
มากเท่าเดิม ก็พาให้รถวิ่งไปได้ ทำความเร็วเพิ่มขึ้นได้
คุณก็ลากไปจะพบว่ามีแรงดึงมากขึ้นเรื่อยๆ จนจุดนึงมันก็ตื้อไป
ความเร็วประมาณ 100 นึง

ถ้าใส่เกียร์ 3 ปั๊บ ความเร็วจะไหลต่อไปอีก แต่ไม่รู้สึกพุ่งแล้ว
ในขณะที่ความเร็วก็กวาดขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
เพราะมันมีแรงเฉื่อยจากเกียร์ 2 มากพอ เกียร์ 3 เลยทำไว้ให้วิ่งรักษาระดับ กับเร่งความเร็วเฉยๆ ไม่ได้ต้องการให้ฉุดลากอะไรแล้ว
ถ้าใจถึง ลากจนถึงขีดแดง ก็ล่อไป 140 ได้แล้วล่ะ

ดึงลงเกียร์ 4 รอบตกลงมา ความเร็วไหลขึ้นไปอีกอย่างช้าๆ
เพราะเกียร์ 4 ไม่มีกำลังแล้ว เค้าเอาไว้ให้วิ่งทางไกลๆ
จะได้ประหยัดน้ำมัน เอาไว้แค่รักษาความเร็วเฉยๆ
พอจะเร่งความเร็วได้บ้าง ตามกำลังที่มันยังเหลืออยู่

อ่านแล้ว ก็จำไว้เลยนะครับ
ว่ารถต้องออกตัวที่เกียร์ 1 จากนั้นไป 2 ไป 3 ไป 4
ไม่มี 1 แล้วโดดไปเกียร์อื่น ยกเว้นจะเซียนจนรู้จังหวะรอบเครื่องแล้ว

เวลาคุณเร่งขึ้นไปแล้วมันต้องลดความเร็วให้ช้าลง
คุณก็ต้องเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วเหมือนกัน
ช่วงรอบปกติที่จะใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์ คือ 2500-3000 รอบ
ถ้าอยากสนุกหน่อย ก็ลากไปสิ 4500-5000 รอบแล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์
แต่หลัง 5000 ลากไปก็สึกหรอ ก็พังเปล่าๆ มันเลยแรงบิดสูงสุดไปแล้ว

ใจเย็นๆ แล้วจะใช้ได้นาน ใจร้อนแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้พังตั้งแต่ป้ายแดง
อ้ออีกอย่าง รถมันควรจะรันอิน 1000 โล ไม่ขับรุนแรง กระชาก
ไม่เร่งรอบสูงๆ และไม่ใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. นะ
อ่านคู่มือดูบ้างครับ สงสารรถ
วันที่: 25 Sep 06 - 22:56

 ความคิดเห็นที่: 30 / 42 : 225530
โดย: มือใหม่หัดพัง
นี่ล่ะ สาระที่แท้จริง ขอบคุณครับ
วันที่: 25 Sep 06 - 23:10

 ความคิดเห็นที่: 31 / 42 : 225538
โดย: nawatkong
งือๆ ยิ่งอ่านไปยิ่งไม่สบายใจ
ผมละกลัวคุณจะขับแบบนี้ไปจนรถมันพังก่อนจะเข้าใจว่าต้องทำยังไงแล้วแล้วนะเนี่ย

ผมยังยืนยันเหมือนเนยนะว่า คุณควรหัดขับโหมดD ให้คุ้นก่อน

ทำไมคุณมือใหม่ถึงมุ่งมั่นจะขับแต่เฉพาะทริปโทรนิคนักครับ มันไม่พุ่งทันใจหรืออย่างไร

ในฐานะที่ใช้เจ้าสามมาพอสมควร ผมบอกได้เลยว่า การใช้ทริปโทรนิค เมื่อเทียบกับการใช้โหมดD แบบเหยียบหนักๆ มันก็ออกตัวเร็วใช้ได้นะครับ การใช้ทริปโทรนิคมันทำให้เราเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ช้ากว่า(หรือลากเกียร์นั่นแหละ)ออโต้ปกติ เพียงนิดหน่อยเท่านั้นครับ ตรงนี้อาจดูเหมือนมันไปได้เร็วกว่า แต่จริงๆต่างกันไม่มากหรอกครับ

เอางี้มั้ย ถ้าคุณมือใหม่คิดว่าโหมดD ธรรมดามันไม่ค่อยพุ่ง ลองขับเกียร์ที่D แล้วเหยียบคันเร่งให้หนักขึ้น และเร็วขึ้นกว่าเดิมดูครับ แรงๆเลย คุณจะเห็นความแตกต่างมากขึ้น แล้วไม่ต้องกลัวพังด้วย เพราะเกียร์ออโต้สมัยนี้มันฉลาดพอที่จะเลือกอัตราทดเกียร์ที่เหมาะสมกับรอบเครื่องได้เองครับ

