Close this window

รยกวนวิเคราะห์อาการไฟตกเหลือ 8-10V ด้วยครับ
รบกวนพี่ๆ น้องๆ ช่วยวิเคราะห์อาการรถผมหน่อยครับ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ดีๆ Popup ผมเกิดอาการดังนี้

1. บิดกุญแจ ตำแหน่ง Acc/On แล้ว Volt Meter แสดงไฟตกเหลือ 8-10 V. อุปกรณ์ในรถ ใช้ไม่ได้ ไฟหน้าปัทม์ ไฟหลังคา ไม่สว่าง Start ไม่ได้ เหมือนอาการแบตหมด แต่พอบิดกุญแจไปมา 2-3 รอบ ไฟกลับมา 12-13V . เหมือนปกติ อุปกรณ์ทุกอย่างทำงานได้ เปิดไฟใหญ่ อะไรได้หมด Start ทีเดียวติด ไม่มีอาการของแบตเตอร์รี่อ่อนเลย ((แบตมีอายุพอสมควร ตาแมวที่แบตเตอร์รี่ ยังเป็นสีฟ้าปกติ น้ำกลั่นไม่เคยพร่อง))

2. ขับช้าๆ ในลานจอดรถ อยู่ดีๆ เครื่องดับ แล้วไฟก็ตกเหลือ 8-10V อาการกลับเป็นเหมือนข้อ 1 ขับเร็วยังไม่เจออาการ อันนี้เป็นมา 2 ครั้ง

สาเหตุที่ผมยังวิเคราะห์ไม่ออกคือ

ถ้าเป็นที่แบตเตอร์รี่ ทำไมเดี๋ยวไฟเหลือ 8-10V แล้วอยู่ดีๆ ก็กลับมา 12-13V ได้ตามปกติ ภายในเวลาไม่กี่วินาที แล้วตอน Start ติดแล้วขับอยู่ทำไมไฟตกจนเครื่องดับได้ ในเมื่อมีไฟจากไดชาร์จเข้ามาเลี้ยงอยู่

ส่วนจะเป็นจากไดชารจ์ ก็งงว่า ตอนยังไม่ Start เครื่อง ทำไมมีอาการไฟตก

หรือจะเป็นที่สวิทชท์กุญแจหน้าคอนแทคสกปรก ก็สังสัยอีกว่า แล้วไฟหน้า, ไฟเก๋ง มันใช้ไฟจากแบตเตอรี่ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่าน Acc/On ทำไมมันถึงมีอาการด้วย

รบกวนช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ อาการมันไม่ได้เกิดตลอดเวลา ไปหาช่างก็กลัวช่างจะบอกให้เปลี่ยนแบต เปลี่ยนไดชาร์จ เปลี่ยนโน่น นี่น นั่นไปเรื่อย
โดย: pond_v   วันที่: 31 May 2013 - 08:41


 ความคิดเห็นที่: 1 / 9 : 782437
โดย: บอมบ์
สงสัยว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วลงตัวถัง

แต่ไม่ได้ชอร์ตตรงๆ น่าจะเกือบๆชอร์ตจนไฟตก
และเป็นการรั่วแบบติดๆดับๆตามจังหวะและแรงกระแทก (เช่นตอนไดร์สตาร์ททำงาน และตอนขับรถ)

ยิ่งถ้าเป็นเจ้า pop-up ด้วยแล้วยิ่งน่าสงสัย เพราะคิดว่าระบบสายไฟ สวิทช์ต่างๆน่าจะเก่า กรอบพอสมควรตามอายุ

- ถามหน่อยครับ อาการไฟตกเป็นทุกครั้งที่จะสตาร์ทรถเลยหรือเปล่า หรือบางครั้งเป็น บางครั้งไม่เป็น??

