Close this window

อยากซื้อ 626 ตัวนี้ช่วยดูทีครับ
http://www.taladrod.com/w20/Search/CarDet3.aspx?cib=1084998
http://www.taladrod.com/w20/Search/CarDet3.aspx?cib=1124881

ไม่รู้ว่าเป็นของใครในบอร์ดนี้หรือเปล่านะครับ
ขอถามว่าคันไหนน่าเล่นกว่ากันอ่ะครับ

ใจจริงๆ อยากได้รถถูกใช้ซักประมาณ อีก 5 ปีพอครับ แต่กลัวเรื่องอะไหล่หายากแล้วก็ซ่อมแพง ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ
โดย: mazdal   วันที่: 15 Apr 2013 - 20:44


 ความคิดเห็นที่: 1 / 11 : 775237
โดย: gabb
เป็นผมเลือกคันสีฟ้าครับ.....( เครื่องหัวฉีดมั้ง ).....อะไหล่ไม่แพงมาก หาง่ายอยู่
แต่จิงๆคุณควรไปดูรถก่อนตัดสินใจนะครับ เน้นดูที่เครื่องยนต์กะช่วงล่าง



โชดดีน้าๆๆๆครับ
วันที่: 16 Apr 13 - 00:27

 ความคิดเห็นที่: 2 / 11 : 775253
โดย: note_protege
สีฟ้าด้วยคนครับ
แต่ก่อนตัดสินใจให้ไปดูของจริงก่อน
แล้วค่อยประเมินว่า จะเอามาใช้ต้องทำอะไรเพิ่มบ้าง
รถมีปัญหาอะไรอยู่เยอะไหม ซ่อมได้ไหม
แล้วค่อยเทียบกับงบที่มีครับ ว่าพอเหรอไม่
ถ้าคำนวนแล้วพอก็ รองต่อลองดูเลยครับ


ขอให้ได้รถที่ดีดี นะครับ
วันที่: 16 Apr 13 - 09:27

 ความคิดเห็นที่: 3 / 11 : 775255
โดย: Fujiwara Takumi
ดูด้วยตาผมก็เลือกสีฟ้าครับ แหะ ๆ
วันที่: 16 Apr 13 - 09:42

 ความคิดเห็นที่: 4 / 11 : 775269
โดย: 663 งวดนี้จ้า
...... อย่าเน้นที่เครื่องยนต์กับช่วงล่างนะครับ
เน้นที่ตัวบอดี้ โดยรวมทั้งหมด ต้องไม่ผุ ไม่โดนมาหนัก
เปิดพรมดูกันเลยว่างั้น

ส่วนเครื่องยนต์กับช่วงล่าง ซ่อมแซมที่หลัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ถ้าตัวถังผุ หรือโดนมาหนักนี่ เท้าก่ายหน้าผากเลยขอบอก

.... ปล. ขออภัยถ้าความเห็นไม่ตรงกับด้านบน
แต่การดูรถ เขาเน้นที่ตรงนั้นเป็นหลักใหญ่ครับ
วันที่: 16 Apr 13 - 12:23

 ความคิดเห็นที่: 5 / 11 : 775276
โดย: Fujiwara Takumi
ถ้าจะดูจริง ๆ ก็มีคำแนะนำนิดนึงครับจากที่เคยใช้มา ก็พอใช้ได้ครับ ผมดูรถยึดตามหลักนี้ก็มีความสุขที่ไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องซ่อม ( จริง ๆ เสียค่าซ่อมคอยส์ไป 1000 แล้ว แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไรครับ ีับได้และคุ้มจริง ๆ )
และขอเสริมอีกด้วยว่า ถ้าำไม่ดูเครื่องยนต์ กับ ช่วงล่างเลยก็ไม่ถูกนักครับ ต้องดูราคาและความคุ้มค่าในการซ่อมบำรุงด้วยว่าคุ้ม และพิจารณาเปรียบกับตัวรถอื่น ๆ ด้วยน่ะครับ

