Close this window

ช่วยด้วยครับ โครโนส 626 4 สูบปี 93 ออโต้ เครื่องสตาร์ทไม่ติดครับ
อาการนะครับ
1. เช้าสตาร์ทไม่ไติด เงียบเลยไม่มีเสียงอะไร ลองขยับเกียร์ดู สตาร์ทเสียงไดร์สตาร์ททำงานแต่ไม่ติดจนแบตฯหมด
2.หาแบตมาพ่วง สตาร์ทใหม่ไม่ติด ทิ้งไว้พักลองสตาร์ทใหม่ที่นี้ติดครับ รีบไปร้านไดร์เลยให้ร้านเชคไดร์ แบตฯ ช่างบอกดีอยู่ แต่เปลี่ยนรีเลย์ไดร์สตาร์ทไปตัว 450 บาท โอเคเปลี่ยนขับกลับปกติ สตาร์ทปกติ (แบตฯ เกือบ 2 ปีครับ)
3.เช้าสตาร์ทเงียบฉี่ อีกลองถอดขั้วแบตตามคำแนะนำในเวบ สตาร์ทใหม่มาแล้วไดร์สตาร์ททำงานแต่ไม่ติดเหมือนเดิม สรุปเปลี่ยนรีเลย์ฟรีไป อาการเหมือนเดิม
4.อยากถามว่าทำไมเวลาสตาร์ทบางครั้งไดร์ไม่ทำงานบางครั้งไดร์ก็ทำงานเพราะอะไรครับ เคยเป็นมาก่อนที่จะสตาร์ทไม่ติดครับแต่ลองขยับเกียร์ดูสตาร์ทใหม่ก็ติดครับ
5.ถ้าซ่อมต้องเปลี่ยนอะไรบ้างครับจะได้เอาไปปรึกษาช่างซ่อมดูครับ
โดย: one_cronos   วันที่: 26 Feb 2013 - 13:20


 ความคิดเห็นที่: 1 / 18 : 767002
โดย: ทวีรัฐ
ดูเหมือนจะมี 2 อาการมาพร้อมกัน คือ บิดกุญแจแล้วไดสตาร์ทไม่ทำงาน
กับ ไดสตาร์ท ทำงานแต่เครื่องติดยาก

ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยครับว่าอาการตอนได ทำงานเนี่ย มันหมุนจี๋เหมือนปกติ เมื่อก่อนหรือหมุนเอื่อยๆ
วันที่: 26 Feb 13 - 13:24

 ความคิดเห็นที่: 2 / 18 : 767010
โดย: one_cronos
ไดร์ทำงานปกติครับ...หมุนจี๋เลยครับ
วันที่: 26 Feb 13 - 13:48

 ความคิดเห็นที่: 3 / 18 : 767011
โดย: one_cronos
เมื่อวานผมลองถอดสวิทธ์ต่างๆที่เห็นในห้องเครื่องเสียบใหม่หมดแล้วครับ....ปรากฎว่าเงียบเหมือนเดิมผมแปลกใจตรงที่บางที่มันเงียบฉี่เลยนี่ละครับ....แต่พอขยับเกียร์มันก็ติดอาการนี้เป็นก่อนที่จะสตาร์ทไม่ติดนะครับ เป็นมาสัก1-2เดือนได้ครับ นานเป็นที่ครับ
วันที่: 26 Feb 13 - 13:58

 ความคิดเห็นที่: 4 / 18 : 767012
โดย: ทวีรัฐ
งั้นเอาปัญหา สตาร์ทติดยากก่อนนะครับ

ไล่เช็คตอนที่สตาร์ทยากก่อนตามพื้นฐาน ไฟมาไหม น้ำมันมาไหม หัวเทียนถอดมาดูสภาพเป็นอย่างไร ใช่มานานแค่ไหนก่อนครับ
ถ้าทั้งน้ำมันก็มี ไฟก็มา หัวเทียนก็ใหม่ ก็ไล่ลงลึกไปอีกที ถ้าไฟแก่หรืออ่อนไปก็อาจทำให้ติดยากนิดนึง น้ำมันที่มา มากไปหรือน้อยไป อันนี้คงต้องพึ่งช่าง