ทีนี้เมื่อบิด on แล้วไฟตกให้ลองไปปลดฟิวส์ในห้องโดยสาร ดูทีละตัวว่าปลดแล้วไฟกลับมาปกติมั๊ย ถ้าไม่ก็เสียบกลับ
ถ้าดึงตัวไหนออกแล้วไฟมาปกติ แสดงว่าจุดที่ชอร์ตต่อจากไลน์ฟิวส์เส้นนั้นแหละ แล้วก้อไล่ต่อไปเรื่อยๆ


ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะไม่ใช่เรื่องชอร์ตก็ได้ แต่ลองดูก่อนครับ
วันที่: 31 May 13 - 09:54

 ความคิดเห็นที่: 2 / 9 : 782449
โดย: pond_v
ขอบคุณครับคุณบอมบ์ ไฟตกเป็นบางครั้งครับ ไม่ได้เป็นทุกครั้ง

ใครมีความเห็นอื่นอีกบ้างมั้ยครับ เสาร์อาทิตย์ จะได้ลองดู แต่ไม่รู้ว่าอาการมันจะเกิดหรือเปล่าเนี่ยสิ บางที ลองบิด on เป็น 10 ครั้ง มันก็ไม่เกิดอาการอะไรเลย ปกติทุกอย่าง


วันที่: 31 May 13 - 11:29

 ความคิดเห็นที่: 3 / 9 : 782464
โดย: บอมบ์
ถ้าไม่เป็นทุกครั้ง และคาดเดาว่าจะเกิดตอนไหนไม่ได้นี่

ยิ่งสงสัยเลยว่ามีสายอะไรรั่วหรือชอร์ต แบบห้อยต่องแต่งแล้วแต่จังหวะว่าจะแตะไม่แตะ


ตอนนี้ยังนึกออกแค่นี้นะครับ รอท่านอื่นครับ
วันที่: 31 May 13 - 13:58

 ความคิดเห็นที่: 4 / 9 : 782469
โดย: NAIprotege
ลองเปิดฝากระโปรงที่มืด หาสายไฟหลุดรั่วหรือเปล่า จำเลยอีกตัวก็ไดชาร์จกำลังจะกลับบ้านเก่า
วันที่: 31 May 13 - 15:06

 ความคิดเห็นที่: 5 / 9 : 782472
โดย: srithanon
ได้เข้ามาแนะนำในการตรวจเช็คให้ เสียเวลาพิมพืไปครึ่งชัวโมง พอกดส่งโพส กลับไม่มีกระทู้ตอบข้อความ เซ้งเป็ด ห่าน หมูหมากาไก่ หมดรมณ์จริงๆ ช่วงนี้พิมพ์ตอบไม่ไหวงานเข้า คืนนี้หากว่างจะเข้ามาตอบกระทู้ให้ หรือจะอยากรู้ว่าทำอย่างไร ก็โทรไปคุยกันได้ครับ เบอร์โทร.ส่งอีเมล์ไปที่ผมก่อนครับ ตามนี้ [email protected]
วันที่: 31 May 13 - 15:51

 ความคิดเห็นที่: 6 / 9 : 782526
โดย: ทวีรัฐ
ขั้วแบต ทั้ง 2ขั้ว ถอดออก ทำความสะอาด เอาแปรงลวดขัดๆทั้งที่ขั้วส่ายไฟเข้ารถและขั้วบนแบตดูด้วยครับ
เผื่อเส้นผมบังภูเขา
เวลาใส่กลับก็ฉีดสเปรย์ครอบจักรวาลก่อนสวมเข้าไปแล้วขัดรัดให้แน่น

ลองสังเกตุอาการดูอีกที

ไม่เสียตังค์ ถ้ามีน้ำมันครอบจักวาลอยู่แล้ว
วันที่: 01 Jun 13 - 09:42

 ความคิดเห็นที่: 7 / 9 : 782537
โดย: bert
ควรตรวจสอบสวิทช์กุญแจก่อน ดูจากที่บรรยายมาอาจจะเป็นอาการหลวมของเส้นทางเดินไฟฟ้า

ไดชาร์จไม่น่าจะเกี่ยวข้อง

ขั้วแบ็ตก็ไม่น่าจะใช่

อาการช๊อตของระบบไฟฟ้าก็ไม่น่าใช่อีกเช่นกัน

แบ็ตเตอรี่ถ้านานเกินหกเดือน ลองให้ที่ร้านเช็คสภาพให้ก็ดีครับ ปกติบิดสวิทช์กุญแจมาที่acc แรงดันไฟมักจะตกลงมาบ้างจาก 12.6v ที่เป็นระดับแรงดันไฟสูงสุดของแบ็ตเตอรี่ ถ้าได้ถึง 13v ตัววัดแรงดันไฟอาจจะไมเที่ยงตรงครับ
วันที่: 01 Jun 13 - 11:36

