ในกรณีที่รถสมบูรณ์อยู่ ถ้าท่านat โปเต้ช็อก จะใส่ ก็ไม่ได้มีผลเสียหายอะไร นอกจากเสียตังค์เพิ่ม ถ้าชอบและพึงพอใจก็ใช้ไปเถอะครับ รถของเรา ดีร้ายยังไงก็เราซื้อเราซ่อมเองครับ
ผมดูคลิป แล้ว แต่อาจเป็นเพราะ ไบแอส ในใจ เลยเหมือนจะพบสิ่งผิดปกติ เกี่ยวกับเข็มความร้อนน่ะครับ
รถ ขนาดมีน้ำแต่น้ำขาด เข็มยังตีเกินครึ่ง
แล้วนี่เขาบอกไม่มีน้ำเลย
มี2 กรณีครับ
1 ตำแหน่งที่temp sensor อยู่ ปลายทางน้ำออก มาที่หม้อน้ำ ในเมื่อหน้าที่มันคือจับความร้อนที่น้ำมาแปลงเป็นความต้านทาน เพื่อส่งไปแปลงค่าเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าที่ เข็มความร้อน พอไม่มีน้ำ มันก็จับไม่ได้สมบูรณ์ อุณภูมิ ต้องเพี้ยนแน่ครับ
2 รถวิ่งโดยไม่มีน้ำ ไม่มีพัดลม ยิ่งวิ่ง เข็มต้องยิ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ
แต่ตอนก่อนจบ แอบเห็น เข็มความร้อนตกลงมาในระดับปกติ มันเป็นไปได้ไง
อันนี้ เป็นคำถามที่ผมตั้งไว้ในใจนะครับ ไม่ต้องการคำตอบใดๆครับ
ที่น่าสนใจคือ เรื่องพวกนี้ ในวงการ motor sport เขาบอกต่อและรับรู้กันรวดเร็วครับ ย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน มีสารหล่อลื่น ยี่ห้อนึง ชื่อ สลิค ราคา สูงมาก ขนาดเท่ากระป๋องกาแฟ ราคา 1100 บาท(ในสมัยนั้น ถ้าเทียบ ค่าเงินปัจจุบันก็น่าจะ 2000 กว่าบาทแล้วมั๊ง)
ด้วยความสงสัย ผมก็ซื้อมาลองครับ
จากปกติ เวลากระทืบคันเร่ง แบบเครื่องเปล่า จอดกับที่ เมื่อยกคันเร่ง จากรอบเครื่อง 3000 รอบ ตกลงมาที่รอบเดินเบา ประมาณ 2 วินาที กว่าๆ เกือบ 3 วิ
แต่พอใช้แล้ว ที่รอบเท่ากัน กว่าจะลงมาที่รอบเดินเบา ใช้เวลามากกว่าอย่างเห็นชัดเจน ประมาณ 1-1.5 วิ ครับ
นั่นแปลว่ามันทำให้ลื่นขึ้นจริง ส่วน สารตัวนี้ เป็นอย่างไรครับ ช้ากว่ากันชัดเจน วัดเป็นตัวเลขได้ไหมครับ ถ้า ช้ากว่าแบบรู้สึกได้ชัดเจนระหว่างใส่กับไม่ใส่ น่าจะบอกได้ว่าลื่นขึ้น
ทีนี้ ของัดความรู้ วิศวกรรม ที่ร่ำเรียนมา วิเคราะห์จริงๆจังๆกันดู
วัตถุ สองสิ่ง ที่เสียดสีกันย่อมเกิดพลังงาน โดยเฉพาะถ้ามีFriction (ความฝืด) ยิ่งสูงยิ่งเกิดความร้อนสูง นั่นคือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว และหากเสียดสีกันต่อไปจะทำให้ความร้อนสูงมากเรื่อยๆจนถึงจุดที่วัสดุ หลอมละลาย ที่เราเห็นเป็นประกายไฟ เริ่มแรก และโลหะเริ่มแดงขึ้นๆ จนถึงจุดหลอมเหลว ก็จะเริ่มเสียรูป และหลอมละลายติดกัน ที่เราได้ยินว่าพอน้ำมันเครื่องขาด ทำให้ ชาร์ฟละลาย นั่นแหละ(แต่จริงๆ มันเป็น แบริ่ง ของ เพลาข้อเหวี่ยงที่หลอมละลายติดกับเพลาข้อเหวี่ยงครับ ไม่ใช่ตัวเนื้อเพลา)