ส่วนสตารืท บิดแล้วเงียบ ก็น่าจะเป็นที่ คอนแทค ตำแหน่งเกียร์สกปรก P กับ N ครั้งต่อไปก่อนสตาร์ท ลองโยกไปมา สลับกัน หลายครั้งก่อน สตาร์ท อาจช่วยได้ชั่วคราว แต่ถ้าแก้ต้องไปล้างหน้าคอนแทค ที่ตำแหน่งดังกล่าว และอาจเป็นที่สวิทช์กุญแจ ตรงคอพวกมลัยก็ได้

มีหลายความเป็นไปได้ค่อยๆไล่เอา กระทู้เก่าๆ อธิบายไปแล้วยาวและมีการถามก่อนบ่อย ลองค้นหาดูครับ
วันที่: 26 Feb 13 - 14:01

 ความคิดเห็นที่: 5 / 18 : 767021
โดย: one_cronos
ขอบคุณท่านทวีรัฐมากครับ...ตอนนี้ให้ช่างเอาไปเชคตามที่ท่านบอกแล้วครับได้ผลอย่างไรจะมารายงานให้ทราบครับ ผมก็หาข้อมูลในเวบท่านนี่ละครับมีประโยชน์มากๆ ครับ ปล.อยากไปกิจกรรมด้วยครับแต่สงสัยต้องทำรถให้ดีก่อนนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
วันที่: 26 Feb 13 - 14:27

 ความคิดเห็นที่: 6 / 18 : 767077
โดย: pop_sirigool เจียงฮาย
ลุ้นครับ หายไวๆๆละกัน
วันที่: 26 Feb 13 - 19:34

 ความคิดเห็นที่: 7 / 18 : 767096
โดย: srithanon
อาการที่ว่านี้น่าจะมาจากสาเหตุที่ตัวสวิชท์เกียร์ ที่ติดตั้งตรงต้านบนของเสื้อเกียร์ ตรงสายสลิงของคันโยกเกียร์ยึดติดกับก้านเดือยเหล็ก เมื่อโยกคันเกียร์ไปต่ำแหน่ง P หรือ N จะทำให้สวิชท์ตัวนี้ต่อไฟให้แม็คเนติครีเรย์มอเตอร์สตาร์ททำงาน
เมื่อใดก็ตามที่คันโยกเกียร์ที่มีสายสลิงดันก้านสวิชท์เกียร์ไม่ตรวตำแหน่ง หรือเกิดการคลาดเคลื่อน ไม่ตรงตำแหน่ง ทำให้การต่อไฟไปจ่ายให้กับแม็คเนติครีเรย์ไม่มี จึงสตาร์ทไม่ติด หรือบางครั้งลองขยับคันโยกเกียร์ไปมา อาจจะสัมผัสและสตาร์ทเครื่องได้

หากเป็นกรณีนี้ ให้ทำการหมุนน๊อตยึดก้านหมุนสวิชเกียร์ แล้วตั้งให้ตรง กล่าวคือให้ดันคันโยกเกียร์ไปต่ำแหน่งตัว P แล้วค่อยหมุนขยัยเดือยเหล็กหมุนสวิชท์เกียร์ ให้ตรง โดยขยับทีละนิด แล้วลองสตาร์ทเครื่อง หากขยับด้วยมือแล้วตรงต่ำแหน่งพอดี ก็จะสตาร์ทเครื่องได้ คือมีเสียงมอเตอร์สตาร์ททำงาน แล้วขันน๊อตยึดแกนเดือนหมุนสวิชท์เกียร์ให้แน่น

หลังจากนั้นให้ลองเลื่อนคันโยกเกียร์ มาต่ำแหน่งตัว N แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ ว่ามีเสียงมอเตอร์สตาร์ททำงานแบบตำแหน่ง P หรือไม่ หากทำงานได้เหมือนกันก็โอเ้ค สำหรับอาการที่ท่านเจ้าของกระทู้ถามมาน่าจะตรงประเด็นนะครับ ลองปรับดูครับ......srithanon
วันที่: 26 Feb 13 - 20:56