วิธีดูรถคร่าว ๆ เบื้องต้นนะครับ ท่านก็ดูจากสภาพภายนอกก่อนโดยเคาะตัวถังรอบๆรถว่าเป็นเสียงของเหล็ก จะใช้หลังมือก็ได้ครับ ( เสียงแก๊งๆ ใส ๆ ) หรือว่าเป็นเสียงทึบๆ ( ปุ๊ค ๆ )ของสีโป๊วถ้าเป็นจุดที่ไม่สำคัญและบริเวณไม่กว้างเช่นแก้ม ด้านข้าง ด้านท้ายหรือประตูก็ถือว่ายังยอมรับได้ครับ อันนี้เป็นเรื่องปกติการที่จะไม่เฉี่ยว ชนเลยเป็นไปได้ยากมากครับแต่ถ้าเจอด้านข้างหรือด้านหน้าเป็นหรือด้านท้าย"โดยเฉพาะหลังคาที่เป็นบริเวณกว้าง"คว่ำแน่ๆ)ไม่แนะนำครับ

ขั้นแรกที่ดูก็ลองยืนหน้ารถแล้วก็มองดูรอยตะเข็บต่าง ๆ ว่ามีการบวมหมือนกันมั้ย ซ้าย-ขวา ไม่ว่าจะขอบคิ้ว ขอบกันชนต่าง ๆ เช่น ฝากระโปรงเวลาปิด ด้านนึงชิดมากแต่อีกด้านนึงห่างมากซะ.....อะไรอย่างนี้อ่ะครับ แบบนี้ก็แสดงว่ามีการชนมาแน่ ๆ แต่จะหนักหรือเบาก็ว่าไป เหมือนกันกับกระโปรงท้าย เช่นซ้าย - ขวา ระยะฝาปิดห่างเท่ากันมั้ยนะครับ

แล้วมาดูเรื่องสีรถว่ามีสภาพเรียบร้อยแค่ไหน มีตรงไหนที่พื้นสีเข้ม ซีดแตกต่างกันโดยจะเน้นไปที่สีของฝากระโปรงเทียบกับแก้มทั้งสองข้างถ้าสีไม่เหมือนกันแสดงว่ามีการทำสีมา(อาจจะจากการชนหรือไม่ชนก็ได้)แล้วจะนำทั้งหมดไปเทียบกับหลังคาและฝาท้ายแต่จะเน้นที่หลังคาครับ เพราะ ถ้าหลังคาถูกทำสีที่เกิดจากการชนคือการชนที่รุนแรงมากหรือคว่ำมาไม่น่าคบแน่ๆครับอันนี้จะดูที่ขอบยางของกระจกหน้าและกระจกหลังถ้าทำสีมาสีจะแตกตรงมุมขอบให้เห็น ดูความสม่ำเสมอของขอบประตูด้านบน-ล่างว่ามีเอียงหรือบิดหรือต่ำๆสูงๆหรือไม่ทั้งสี่บาน ซึ่งจุดนี้ค่อนข้างดูยาก ยังไงตอนดูก็รบกวนเปิดประตูพร้อมกันทั้ง 4 บานออกมาน่ะครับ(และประตูต้องปิด-เปิดง่ายด้วยนะครับ) แล้วลองดูคานต่าง ๆ โดยเฉพาะกระดูกงูมันเป็นชิ้นส่วนที่แข็งแรงมาก ๆ ครับ มันต้องไม่มีการบิด คด งอ โดยเด็ดขาด สังเกตุดูดีๆนะครับถ้าพบตรงจุดนี้ก็น่าจะเกิดเหตุรุนแรงมาแน่ ๆหยุดสนใจเลยครับ ส่วนตัวถ้าเจอสาดสีมาทั้งคันผมจะไม่เอารถคันนั้นครับ

ต่อมาก็จะเปิดดูที่ห้องโดยสารท่านลองเปิดพื้นให้ถึงพรมชั้นล่างสุดโดยเฉพาะตรงที่พักเท้าด้านหน้าทั้งสองข้างแล้วดมดูจะต้องไม่มีกลิ่นอับของความชื้นเหมือนซักผ้าตากไว้ในร่มเพราถ้ามีเป็นไปได้ว่าระบบแอร์รั่ว-มีการผุของเหล็กที่ผนังกั้นห้องโดยสารกับห้องเครื่องอาจมีการรื้อหรือยกเครื่องออกจากตัวรถแล้วประกอบไม่ดีจนมีน้ำรั่วเข้ามาได้(อาจจะซ่อมหรือชนมา)เชื่อไหมบางคันเจอน้ำใต้พรมเลยก็มี ถ้าเจอก็จบอย่าเอาเลย เดี๋ยวเสียใจภายหลัง

