User Name :
  Password :

จำนวนสมาชิก 17,837 คน
จำนวนรถ 4,779 คัน

ออนไลน์ 0 คน

รายนามขาเม๊าท์ (0)
  - ไม่มีคนเม๊าท์

Currency Convert



Article

Article Menu
323 Sedan 2nd-Hand



มาสด้า323 Sedan เป็นรถที่ฝรั่งเรียกว่ารถคอมแพ็ค ก็คือรถเก๋งขนาดเล็กนั่นเอง เหมาะสมที่จะเป็นรถใช้งานในเมืองเนื่องจากมีขนาดกระทัดรัด คล่องตัว แถมมาด้วยเครื่องยนต์ขนาด1600 ซีซี หัวฉีด DOHC ขนาดกำลังดีเหมาะกับตัวรถ จึงทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่สูงนัก ถึงแม้ว่า323 Sedan จะเป็นรถคอมแพ็คก็ตาม พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารกลับกว้างขวางกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรถยี่ห้ออื่นๆ ในรุ่นปีเดียวกัน

มาสด้า 323 ในโฉม ปี 95-98 รูปแบบดีไซน์ ค่อนข้างจะเป็นรถที่เอาใจคนเอเชีย ที่มีมาดสปอร์ต อยู่ในตัว 323 เป็นการพัฒนา ในแบบรถคอมแพ็ค สำหรับภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง

สำหรับปัญหาบางประการที่หลายๆคนมักจะกลัวนั่นก็คือ เรื่องอะไหล่ ของ 323 ในส่วนของตัวถังและส่วนควบต่างๆ คงต้องทำใจ เพราะอะไหล่ส่วนใหญ่ตั้งแต่หัวจดท้าย คงต้องวิ่งเข้าหาคว้ามาจากศูนย์บริการ แต่ใช่ว่าชนขึ้นมาที ต้องวิ่งปรี่ไปศูนย์บริการท่าเดียว เพาระตามอู่ข้างนอก ก็ยังหาอะไหล่ จากตลาดภายนอกได้พอสมควร เพียงแต่ว่าบางชิ้น บางส่วนอาจต้อง พึ่งพาของศูนย์บริการ จากลักษณะการดีไซน์ และโครงสร้างโดยรวมของมาสด้า 323 น่าจะเป็นรถประกอบที่ดูแข็งแรง และมีเทคโนโลยี การดูดซับแรงกระแทก ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจุดนี้น่าจะทำให้รถมือสอง ยังมีแรงสปริงตัว และการให้ตัวได้เป็นอย่างดี ถึงแม้จะออกมา 5-6ปีแล้วก็ตาม

เครื่องยนต์บล็อกนี้มีทั้งพลังและความประหยัดที่น่าสนใจ

เครื่องยนต์ของ 323 เป็นเครื่องในตระกูลบล็อก B ที่เลื่องชื่อทั้งด้านพลัง ความประหยัด และความทนทาน โดยรหัสเครื่องยนต์ที่อยู่ภายใต้ฝากระโปรง เป็นรหัส B 6DE เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ฝาสูบแบบ DOHC 16 วาวล์ มีความจุกระบอกสูบ 1,597 ซีซี ขนาดกระบอกสูบ 78 และช่วงชัก 83.6 ม.ม ใช้ระบบหัวฉีด อีเลคทรอนิค EGi สามารถผลิตแรงม้าได้ 110 ตัว ที่ 6000 rpm. และแรงบิด 14.5 กก.ม. ที่ 3,500 รอบ มีระบบส่งกำลัง ทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ ออโต้ 4 สปีด สำหรับอัตราการบริโภคน้ำมันเท่าที่ลองจับครั้งเมื่อทดสอบอยู่ราวๆ เกือบๆ 14 ก.ม/ลิตร แต่คิดว่าหลังจาก การใช้งานมาสัก 4-5ปี อัตราเฉลี่ยการบริโภค น่าจะอยู่ที่ราวๆ 12-12.5 ก.ม/ลิตร สำหรับเกียร์ธรรมดา และ 10 ก.ม/ลิตรสำหรับเกียร์ออโต้ เจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้ก็ดูน่าจะประหยัดดี ข้อดีก็คือ มันสามารถ ตอบสนองกำลังได้ค่อนข้างจะน่ามหัศจรรย์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์ออโต้ อาจเป็นผลมาจากเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ช่วงชักค่อนข้างยาว ก็เลยทำให้มีแรงบิดที่ต่อเนื่องเป็นอย่างดีนั่นเอง

เครื่องยนต์ก็คงเป็นเรื่องที่น่าพะวงถ้ามีปัญหา เล็กๆน้อยๆ ศูนย์บริการ ก็เยียวยาได้ ในราคาพอสมควร แต่ถ้าเกิดปัญหาใหญ่ที่ต้องโอเวอร์ฮอลเครื่องใหม่ หรือเปลี่ยนเครื่องทั้งตัว เครื่องในบล็อก B ก็มีขายในตลาดเซียงกง เริ่มตั้งแต่ เครื่องของตัวเองคือ B6 -DE ขนาด 1.6 ลิตร สนนราคาอย่างดี ก็ 30,000 บาท นิดๆ เท่านั้น และถ้าอยากแรงขึ้นมาอีกนิด ก็สามารถเขยิบไปวาง ในตัว BP -ZE ได้อีกด้วย เครื่องยนต์ตัวนี้ ขนาด 1.8 ลิตร ที่อยู่ใน ASTINA นั่นเองก็จะมีกำลังเขยิบขึ้นมาถึง 135 ม้า หรือถ้าอยากวางแรงๆ ระดับม้าเกือบ 200 ตัว ก็ มีตระกูล BP-T ให้เล่น