 ความคิดเห็นที่: 8 / 9 : 782699
โดย: srithanon
ไม่ทราบว่าท่านเจ้าของแก้ปัญหาได้แล้วหรือยัง กรณีนี้มีสาเหตุที่น่าจะแยกตรวจสอบได้สองกรณี
กรณีแรก เรื่องการใช้กระแสของแบ็ตเตอรี่ ในขณะที่บิดสวิชท์กุญแจไปที่ตำแหน่ง ON
กรณีที่ สอง เป็นการตรวจสอบว่าไม่เกี่ยวกับการใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ แต่อาจจะมาจากการ ที่ขั่วสายไฟหรือฟิวส์ หวมหรือไม่ค่อยสัมผัสกับจุดเชื่อมต่อของสายไฟ ทำให้กระแสไฟจ่ายให้กับโหลดมีน้อยไม่พอจ่าย ทำให้โวลเต็ตตกลง ลองทำตามนี้ในการตรวจสอบ

ในกรณีแรก เรื่องการใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ ที่ทำให้โวลตกลงมามากจนไม่สามารถที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ให้หา แอมป์มิเตอร์ ที่เป็นแบบ DC clamp meter มาคล้องสายไฟทั้งหมดที่ขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ จากนั้นให้บิดสวิชท์ไปที่ตำแหน่ง ON ให้ดูที่ DC แอมป์ว่ามีกระแสไฟอ่านได้กี่แอมป์ หากขึ้นมากกว่า 15-20 Amp แสดงว่ามีการชอร์ทเซอร์กิตของวงจรไฟรถยนต์

หากว่าอ่านได้ประมาณ 10 Amp ถือว่าปกติ เพราะว่าในตำแหน่ง ON จะจ่ายไฟไปที่ปั้มติ๊ก หัวฉีดน้ำมัน ระบบจุดระเบิด และกล่อง ECU

ในกรณีที่บิดสวิชท์มาที่ ON แล้วกระแสที่แอมป์มิตอร์ ขึ้นน้อย แต่โวลตกลงเหลือ 8-10 Volt ในกรร๊นี้แสดงว่า มีขั่วต่อของสายไฟไม่แน่นหรือหลวม อาจจะมาจากขั่วแบ็ต หรือขั่วเสียบชองฟิวส์เมน ในกล่องห้องเครื่องหน้ารถ โดยเฉพาะฟิวส์เมนจากแบ็ตเตอรี่ หรือตัวที่ใช้กระแสไฟลองลงมา ลองตรวจสอบดูขั่วเสียบขาของฟิวส์ ที่ใช้กระแสไฟสูง

ในกรณีที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกว่า บางครั้งบิดสวิชท์ไปมาในตำแหน่ง ON ทำให้ไฟกลับมาเป็นปกติ
คิดว่า การที่ทำอย่างนั้น เป็นการกระตุ้นจุดสัมผัสตามขาฟิวส์ หรือขั่วต่อสายไฟ ที่มีกระแสไกระโดดข้ามจุดสัมผัสที่หลวม เกิดทำให้กระแสไฟเดินได้สดวก ก็เลยทำให้ระบบไฟกลับมาเป็นปกติ

และที่กล่าวว่าเวลาขับรถระหว่างทาง อยู่ๆเครื่องก้ดับลง ก้เพราะว่ามันมีขั่วสายไฟ จุดหนึ่งจุดใดหลวม เมื่อมีการสั่นสะเทือนของตัวรถ มันก็ไม่ต่อกระแสไฟ