คราวนี้ลองบิดสวิทช์กุญแจดูสัญญานเตือนต่างๆต้องติดครบแล้วก็สตาร์ทเครื่องดูสัญญานเตือนทุกตัวต้องทำงานตามปกติถ้าไม่ปกติก็ดูอีกทีว่ารับได้หรือเปล่า ( เช่นรูปแบตเตอรี่อาจเป็นไปได้ถ้ารถจอดนานจนแบตหมดก็เป็นได้ ) จากนั้นก็จะเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีในรถทั้งหมดตัวไหนทำงาน ไม่ทำงานก็จำไว้นะครับเอาไว่ต่อรองราคาได้ด้วย อิอิ ต่อๆ เปิดค้างไฟหน้าไว้ที่ไฟสูงเปิดแอร์แรงสุด แล้วค่อยเปิดฝากระโปรงหน้า มาดูที่ห้องเครื่องในส่วนนี้ค่อนข้างสำคัญมาก ๆ นะครับอันแรกก็เปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้ ( บางรุ่นไม่มีก็เปิดที่พักน้ำแทน ) จากนั้นก็เริ่มฟังเสียงและใช้มือกับที่ตัวเครื่องดูการสั่นสะเทือนที่จะบอกถึงความเรียบของเคื่องยนต์ในรอบเดินเบาต้องไม่มีการกระตุก การสั่นต้องต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ( ไม่ใช่สั่นบ้างหยุดบ้าง ) ฟังเสียงสายพาน - ลูกรอก - พัดลมต้องไม่ส่งเสียงจอ เจี้ยวจ้าวเกินพอดี ดูขอบห้องเครื่องด้านหน้า - ซ้าย - ขวาต้องมีร่องรอยของจุดเม็ดรอยอาร์คไฟฟ้าที่ใช้ในการประกอบ ( เป็นหลุมที่มีระยะห่างเท่าๆกันถ้ามีการชนสีโป๊วจะอุดรอยพวกนี้เป็นเรียบหมด )
จากนั้นก็ไปดูชุดโคมไฟหน้าว่าเรียบเสมอกับกับไฟเลี้ยวหรือเปล่ามีการปรับเอียงไว้หรือไม่ถ้าเอียงก็ปรับให้ตรงและเสมอเป็นปกติซะ เสร็จแล้วลองเดินไปด้านหน้าห่างจากรถสักประมาณ 10-15 เมตรแล้วหันมาดูไฟหน้ารถ ( ที่ท่านได้เปิดทิ้งไว้ที่ไฟสูง ) สังเกตุไฟทั้งสองข้างจะต้องมีความสูงที่ใกล้เคียงกันถ้าสูงข้างต่ำข้าง ( อันนี้ก็เหมือนตอนกลางคืนที่บางครั้งเราขับสวนคันอื่นไฟข้างนึงสูงอีกข้างนึงต่ำ )แต่ท่านได้ปรับโคมให้เสมอกันแล้ว อันนี้ร้อยทั้งร้อยบอกได้เลยชนด้านหน้าหรือเฉียงๆข้างใดข้างหนึ่งมาหลีกให้ห่างครับแบบนี้