ระบบช่วงล่างเห็นทีว่าถ้าไม่ศูนย์บริการก็ต้องของเทียบ

สำหรับเรื่องระบบช่วงล่างคงต้องยกนิ้วโป้งให้ สองข้าง เรื่องการยึดเกาะถนนกับเจ้า 323 จากระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัทพร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นปีกนกคู่สัมพันธ์ TTL การผสมผสานช่วงล่างด้านหน้าแบบนี้ที่แข็งแรงและประสิทธิภาพ อันเลิศของปีกนกคู่สัมพันธืด้านหลังจึงทำให้มีสมรรถนะการยึดเกาะถนนได้ในระดับดีมาก เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน ความคงทน ของแมคเฟอร์สันสตรัท คงไม่น่จะมีปัญหา ส่วนด้านหลังปีกนกสองชั้น ก็ค่อนข้างมีขนาดเหมาะสม หน้าจะมีความแข็งแรงได้ในระดับดี การซ่อมแซมช่วงล่างถ้าเล่น ของแท้ คงจะหน้ามืดพอสมควร แต่การเทียบของดีๆใส่ เช่นโช้คอัพ อาจดัดแปลงสตรัทหน้า โดยเปลี่ยนไส้เอายี่ห้อ KONI ซึ่งน่าจะดีกว่า ของแสตนดาร์ดติดรถ แต่มีราคาสูสีกัน ใส่เข้าไปก็ไม่น่าจะมีอะไรมาก หรือไม่ก็เป็น คายาบา ที่ขายตามท้องตลาด ส่วนลูกหมากลูกยาง หรือบู๊ชต่างๆ ของแท้คุณภาพดี แต่อาจมีราคาสูงสักนิด จะตัดปัญหาด้วยการคบกับลูกหมาก ตองห้า ก็ว่าน่าจะใช้ได้ ดังนั้นในระบบกันสะเทือนถ้ามีตังค์อยากเดิมๆ ก็วิ่งเข้าศูนย์ แต่ถ้าขาดทุนทรัพย์ ของเทียบของเทียมก็ยังมีให้เลือกใช้

ระบบบังคับเลี้ยวแร็คแนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยแรงก็คงต้องยกนิ้วโป้ง ให้สองนิ้ว เรื่องน้ำหนักของพวงมาลัย ที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม และมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ความแข็งแรงสูง ส่วนเร่องระบบเบรคเดิมๆ มาเป็นดิสก์ 4 ล้อถ้าจับมาเป็นมือสอง ก็ลองเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ ที่เป็นเนื้อเมทัลคิง รับรองว่ายอดเยี่ยม จนลืมเบรกความเป็นญี่ปุ่น และรู้สึกว่าจะเหมาะสมลงทุนอีกแค่เกือบ 2000 บาท กับระบบเบรกเท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องล้อและยาง เห็นทีว่า ถ้า 323 คันนั้นมาเป็นเดิมๆ ตั้งแต่หัวจดท้าย ก็คงได้แค่ล้อเหล็กปั๊ม กับฝาครอบล้อ ขนาด ขอบ 14 นิ้ว หน้ากว้าง 5 นิ้ว ครึ่ง โดยมียางติดรถ 185/60R14 แต่ถ้าอยากจะให้ดี ก็หาล้อแม็กมาใส่ ในสเปกขนาดเท่าเดิมโดยหยิบยืมจาก ASTINA หรือล้อแม็กอะไรก็ได้ ที่มีค่า PCD 4 รู 100 ม.ม กับออฟเซ็ตที่อยู่ระหว่าง 37 -40 มม. ก็กำลัง เหมาะสม หรือถ้าอยากจะเปลี่ยนเป็น ขอบ 15 -16 ก็ตามใจแล้วแต่เงินคุณ

ราคาค่าตัวอยู่ที่ 3 แสนต้นๆ ไปจนถึง 4 แสนหน่อยๆ ในปีสุดท้าย

มาสด้า 323 ตัวนี้ ถึงเวลานี้ก็โดนเจ้า Protege มาแทนที่จึงกลายเป็นรถมือสอง เต็มๆตัวในตลาดไปแล้วอย่างแน่นอน ถ้าเป็นปี สัก 96 ปลายๆ ขณะที่มันออกมาครั้งแรก ถึงเวลานี้ตลาด น่าจะขายที่ 320,000 แต่ไม่เกิน 340,000แล้ว ก็กระเถิบขึ้นมาเป็นปี 97 อยู่ที่ 350000 แล้วก็กระเถิบขึ้นมาแต่ละปี จนสุดท้าย หน้าเกือบ 99 (ซึ่งเป็นรุ่น ไมเนอร์เชนจ์ ใช้โลโก ปีกนก มีเขียนคำว่า Interplay - เอื้อย) สัก 410,000 - 420,000 (ราคามือสองนี่ดูจะประเมิณสูงไปนิดค่ะ -เอื้อย) สภาพรถที่เคยวนเวียนอยู่แถวตลาดมาสด้า ส่วนใหญ่เป็นรถค่อนข้างดี อาจจะเป็นเพราะผู้ที่ใช้มาสด้ามักจะมี รสนิยมเกี่ยวกับรถยนต์ ดังนั้นการดูแลรักษา และการถนอมใช้รถ จากคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมีมาก (แต่บางประเภทก็ทั้งถนอมทั้งเหยียบแหลก-เอื้อย) ถ้าคุณกำลังมองหาคอมแพ็คคาร์ที่คุณภาพคับแก้วลองมองทางเลือกอย่างมาสด้า 323 กันสักหน่อยก่อนตัดสินใจ



คัดลอกมาจากหนังสือ รถวีคลี่ คอลัมน์ ยูสคาร์ ฉบับ เสาร์ที่ 4-10 พ.ค. 45