สำหรับคำถามที่บอกว่าในเมื่อขณะที่เครื่องยนต์ทำงานแล้วไฟจากแบ็ตไม่มี เครื่องยนต์น่าจะทำงานได้
ตามที่หลายๆท่านเข้าใจ ว่าในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน หากดึงขั่วลบของแบ็ตเตอรี่ออก เครื่องยนต์ก็ทำงานได้ ก็ตอบว่าจริงหรือถูกต้อง แต่ถูกไม่หมด เพราะการที่จะให้ไดน์ชาร์จหรือ Alternator ทำงานจ่ายกระแสไฟในครั้งแรกที่เครื่องยนต์ติด จะต้องเอาไฟจากแบ็ตเตอรี่จ่ายไปให้ขดลวดโรเตอร์ ที่พันอยู่บนแกนทุ่นโรเตอร์ ให้เกิดสนามแม่เหล็กเสียก่อน เมื่อทุ่นแกนโรเตอร์หมุนตามสวายพานเครื่องยนต์ ก็จะทำให้สนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นนี้ ไปตัดกับขดลวดสเตอเตอร์ เกิดกระแสไฟและแรงเคลื่อนโวลเต็จขึ้นในขดลวดสเตอร์ แล้วนำกระแสไฟฌวลเต็จที่ได้นี้ไปทำการเร็คติไฟร์ให้เป็นกระแสไฟ DC จ่ายให้กับเครื่องยนต์

ดังนั้นเมื่อเครื่องยนต์ติด มันก็จะมีไฟในตัวไดนฺชาร์จส่วนหนึ่งจ่ายให้กับขดลวดโรเตอร์ ในจังหวะนี้หากดึงขั่วลบออก เครื่องยนต์ก็จะทำงานติดได้ แต่มีงื่อนไขว่าอย่ามีการใช้กระแสไฟมากในรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ และเมื่อใดก็ตามที่เครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา ตัวไดน์ชาร์จจะผลิตกระแสไฟได้ต่ำ ประมาณไม่เกิน 10 Amp หากช่างนี้มีการเปิดแอร์ เล่นเครื่องเสียงที่ใช้กระแสไฟมาก จะทำให้เครื่องยนตืดับ เพรามีกระไฟไม่พอ เมื่อมีกระแสไฟจ่ายออกไม่พอ ก็ทำให้โวลเต็จตกลงมามาก

การที่โวลเต็จตกลงมามาก ทำให้ไฟที่จ่านให้กับขดลวดโรเตอร์สร้าสนามแม่เหล็กก็ลดน้อยลง ผลที่ตามมาก็คือการเกิดสนามแม่เหล็กของขดลวดโรเตอรืก็ลดน้อยลง จนไม่เกิดสนามแม่เหล็ก ก็ไม่มีไฟออกจากตัวไดน์ชาร์จ เครื่องยนต์ก็ดับ ยกเว้นต้องเร่งเครื่องยนต์ให้สูงประมาณ 2000 รอบขึ้นไปถึงจะทำให้เครื่องยนต์ติดได้ หากมีแบ็ตอต่อยู่เครื่องยนต์และระบบไฟทรี่ใช้ก็จะเอาไปจากแบ็ต

ในกรณีที่บอกว่าทำไมเครื่องยนต์ดับ ทั้งๆที่ไดน์ชาร์จยังจ่ายไฟออกมาแทนแบ็ต ที่เป็นดังนี้อาจจะเป็นไปได้ว่า กระแสไฟที่ออกจากไดน์ชาร์จที่ขั่ว B+ ไปยังขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ อาจจะไปผ่านฟิวส์หรือกล่องเมนฟิวส์ แล้วมีขั่วเสียบที่ต่อไปยังขั่วบวกของแ้บ็ตหลวใไม่แน่น หรือตัวฟิวมีขั่วจุดต่อไม่สนิท ก็เลยไม่มีไฟไปที่ขั่วบวกของแบ็ต ที่เป็นจุดรวมของสายไฟต่างๆที่ใช้กระแสไฟจากแบ็ต งั้นเวลาที่ไฟแบ็ตลดลงหรือใกล้หมด มันก็เลยไม่มีไฟจ่ายให้กับระบบเครื่องยนต์ของตัวไดน์ชาร์จ เครื่องยนตืก็ดับ

ดังนั้นอาการที่เกิดกับเจ้าของกระทู้ น่าจะมาจากขั่วของสายไไม่แน่นหลวม รวมทั้งกล่องฟิวส์มีปัญหาที่ตัวฟิวส์ มีจุดต่อไม่สนิท