คราวนี้กลับมาที่รถดึงสายคันเร่งๆเครื่องดูว่าเร่งดีหรือไม่ต้องไม่มีสะดุดหรือสำลักกน้ำมันและเสียงแขกของวาล์ว ( แก๊ก ๆ )ต้องไม่ดังจนน่าเกลียด ตอนนี้เครื่องร้อนแล้วก็จะมาดูน้ำหม้อน้ำหรือหม้อพัก ( ที่เปิดฝาทิ้งไว้แต่ทีแรก ) การไหลวนต้องไม่มีฟองอากาศ ( ยิ่งเร่งเครื่องฟองยิ่งใหญ่ขึ้น ) ถ้ามีแสดงว่าเครื่องเคยโอเวอร์ฮีตมาจนฝาสูบโก่งไม่ควรซื้ออย่างยิ่ง ถ้าผ่านก็จะก้มดูด้านล่างว่ามีน้ำแอร์หยดอย่างสม่ำเสมอดี ( ถ้าไม่มีหยดเลยก็ไม่ได้นะครับ ไม่ดีแน่ ๆ ) และต้องไม่มีอย่างอื่นหยดนอกจากน้ำแอร์จากนั้นก็ไปปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปิดไว้แล้วดับเครื่องที่สำคัญคือระหว่างที่เช็คอยู่ถ้าคนขายไปดับเครื่องก็ไม่ดูต่อแล้วครับ ( แสดงว่าต้องการปกปิดบางอย่าง ) แล้วก็มาดูรอยรั่วของน้ำตามท่อน้ำหรือน้ำมันในระบบว่ามีใหม่ๆออกมาตรงไหนบ้าง ( อันนี้ไม่เท่าไหร่ครับ แต่เก็บข้อมูลเอาไว้ต่อราคา ) ดูตามจุดประกบต่างๆเช่นฝาครอบวาล์ว-เครื่อง-หัวเกียร์ว่ามีร่องรอยของสารซีลป้องกันรั่วหรืไม่ ( สีส้มหรือสีขาว )ถ้ามีก็แสดงว่าจุดนั้นๆมีการถอดซ่อมมาแล้ว ( เก็บเป็นข้อมูลไว้ต่อราคาอีกเช่นกัน ) รอซักพักแล้วก็มุดดูพวกลูกยางกันฝุ่น - กันโคลง - ยางหุ้มแร็คพวงมาลัยว่ามีจุดไหนชำรุดเสียหายหรือจาระบีรั่วหมดบ้าง จากนั้นก็ปิดฝาหม้อน้ำหรือหม้อพักเช็คระดับของเหลวทุกอย่างเช็คการยุบตัวของโช้คต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไปและต้องไม่มีเสียงกระทบกันของเหล็ก จากนั้นก็ทดลองขับ ( ถ้าไม่ให้ลองขับก็ออกมาเลยครับไม่ต้องเอา ) ดูความสม่ำเสมอของอัตราเร่งต้องไม่กระตุก รอบเครื่องกับความเร็วต้องสัมพันธ์กันไม่ใช่รอบสูงแล้วแต่รถไม่วิ่งก็ใช้ไม่ได้ พยามหาถนนที่โล่งอัดและลากเกียร์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ที่ดีที่สุดคือต้องไม่มีการสะดุดของเครื่องเลยและการสับเปลี่ยนเกียร์ ( ธรรมดา ) จะต้องลื่นเข้าง่ายไม่มีเสียงโครกครากให้ได้ยินอันหมายถึงความเสื่อมสภาพของครัทช์หรือครัทช์ที่เคยไหม้มาก่อน จากนั้นก็รักษาความเร็วไว้ที่100-120แล้วเบรคแรงๆต้องไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด - อาการปัด - พวงมาลัยสั่น - รถสั่นทั้งคันต้องไม่มีให้เห็นถ้าเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรพอรับได้ครับ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็จะเบรคจนรถหยุดเลยเครื่องต้องไม่ดับด้วยจากนั้นลองมองหาปั๊มก็จะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันหาที่โล่งหมุนพวงมาลัยซ้าย - ขวาสุด ( ทีละด้าน )แล้วเร่งเครื่องออกตัวแรง ๆ ต้องไม่มีเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ของเพลาหรือลูกหมากนะครับ
ตลอกเวลาที่ขับที่หน้าปัดต้องไม่มีสัญญานอะไรกระพริบขึ้นมาและเกร์ความร้อนต้องนิ่งประมาณกลาง ๆ โดยไม่เลื่อนขึ้นลงจึงจะถือว่าเยี่ยม เมื่อออกจากปั๊มมาก็จะมองหาหมู่บ้านจัดสรรน่ะครับเจอปุ๊บก็เลี้ยวเข้าไปเลยหาช่องที่มีเนินปูนต์กันรถวิ่งเร็ว ๆ นั้นแหละครับ มองหน้าคนที่ขึ้นรถมากะเราด้วยแล้วอัดไม่ต้องเกรงใจมานนนเลยครับ อิอิ ประมาณ60ลุยยยยยย ทดสอบช่วงล่างซัก2-3จุดเพื่อทดสอบช่วงล่างจะต้องไม่มีเสียงดังของเหล็กกระทบกันให้ได้ยินแต่ถ้าเป็นเสียงทึบ ๆ ของโช้คหรือสปริงก็ปกติ จากนั้นก็เอารถไปคืนแล้วลงจากรถมาดูสภาพของยางว่าจะยังสามารถใช้งานต่อไปได้มากน้อยเพียงใด ( เพื่อเป็นข้อมูลต่อราคา งกเนอะ55555++++ )ถ้ายางมีกลิ่นเหม็นไหม้หนือสึกแบบดำอย่างเห็นได้ชัดและกดดูที่ดอกแข็งๆ ( ทั้งที่ยังร้อนอยู่ ) แสดงว่าหมดสภาพเพราะถึงแม้จะไปเซาะร่องยางมาการวิ่งดังกล่าวจะแสดงผลทันที เสร็จเอาข้อมูลที่เก็บไว้ว่ามีจุดไหนชำรุดเอาไปต่อรองราคากันครับ