*เรื่องชุดแต่ง แล้วแต่ชอบครับ ราคาตั้งแต่ออกมาจนถึงวันนี้ ลดลงนิดหน่อยเองครับ ถ้าจะติด ติดเลยครับ ไม่ต้องคิดมาก มันลงไม่มากกว่านี้เท่าไหร่หรอกครับ
วันที่: 26 Sep 06 - 00:09

 ความคิดเห็นที่: 32 / 42 : 225592
โดย: H@NK
เข้าใจว่าเห่อครับ เอามันส์อย่างเดียว กับรถตัวเอง(แต่เงินพ่่อแม่)
แต่ถ้ารถพังก่อน ก็คงหายเห่อ กลายเป็นห่อเ *_* ่ยวแทน
ขับรถเร็วแรงอย่างเดียว ยังไม่พอนะครับ ต้องใช้เวลาฝึกฝนจนชำนาญพอที่จะควบคุมรถได้
เมื่อเกิดเหตุไม่คิดฝัน ขับรถ ใครก็ขับได้ แต่ขับได้กับขับเป็น มันต่างกัน
วันที่: 26 Sep 06 - 10:54

 ความคิดเห็นที่: 33 / 42 : 225606
โดย: มือใหม่หัดพัง
เงินผมเองครับ เงินหุ้น -*-
วันที่: 26 Sep 06 - 12:13

 ความคิดเห็นที่: 34 / 42 : 225611
โดย: zexwarior
เหอ เหอ อยากเล่นมั่งแล้วจิ หุ้น หุ้น
วันที่: 26 Sep 06 - 12:22

 ความคิดเห็นที่: 35 / 42 : 225633
โดย: nawatkong
ไหนๆ คุณมือใหม่ก็เข้ามาอ่านเรื่อยๆ
ผมว่า ถ้าคุณจะช่วยบอกว่า หลังจากอ่านความเห็นของหลายๆคน แล้ว เข้าใจว่าอย่างไร แล้วจะไปขับอีกครั้ง แบบไหน ก็จะดีครับ
เผื่อเข้าใจไม่ตรงกันตรงไหน จะได้ช่วยแก้ได้ก่อนที่จะไปถึงรถครับ
วันที่: 26 Sep 06 - 13:06

 ความคิดเห็นที่: 36 / 42 : 225771
โดย: มือใหม่หัดพัง
ขอบคุณมากครับ ถ้ารถมันหยุดวิ่งเมื่อไร ผมจะเอาแส้ฟาดตรูดมันให้วิ่งเอง 5 5+ ล้อเล่น
วันที่: 26 Sep 06 - 22:20

 ความคิดเห็นที่: 37 / 42 : 225833
โดย: tey
ผมว่าดีครับ
ขับให้มันพังเป็นเกียร์ๆ ไป
พอเกียร์ 1 พังก็ใช้เกียร์ 2 ต่อไปจนมันพัง
และก็ตามด้วยเกียร์ 3 และ 4 อิอิ ประหยัดดี
วันที่: 27 Sep 06 - 08:39

 ความคิดเห็นที่: 38 / 42 : 226370
โดย: Peterp
ผมว่าไปหัดขับเกียร์ธรรมดาให้รู้มือก่อนครับ
ถ้ารวยหุ้น ก็ไปซื้อ รถมือสองถูก ๆ คันละซัก 3 หมื่น เกียร์ธรรมดา+ขับหลัง มาอัดให้หนำใจ
ดีกว่าเรียนรู้กับเกียร์ลูกเป็นแสน
อิจฉาคนรวยจัง
วันที่: 29 Sep 06 - 13:59

 ความคิดเห็นที่: 39 / 42 : 232953
โดย: RotteN
ทริโทร มันก็ลาก จนเรดไลด์ได้นิครับ ไม่ต้องเปลี่ยนมักก็จะเปลี่ยนให้เราเองตอน7000รอบโดยประมาน มันจะเปลี่ยนให้ทุกเกียร์ที่รอบเท่านี้ตลอด เหมือนการขับเกียร์กระปุก ลากจนชิฟไลท์โชว์ ยังไงยังงั้นเลย มันดีมากเวลาขับทริปโทรนิก
วันที่: 05 Nov 06 - 15:15

 ความคิดเห็นที่: 40 / 42 : 232980
โดย: *~B3S~*
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าสงสารรถจังครับ


นี่ถ้าเกินคุณมือใหม่เกิดแต่งาน แต่ว่า...ไม่เป็น

จะใช้สาวเจ้าเหมือนกันตอนอัดรถบนเกียร์ 1 รึเปล่าครับเนีย

รถกับผู้หญิงก็เหมือนกันแหละครับ ต้องการความถะนุถนอมในการใช้งาน ความคุ้นเคย และความเข้าใจ แล้วเค้า(หรือเธอ) ก็จะตอบสนองเราได้ตามใจดั่งที่เราต้องการครับ ให้เวลาสักนิดเพื่อการเรียนรู้กันแหละครับ

ถ้าไม่เชื่อ...ผมแนะนำให้ถามป๋าวีครับ

ป๋าวีแกใช้...........มาเยอะแล้วครับ

หมายถึงรถอ่ะนะครับ
วันที่: 05 Nov 06 - 19:50

หน้าที่: 1   [2]   3