 ความคิดเห็นที่: 8 / 18 : 767112
โดย: ทวีรัฐ
นี่รายละเอียดยิบ ของแท้ ครับ
วันที่: 26 Feb 13 - 22:08

 ความคิดเห็นที่: 9 / 18 : 767188
โดย: one_cronos
ขอบคุณท่านsrithanon มากครับตรงประเด็นมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับความเห็นครับ
วันที่: 27 Feb 13 - 08:58

 ความคิดเห็นที่: 10 / 18 : 767425
โดย: one_cronos
ขอความช่วยเหลืออีกหน่อยนะครับ.....อยากทราบวิธีถอดซ่อมสวิทเกียร์หน่อยครับ (ตาม คห.7) กะจะทำเองครับ ขอบคุณครับ
วันที่: 28 Feb 13 - 09:45

 ความคิดเห็นที่: 11 / 18 : 767457
โดย: srithanon
ผมไม่ทราบว่าตรงบ๊อคเกียร์เครื่องรุ่นี้อยู่ด้านใต้กรองอากาศหรือไม่ เอาอย่างนี้ครับ ให้ตรวจดูสายสลิงจากคันเกียร์ที่ปลายสยจะไปต่อที่ก้านคันโยกสวิชท์เกียร์ หากพบจะเห็นว่าตรงก้านเแผ่นเหล็กที่ที่ยึดกับดุมของหัวสายสลิง ตรงปลายก้านเหล็กนี้จะมีช่องรูสวมกับแกนเหล็กที่ต่อออกมาจากเสื้อเกียร์ โดยที่หัวแกนแท่งเหล็กที่มีแผ่านโยกสวิชท์สวม และมีน็อตตัวใหญ็ มีแหวนสปริงรอง ถูกขันยึดแน่นมาก เพื่อไม่ให้แผ่นก้ายโยกสวิชท์เกียร์ ขยับได้

ดังนี้นเราต้องมีประแจบ๊อคที่มีด้ามหมุน น่าจะเป็นเบอร์ 22 ประมาณนี้ เวลาจะขันออกควรหาประแจเลื่อนจับแผ่นเหล็กคันโยกสวิชท์ อย่าให้ขยับเวลาขันน๊อตยึดออก ต้องระวังหน่อย เมื่อขยับน๊อตออกพอขยับแผ่นเหล็กโยกสวิชท์ได้ก็พอ

จากนั้นให้ดันคันเกียร์ไปที่ตำแหน่งตัว P cแล้วมาปรับหมันแผ่นโยกสวิชท์ไปทางทวนเข็มก่อน พอได้ยินเสียงหน้าคอนแท็คต่อกันดังค่อยๆ จากนั้นลองสตาร์ทเครื่อง สมมุติว่าสตาร์ทติดก็ให้ขันน๊อตตัวใหญ่พอแน่นนิดๆ เพื่อล๊อคแผ่นก้านโยกสวิชท์ แล้วโยกคันเกียร์มาที่ตำแหน่งตัว N แล้วลองสตาร์ทเครื่องดูอีกครัง หากตั้งตรงในตอนแรกก็จะสตาร์ทได้(ไม่จำเป็นต่องให้เครื่องยนต์ติด)

หากสมมุติว่าปรับในตอนแรกทางทวนเข็มนาฬิก่แล้วยังสตาร์ไม่ได้ ให้ลองขยับไปทางตามเข็มนาฬิกาอีกนิหน่อย แล้วลองสตาร์ทเครื่อง อาจจะสตาร์ทได้ เมื่อสตาร์ทเครื่องได้ก็ให้ทำการขันน๊อตตัวใหญ่ล๊อคแผ่นคันโยกสวิชท์ให้แน่นดังเดิมก็ใช้งานได้ตามปกติ