สำหรับในการณีที่แอมป์มิเตอร์วัดได้กระแสไฟสูง ที่ทำให้กระแสไฟและโวลเต็จลดลง จนสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ได้ หากเป็นดังนี้ ในขณะที่บิดสวิชท์อยู่ในตำแหน่ง ON แล้วอ่านกระแสไฟได้มากตามที่กล่าวข้างต้น ให้ทำการถอดฟิวส์ ในกล่องบ๊อคในห้องเครื่องหนารุออกทีละตัว ก็จะรู้ว่ามันมีการชอร์ทที่วงจรไฟชุดไหน ดึงออกทีละตัว เมื่อดึงออกก็ดูที่แอมป์มิเตอร์ ว่ามีกระแสไฟลดลงไหม หากดึงตัวไหนแล้วลดลง ก็ให้ตรวจสายไฟที่ไปจากฟิวส์ตัวนั้นไปหาโหลดที่ใช้กระแสไฟนั้น ก็จะพบสาเหตุ อาจจะสายไฟชอร็ทกับกราวด์ เส้นใดเส้นหนึ่ง ให้ดูสายไฟที่ต่อจากแบ็ตไปที่ตัวมอเตอร์สตาร์ทก่อนเป็นอันดับแรก หากสงสัยก็ให้เลื่นเอาแอมป์มาคล้องวัดที่สายไฟที่ไปมอเตอร์ แล้วบิดสวชท์ไปที่ ON แล้วดูว่ามีกระแสไฟหรือไม่

หรือจะช้วิธีนี้ักับการวัดกระแสของสายไฟ ที่ต่อไปยังโหลดนั้นๆ ก็จะทราบได่เช่นกัน ลองดูครับ...srithanon
วันที่: 02 Jun 13 - 15:49

 ความคิดเห็นที่: 9 / 9 : 782914
โดย: pond_v
ขอบคุณทุกๆ ท่านที่สละเวลามาช่วยกันตอบนะครับ โดยเฉพาะคุณ srithanon ตอบละเอียดมากๆ แต่คอมเมนท์อื่นทุกคอมเมนท์ ไม่ว่าจะสั้นจะยาว ก็คือน้ำใจจากพี่ๆ น้องๆ ครับ

Update นะครับ

ตอนนี้ที่ผมได้ทำไปแล้วคือ
- เรื่องขั้วแบต สะอาด แน่นหนา ครับปกติผมจะดูแลจุดนี้ประจำ
- ขั้วฟิวส์ เป็นอะไรที่สงสัยแต่แรกเหมือนกัน ลองตรวจสอบแล้ว แน่นหนาดีมากครับ
- ไฟแบตเตอร์รี่ ลองวัด Volt โดยใช้ Digital Meter ตอนไม่ Start ได้ที่ 12.4V
- ลอง Start แล้ววัดไฟจาก Alternator ได้ประมาณ 14.5V
- เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา มันยังไม่มีอาการ ผมเลยทำในสิ่งที่ทำได้ก่อนคือ ถอดสวิทช์ท้ายกุญแจออกมาทำความสะอาด ข้างในหน้าสัมผัส ค่อนข้างสกปรก มีคราบ Oxidation ดำปี๋ เลยเอามาขัดหน้าให้เรียบ ล้างทำความสะอาดหน้า Contact

ตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงทดสอบว่าได้ผลมั้ย วันนี้ลองขับมาทำงานแล้ว ยังไม่มีอะไร หากยังไม่หายคงต้องไป Step ต่อไป ในเรื่องของการใช้ Amp Meter วัดแบบที่คุณ srithanon แนะนำ ผมใช้ไม่เป็นซะด้วย ที่บ้านมี Digital Meter แต่วัดเป็นแค่ Volt กับ Ohm ส่วนแอมป์เคยอ่านว่าต้องต่ออนุกกรมแต่ไม่ค่อยเข้าใจ

ถ้าแก้ไม่หาย ถึงมือพี่หมูแน่ๆ แต่ตั้งใจไว้ว่า ถ้าคราวนี้ถึงมือพี่หมู กลับออกมาน่าจะได้ FS-ZE ติดตัวมาด้วย

ขอบคุณครับ
วันที่: 04 Jun 13 - 08:19