เขาก็มีน้ำมันหล่อลื่น มาเพื่อลดความฝืด ระหว่างโลหะ 2 ชิ้น ซึ่งเมื่อลื่นขึ้น ความฝืดน้อยลง ความร้อนก็น้อยลง ความร้อนก็ไม่เกิดมาก โลหะ ก็ไม่ร้อน จนเหมือนข้างบน อันนี้ มีความเป็นไปได้
แต่ความร้อนในเครื่องยนต์ มากที่สุดมาจาก ห้องเผาไหม้ ซึ่ง ไม่มีทางที่จะไม่ให้เกิด เพราะมันต้องเผาเชื้อเพลิงเพื่อให้เกิดกานขยายตัวของอากาศอัดแน่น เพื่อดันลูกสูบให้เลื่อนลง โดยมีแหวน อยู่ ซึ่งแหวนอัด จะกันไม่ให้กำลังอัด ไหลรั่วลงสู่ห้องเพลาข้อเหวี่ยง ข้างล่างได้ และแหวนตัวล่างสุดคือแหวนกวาดน้ำมัน ช่วยกวาดน้ำมันเครื่องที่สาดเข้ามาหล่อลื่นผนังเสื้อสูบในจังหวะลูกสูบขึ้นไปอัดข้างบน เพื่อไม่ให้เล็ดลอดเข้าห้องเผาไหม
ทีนี้ หากสารตัวนี้ ใช้นานเท่าคนทำคลิป บอกคือ 1 ปี อาจเป็นไปได้ที่สารเคลือบ คุณสมบัติพิเศษอะไรนั่นจะเคลือบเป็นฟิล์มบางๆระหว่างโลหะแต่ละชิ้น คือเติมเข้าไปแทนช่องว่างที่สึกหรอ ก็อาจเป็นได้ที่มันลื่น มากกว่าปกติ ทำให้ความร้อน ที่เกิดจากการเคลื่อนที่ไม่มี(มากนัก)
แต่ความร้อนจากการจุดระเบิด ก็ย่อมมีวันยังค่ำครับ และความร้อนส่วนนั้นคือ การเอาน้ำ มาพาออกไป อย่างเดียว
หากคุณสมบัติเรื่องความลื่นปรื๊ด ช่วยให้รถวิ่งประหยัดขึ้น เครื่องเดินเรียบ ดีขึ้น อันนี้ ใช่เลยครับมีผลโดยตรงแน่นอน
แต่เรื่องความร้อน จากการเผาไหม้ มันคนละส่วนกันนะครับ
กรณี หลักการรถโฟลค์เต่าอย่างป๋ายุทธกล่าว นั่นคือเครื่องที่ออกแบบมาให้ระบายความร้อนด้วยอากาศ ตั้งแต่เริ่ม ซึ่งก็เกิดที่เยอรมัน อากาศเย็น กว่าเมืองไทยเป็นไหนๆ ลองติดแอร์เข้าไป เห็นบ่นกันทุกราย(รถสมัยเกือบ 40 -50 ปีก่อน ไมามีแอร์นะครับ มีพัดลมหมุนติดรถมาให้ โหลดเครื่องก็ไม่เยอะเท่าระบบทำความเย็นในปัจจุบัน
ท่านat โปเต้ช็อก ลองสังเกตุดูเข็มความร้อนก็ได้ครับ ว่าก่อนใช้กับหลังใช้ เข็มความร้อน ต้องต่ำกว่าก่อนใช้เป็นอย่างมาก หากเป็นไปตามที่ คลิป บอก
หรือวิธีทดสอบ ก็ง่ายมาก แต่ถ้าพลาดแล้วไม่คุ้ม
ลองถอดพัดปลั๊กพัดลมออก แล้วขับดูสิครับ ในสภาพน้ำมันเครื่องธรรมดา พอรถติดความร้อนขึ้น H แน่ๆ ต่อให้วิ่งไป ก็ไม่ลงเร็วนัก เราจำลองแบบเดียวกับคลิป แต่ไม่ต้องเอาน้ำออกให้แห้งอย่างเขา
แต่เสี่ยง หม้อน้ำจะ รั่วจริงๆเอาน่ะครับ หรือปริแตก หากฝาหม้อน้ำไม่ใช่สเป็กโรงงาน และหากไม่ดีจริงเครื่องฮีทขึ้นมาจริงๆละแย่เลย
อันนี้ผมลองวิเคราะหฺเอามันส์ นะครับ
อย่าลองเลยเดี๋ยวพลาดแล้วไม่คุ้มครับ เพราะยังไม่เคลียร์เรื่องที่คุณบอกว่าเขารับประกัน หรือ ยินดี ชดใช้ เพราะในคลิป ไม่มีบอก