สำหรับในตำแหน่งตัว P และN มันเป็นตำแหน่งของเกียร์ว่าง ที่สวิชเกียร์ต่อไฟจากสวิชท์ ON ผ่านไปที่ตัวแม็กเนติคของมอเติร์สตาร์ท ถึงจะสตนเกียร์อยู่ต่ำแหน่งอื่นจะไม่มีไฟไปจ่ายให้กับตัวแม็กเนติค
มันก็จะสตาร์ทไม่ เป็นการป้องกันการสตาร์ทที่เข้าเกียร์ไว้ อาจเกิดอันตรายหากผู้ขับเผลอ เวลาสตารทรถจะพุ่งชนคันอื่นที่ต่อจากรถนั้น เห็นด้วยที่ทำเองจะได้ไม่ต้องพึ่งช่างทุกอย่าง สิ่งไหนทำได้ก้จัดไป ช่วยประหยัดเงินด้วย......srithanon
วันที่: 28 Feb 13 - 12:04

 ความคิดเห็นที่: 12 / 18 : 767474
โดย: srithanon
ขออภัยด้วยที่ขั้นตอนข้างบนผิดไปนะครับ เอาตามกระนี้ก็แล้วกัน

เมื่อตรวจพปลายสายของคันโยกเกียร์ ที่ไปต่อเข้ากับตัวสวิชเกียร์ ตรงที่มีแผ่นก้านคันโยกสวิชท์เกียร์ เราจะสังเกตุเห็นตัวเรือนสวิชท์เกียร์ ที่มีหัวคอนเน็คเตอร์ตัวเสียบของสายไฟไปเข้าที่ตัวเรือนสวิชท์เกียร์ ให้เราขันน๊อตประมาณเบอร์สิบที่ยึดตัวเรือนสวิชท์เกียร์ออก มีสองตัว ให้หลวมๆพอขยับตัวเรือนสวิชท์เกียร์ไปซ้ายขวาได้(ไม่มาก) ขั้นตอนต่ออไปก็คือโยกคันเกียร์ไปตำแหร่ง P แล้วปรับที่ตัวเรือนสวิชเกียร์โยกหมันไปทางทวนเข็มนาฬิกาก่อน นิดหน่อย จนได้ยินเสียงหน้าคอนแท็คดังกริ๊ก ให้หยุดปรับ

จากนั้นให้ขันน๊อตสองตัวเข้าที่พอแน่นนิดหน่อย แล้วให้ลองสตาร์ทเครื่อง หากสตาร์ทได้ ให้ลองโยกคันเกียร์ไปตำแหน๋งตัว N แล้วลองสตาร์ทเครื่อง หากสตาร์ทได้ก็ให้ขันน๊อตทั้งสองที่ตัวเรือนสวิชท์ให้แน่นตามเดิมก็เป็นการเสร็จสิ้นการปรับ

แล้วลองมาขยับเคันโยกเกียร์ไปมาระหว่างตัว D กับ ตัว์N ตัว R ตัว P กลับไปกลับมาอีกครั้ง แล้งโยกไปไว้ืั้ตัว P แล้วลองสตาร์ทอีกครั้ง หากปรับถูกต้องแล้วก็จะสตาร์ทได้ทันที่

สำหรับที่ตัวสวิชท์ของเกียร์นี้ นอกจากจะทำหน้าที่ต่อสะพานไฟไปจ่ายให้กับตัวแม้กเนติคของมอเตอร์สตาร์ททำงานในตำแหน่งตัว P และ N แล้ว มันยังทำหน้าที่ส่งสัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ STA ไปให้กล่อง ECU ในการสตาร์ทเครื่อง นอกจากนั้นมันยังส่งสัญญาณไฟ ของตำแหน่งเกียร์แต่ละเกียร์ ให้ ECU รับทราบว่ามีการใช้งานของเกียร์ในตำแหน่งไหน บางครั้งปัญหาที่เกียร์ไม่ทำงานในบางจังหวะของสเต็ปเกียร์ก็จะมีปัญหา เกียร์ไม่เปลี่ยนสเต็ปบ้าง ไม่ทำงานบ้าง เ้พราะว่าไม่สัญญาณไฟส่งไปให้กล่องECU รับทราบ ในการประมวลผลเพื่อปรับระดับของเกียร์

