หลังจากล้างเสร็จเรียบร้อย ก็ให้เราดูจากกล้องว่า สะอาดแล้วนะครับ ก็จะเอาน้ำยาอะไรซักอย่าง มาฉีดๆที่รังผึ้งตู้แอร์ หลังจากนั้นก็ประกอบ พัดลมและช่องเก็บของกลับเหมือนเดิม เช็คน้ำยาแอร์ พร่องไปหน่อยนึง เลยเติมไปครับ เค้าให้ผมดูเกจ์วัด ว่าต้องมีแรงดันเท่าไหร่ รถเรามีเท่าไหร่ (รถผมเติมน้ำยาแอร์ครั้งสุดท้าย เมื่อ 2ปีแล้วมั้งครับ) หลังจากนั้นก็เสร็จพิธี ใช้เวลาไปประมาณ 15-30 นาที (แต่ผมขับรถจากมีนบุรีมานวมินทร์ 1 ชั่วโมง
) ลองเปิดแอร์ เย็นกว่าเดิมเยอะเลยครับ มีกลิ่นหอมๆด้วย น่าจะมาจาก น้ำยาที่ฉีดๆตรงตู้แอร์ หมดค่าเสียหายไป ค่าล้าง 500 ค่าน้ำยา 200 รวม 700 กลับบ้านรถติดแอร์เย็นฉ่ำจนต้องหรี่ครับแต่อาจจะมาจากที่ฝนลงเม็ดด้วย (ฝนลงเม็ดหน่อยๆ)
เอาข้อมูลมาฝากสำหรับคนที่อยากลองทำเอง ผมว่าถ้ามีที่ฉีดน้ำฝอยๆแรงๆหน่อย ก็น่าจะล้างเองได้ ดูไม่ค่อยยากเท่าไหร่ ยกเว้นต้องก้มไปดูเพราะที่ร้านเค้าดูผ่านจอ ถ้าใครมีสกิลช่างอยู่บ้างผมว่าน่าจะล้างได้ครับ
ปล.ผมประทับใจอีกอันก็คือ ผมลืมมือถือไว้ในรถ ตรงเบาะคนนั่งมันมุดไปอยู่ซอกๆ น้องๆช่างก็มาเรียกผมบอกว่า พี่ครับพี่ลืมมือถือไว้ในรถครับ ผมก็เดินมาหยิบ พูดตรงๆถ้าน้องเค้าไม่บอก ผมก็ไม่รู้ว่าไว้ตรงนั้นเหมือนกันครับ ลืมจริงๆ ประทับใจดีครับ
ถ้าผมผิดกฎซื้อขายป๋าแจ้งผมก็ได้นะครับ ผมจะก๊อบข้อความไปลงหน้าซื้อขายครับ ขี้เกียจพิมพ์ใหม่
เอารถไปล้างแอร์มาครับ
สืบเนื่องมาจากหน้าร้อนนี้ เวลารถติด หรือขับในเมืองวิ่งช้าๆ แอร์มักจะมีอาการไม่ค่อยเย็น หรือจะเย็นก็เย็นน้อย แต่ถ้าวิ่งทางไกล หรือกลางคืน จะเย็นมาก (หนาวจนต้องหรี่แอร์มาเกือบๆแตะแถบแดง) และอีกประการคือผมไม่ได้ล้างแอร์มา 7 ปี ตลอดที่รถอยู่กับผม (ตอนอยู่กับลุงผมก็ไม่รู้ว่าล้างมั่งป่าว) และแอร์ก็เริ่มมีกลิ่นแบบอับๆ รถผมไม่เคยใช้เจลหรือน้ำหอมปรับอากาศในรถนะครับ จะมีห้อยพวงมาลัยมะลิบ้าง เป็นครั้งคราว วันนี้มีโอกาส ไปแถวๆ มีนบุรี ขากลับเลยแวะร้านแอร์ซะหน่อย ล้างแอร์ แบบไม่ถอดคอนโซล และเช็คน้ำยาครับ
ขอบคุณที่แชร์กันครับ
ต้องกลับบ้านเย็นๆน่ะรอให้แดดหุบก่อน เจ้านายนึกว่าขยัน
ไม่กล้าไปยุ่งอะไรกะเจ้าคันนี้เท่าไหร่เลยค่ะ กลัวเขางอน เดี๋ยวจะพาลเป็นนู่นเป็นนี่อีก ก็ทนร้อนๆกันไป มีร้านอื่นแถวๆนนทบุรีพอจะแนะนำบ้างมั๊ยค่ะ จะได้ใกล้ๆที่พักหน่อย ขอบคุณค่ะ