การต่อรองการวางเงินจองให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่น 2-5 พัน ( ไม่ควรเกิน 1หมื่นบาท ) ยิ่งมีการเรียกเงินมัดจำสูงเท่าไหร่ยิ่งเป็นการส่อแววความไม่ซื่อสัตย์มากเท่านั้นนะครับ
ต้องตกลงกันก่อนว่าขอถ่ายภาพรถคันที่จะวางเงินมัดจำถ้าไม่ยินยอมก็ยกเลิกเลยครับ
ทำการถ่ายรูปรถคันนั้นด้วยกล้องธรรมดา ( ที่ใช้ฟิล์ม ) ทุกซอกทุกมุมให้ละเอียดและทำการล้างอัดทันที ( ไม่เกิน 1 วันหลังจากถ่าย ) พร้อมเก็บหลักฐานการล้างอัดรูปไว้ด้วยเพื่อเป็นการป้องกันการเปลี่ยนถ่ายอะไหล่ออกจากตัวรถและเป็นหลักฐานว่าจะมีการซ่อมหรือแก้ไขตามข้อตกลง ( อาจจะมีการใช้นิ้วหรือมือชี้ระหว่างถ่ายรูปในจุดที่ตกลงกันว่าจะแก้ไขให้เรียบร้อย )
อ้อ!อย่าลืมตกลงระบุลงในใบจองให้เรียบร้อยว่าค่าใช้จ่ายบางส่วนเช่นค่าโอน ใครจะเป็นคนจ่ายด้วยนะครับ ทางที่ดีวันที่ทำสัญญาซื้อ-ขายหรือเช่าซื้อและวันรับรถให้เป็นวันเดียวกันและให้เร็วที่สุดนับจากวันจองวันต่อวันยิ่งดีครับ

โดยส่วนตัวแล้วถ้าไม่ยึดติดกับค่านิยมป้ายแดงและยี่ห้อ และถ้าอยากได้รถดี ๆ ใช้งานในสภาพดี ราคาคุ้มค่าน่าลงทุน ซึ่งความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปของแต่ละคนคงไม่เหมือนกันเพราะบางท่านก็อาจจะมองว่าการได้ยี่ห้อยอดนิยมมานั้นคือความคุ้มค่าแล้ว ส่วนมุมมองของผมคือการใช้งานจริงๆอย่างสบายใจไร้ปัญหากับการลงทุนที่ต่ำกว่าโดยตัดเรื่องค่านิยมของยี่ห้อและรถป้ายแดงออกไปครับ

อีกอย่างเปิดฝากระโปรงท้ายขึ้นมาก็ดู ( สังเกตุรอยของจุดเม็ดรอยอาร์คด้วยนะครับว่าเรียบร้อบมั้ย ยับยู่ยี่ มากมั้ยสังเกตุเปรียบเทียบทั้งสองข้างนะครับ ) แล้วก็เปิดผ้า พรม หรือไม้ที่ปิดไว้ ออกก็จะเห็นยางอะไหล่เอายางอะไหล่ออกมาเลยครับลองมองดูรายละเอียดต่าง ๆ ดูรอยเม็ดรอยอาร์คด้วยนะครับ มันจะต้องเรียงกันสวย ฯลฯ

จริง ๆ คงอธิบายยาวกว่านี้เยอะครับ แต่ที่ว่ามาก็เป็นการดูรถมือสองเบื้องต้นเท่านั้นนะครับ แต่ที่ว่ามาก็เป็นจุดสำคัญต่าง ๆ ที่เราต้องรู้ครับ

http://pantip.com/topic/30089618/comment12

วันที่: 16 Apr 13 - 13:41

 ความคิดเห็นที่: 6 / 11 : 775283
โดย: ทวีรัฐ
ถ้าผมเป็นเจ้าของกระทู้
ผมจะดูที่นี่....