ก็ขอให้เอาวิธีการปรับในกระทู้นี้ไปใช้นะครับ ผมพลาดไป เพราะอยู่ที่ทำงาน ขอโทษด้วยครับ...sriithanon
วันที่: 28 Feb 13 - 13:26

 ความคิดเห็นที่: 13 / 18 : 767487
โดย: ทวีรัฐ
วันที่: 28 Feb 13 - 14:16

 ความคิดเห็นที่: 14 / 18 : 767488
โดย: one_cronos
ขอบคุณท่าน srithanon มากครับ.....ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว
วันที่: 28 Feb 13 - 14:17

 ความคิดเห็นที่: 15 / 18 : 767530
โดย: Fujiwara Takumi
ถามโง่ ๆ นิดนึงครับท่าน srithanon ถึงผมไม่ได้ใช้ AT แต่อยากรู้ครับ

ในกรณีที่เกียร์ไม่ส่งสัญญาณไป ECU ถ้าบางท่านเจอปัญหา ที่บางครั้งเกียร์เปลี่ยนบ้าง ไม่เปลี่ยนบ้าง ถ้าเกิดลักษณะนี้ มันต้องมาคู่กับสตาร์ทไม่ติดบ้าง ไม่ติดบ้างใช่มั้ยครับ อันจะเกี่ยวกับ ไม่ส่งสัญญาณ กรณีเดียวเท่านั้นใช่มั้ยครับ

พูดง่าย ๆ คือ เจ้าตัวสวิทย์เกียร์ตัวเดียวนี้ มีหน้าที่ต่อสะพานไฟไปจ่ายให้กับตัวแม็กเนติคของมอเตอร์สตาร์ทและ ส่งสัญญาณ STA ไปให้กล่อง ECU แล้วยังส่งสัญญาณไฟตำแหน่งเกียร์แต่ละเกียร์ ให้ ECU ในตัวเดียวกันนี้เลยใช่มั้ยครับ

ฉะนั้น นอกนั้นถ้ากรณีรถสตาร์ทติดตลอด แล้วเกียร์เปลี่ยนบ้าง ไม่เปลี่ยน ก็จะไม่เกี่ยวกับ กรณีตัวสวิทย์เกียร์ตัวนี้ใช่มั้ยครับ ให้ข้ามไปดูที่พวกน้ำมันเกียร์ เกียร์เจ๊ง ฯ อะไรไปเลยใช่มั้ยครับ

วันที่: 28 Feb 13 - 16:41

 ความคิดเห็นที่: 16 / 18 : 767580
โดย: srithanon
ครับ ตัวสวิชท์เกียร์ นอกจากจะทำงานเป็นตัวต่อระบบไฟไปให้แม็กเนติคส์ทำงานต่อสะพานไฟ ที่มีกระแสสูงผ่านเกือบ 25-30 Amp ไปให้ตัวมอเตอร์สตาร์ททำงาน กระแสไฟที่ผ่านสวิชท์เกียร์มันใช้แอมป์ไม่สูงเท่าไร จึงทำให้หน้าคอนแท็คของตัวสวิชท์เกียร์ไม่ไหม้ เพราะกินกระแสต่ำ

แต่สำหรับสัญญาณ STA เป็นสัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ ที่ป้อนใก้กับ ECU โดยมากจะมาจากตำแหน่ง สตาร์ท ของสวิชท์สตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งสายไฟเส้นนี้จะเป็นสายไฟเส้นเดียวกับสายไฟที่มาเข้าตัวสวิชท์เกียร์เช่นกัน เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ได้แล้ว ที่ตัวสวิชกุญแจจะเด้งกลับจากตำแหน่งสตาร์ท STA มาที่ตำแหน่ง ON ซึ่งตำแหน่งนี้จะไม่มีไฟจ่ายให้กับสวิชท์เกียร์และแม็กเนติครีเรย์