มีข้อมูลตั้งเยอะ
http://www.mazdaclub.net/main.php?mod=article&fn=read&story=033-626TTL2ndHand
วันที่: 16 Apr 13 - 14:52

 ความคิดเห็นที่: 7 / 11 : 775538
โดย: กุ้ง01
ลองดูวิธีคิดของผมนะครับ อาจไม่ตรงใจนักแต่...เอาน่า
ตอนนี้แว่วๆว่า วีออสตัวก่อนนี้เหลืออยู่พอควร ราคาป้ายแดงลดเกือบเเสน
สมมุติราคารถ 400000 หลังลด (ปะมาน)
ดาวน์ 60000
ดอก 2.9ปูเซง ต่อปี
ผ่อนปะมาน 7900 สี่ปี
ซื้อมาขับ เติมของเหลวอย่างเดียว ไม่ต้องกังวลไร อะไหล่ก้อเกลื่อนกล่น
จบ5ปี น่าจะขายได้ สัก 200000
มันน่าคิดอยู่นาครับ

ปอลอ ถ้าเรื่องสมรรถนะมันพอตัวมันแหละ
วันที่: 18 Apr 13 - 11:02

 ความคิดเห็นที่: 8 / 11 : 775617
โดย: Fujiwara Takumi
เอาลิ้งค์มาแชร์ ยกตัวอย่างมาให้ดู
ป้ายแดงสมัยนี้ยังไงก็ระวังด้วยน่ะครับ เดี๋ยวนี้สายการผลิตบางทียังสู้รถมือสองสภาพดี ๆ ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ รู้สึกหลายเคสแล้วน่ะ ดู ๆ เอา มือหนึ่งใช่ว่าจะดีเสมอและคุ้มเสมอไป อาจเครียดกว่าเก่า บางทีเราดูรถให้เป็นบ้างก็จะดีกว่าน่ะ ฮี่ๆๆๆๆๆๆ

http://pantip.com/topic/30343248
วันที่: 18 Apr 13 - 18:06

 ความคิดเห็นที่: 9 / 11 : 775619
โดย: Fujiwara Takumi
เสริม
ผมมีมุมมองข้อคิดอีกอย่างครับ

สมมุติ โอ้ ไม่ได้สมมติ สิ ผมซื้อ PROTEGE ราคารถ 220,000

ผ่อนปะมาน 5,181 สี่ปี
ดูสภาพรถเป็น ซื้อมาขับ เติมของเหลวอย่างเดียว ไม่ต้องกังวลไร อะไหล่มีเพราะรู้แหล่ง และช่าง
ใช้มา5ปี น่าจะขายได้ สัก 150,000 มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่น่ะ อาจจะคุ้มกว่าด้วยซ้ำ
มันก็น่าคิดอยู่น่ะครับ ( แต่คงไม่ขายแน่นอน )
เรื่องสมรรถนะมันก็พอตัวซะด้วยสิครับ
ต่อให้แม่ผมเอา city 2011 มาแลกก็ไม่ยอม ขับแล้ว เฮ้ออออออ ห่างไกลกันพอควรที่เดียว
วันที่: 18 Apr 13 - 18:32

 ความคิดเห็นที่: 10 / 11 : 775835
โดย: ตั้ม ดนตรี
อย่าไปกลัวครับ เรื่องหาอะไหล่ไม่ได้ ผมใช้แลนติสเครื่อง kl ยิ่งเสี่ยงกว่าซะอีก แต่ผมก็หาอะไหล่ได้เรื่อยๆ ทั้งส่งอะไหล่บางส่วนไปซ่อม ทั้งอะไหล่มือสอง ทั้งอะไหล่เิบิกห้างสั่งต่างประเทศ อะไหล่บางตัวมันก็เป็น OEM ใช้กับยี่ห้ออื่นได้ เพียงแต่ ต้องไปหาถึงแหล่ง และที่สำคัญที่สุดคือ เงินครับ ได้อะไหล่ทุกชิ้นแน่นอน...
วันที่: 19 Apr 13 - 16:10

 ความคิดเห็นที่: 11 / 11 : 775900
โดย: aek sarawuth
ผมว่าสีฟ้าครับ เครื่องยนต์น่าจะเป็นหัวฉีด
วันที่: 19 Apr 13 - 23:05