ที่เป็นดังนี้ก็เพื่อป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่มีคันเกียร์อยู่ในตำแหน่งตัว D หรือ R ซึ่งไม่ปลอดภัยทำให้เกิดอุบัติเหตุ เขาจึงออกแบบให้สตาร์ทเครื่องยนต์ได้ในตำแหน่งคันเกียร์อยู่ที่ P และ N เท่านั้น
สำหรับเกียร์ที่เป็นระบบแมนนวล เขาจะออกแบบให้มีการเหยียบครัชไว้ก่อนในการสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะการเหยียบครัช เป็นการต่อระบบไฟไปให้ตัวแม็กเนติคทำงานต่อสะพานไฟกระแสสูงให้ตัวมอเตอร์สตาร์ท


สำหรับรถที่เป็นเกียร์ Auto ECT ที่คอนโทรลด้วยระบบ ECU จะมีสัญญาณไฟจากการใช้ตำแหน่งของเกียร์ ไปป้อนให้ ECU ทราบถึงการใช้ระบบเกียร์ แล้วทาง ECU จะส่งสัญญาณไฟจ่ายให่กับตัวโซลินอย ในห้องเกียร์ ทำงานปิดเปิดให้ระบบน้ำมันผ่านเข้าไปในชุดคอนโทรลระบบการเปลี่ยนสเต็ปเกียร์
แต่เนื่องจากการทำงานการคอนโทรลระบบเกียร์ที่เป็นแบบ ECT จะต้องอาศัยการประมวลผล ของตัว
เซ็นเซอร์วัดความเร็วของเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ของอุณหภูมิน้ำ และเซ็นเซอร์ของตำแหน่งลิ้นเร่ง หรือ TPS sensor รวมทั้ง สวิชท์ ของ O/D เข้ามาประมวลผล แล้ว ECU จะส่งสัญญาณไฟจ่ายไปที่ตัวโซลินอยวาวล์ แต่ละตัวในห้องเกียร์ทำงานตามสัญญาณไฟที่ส่งไปเปลี่ยนสเต็ปเกียร ก็เป็นการทำงานร่วมกันหลายส่วน

สำหรับที่ตัว สวิชท์เกียร์ก็มีส่วนเป็นไปได้ ที่เมื่อใช้นานไปทำให้หน้าคอนแท็คที่สัมผัสกันมันเกิดสึกหรอ อาจจะทำให้มีจุดสัมผัสไม่สนิทหรือต่อบ้างไม่ต่อบ้าง ทำให้การส่งสัญญาณไปที่ ECUขาดหายไป ก็มีส่วนทำให้ระบบเกียร์ไม่ปกติ สำหรับสาเหตุที่เกิดขึ้นในระบบเกียร์มันมีหลายอย่างที่เป็นเหตุให้เกียร์ทำงานไม่ปกติ ดังนั้นการตรวจสอบการทำงานของระบบเกียร์ จะต้องตรวจสอบการวัดสัญญาณต่างๆที่เข้ามาคอนโทรล คล้ายกับที่ผมทำการวิเคราะห์ระบบของมัน เพื่อให้ระบบไฟและพัลส์ต่างๆทำงานถูกต้องเสียก่อน แล้วค่อยคิดบัญชีในตัวเสื้อเกียร์ ในระบบแม็คคานิคส์ ระบบกลไกต่างๆ เพื่อจะได้บ่งชี้จุดบกพร้่องของระบบเกียร์ครับ
ขอบคุณที่เข้ามาแจมพูดคุยกัน ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีๆและอบอุ่นในเพื่อนสมาชิกด้วยกัน ขอบคุณครับ.......srithanon
วันที่: 28 Feb 13 - 21:22

 ความคิดเห็นที่: 17 / 18 : 767608
โดย: Fujiwara Takumi
ท่าน srithanon ขอบคุณมากเลยครับ สำหรับความรู้
วันที่: 28 Feb 13 - 23:45

 ความคิดเห็นที่: 18 / 18 : 767665
โดย: one_cronos
วันที่: 01 Mar 13 - 09:44