Close this window

ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีครับ
สวัสดีครับ
หลังจากได้รถ (ตาตี่) มา 5-6 เดือน ตอนได้รถมาชีวิตก็ดราม่าซะงั้น ทำไรไม่ได้ ปล่อยให้มันผ่านเอง
เห้อ เรื่องรัก พักเสียบ้าง
เข้าเรื่องรถดีกว่าครับ คือเจ้าตาตี่ของผมเริ่มออกอาการหนักเข้าทุกวันแล้วครับ เอาเป็นข้อ ๆ ละกันนะครับ
1. คือรถตาตี่ของผม เครื่อง BP 1800 เกียร์ออโต้ครับ ห้องเครื่องดูรถไปหน่อย แต่สถาพเครื่องไม่ถึงกับเน่า(มั้ง)ครับ วันแรกที่ซื้อ ขับกลับมาจากระยอง เหยียบมิดคันเร่งเลย หมดที่ 140 น้อยไปนะ ตอนนั้นยังไม่ได้สนใจไรมาก ปกติขับใน กทม แทบจะไม่ได้เหยียบอยู่แล้ว แต่พอถึงวันนี้กังวลมากขึ้นครับ เพราะค่อนข้างจะกินแก็ส LPG จูนมา 3-4 ที่ ก็ได้โละ 2 บาทนิด ๆ ขับในเมืองนะครับ ได้ยินมาว่าการจ่าย(ฉีด) แก็ส จะอ้างอิงตามการจ่ายนํ้ามัน เป็นไปได้ไหมครับว่า ECU ผมจะตั้งหัวฉีดฉีดนํ้ามันหนาไป รถวิ่งไม่ได้อืดมากนะครับ แต่อัตราเร่งดีไหม ผมไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าช้ากว่า Vios ของที่บ้านพอสมควรเวลาจะเร่งแซง แต่ประเด็นคือ มันหมดแค่ 140 km/h นี่สิครับ ถึงอายุรถ อายุเครื่องจะมากก็เหอะ เครื่องตั้ง 1800 เพื่อน ๆ พี่ ๆ หลาย ๆ คน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะไหลได้อีก(เยอะ) แต่ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง BP1800 มาก ผมลองหาข้อมูลดู กังวลขึ้นมาทันที เคยอ่านรีวิวว่าเจ้าเครื่องนี้ (เดิม ๆ )วิ่งได้ถึง 200 km/h เลย ผมก็เลยอยากเช็คเครื่องยนต์อ่ะครับ เห็นมีร้านรับเช็ค Code ECU ควรลองตรวจดูไหม แล้ว O2 เซนเซอร์นี้ เกี่ยวไหม ลองไปวัดกำลังอัดลูกสูบดีรึปล่าว จูนเครื่องไหมเลยดีไหม หรือจะเป็นที่เกียร์ ผมควรทำไงดีครับ

เอาข้อเดียวแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ ช่วยแนะนำทีนะครับ
โดย: Pize   วันที่: 11 Nov 2012 - 23:21


 ความคิดเห็นที่: 1 / 20 : 750703
โดย: srithanon
น่าเห็นใจครับ ก็อย่าวิตกเกินไปครับ ทุกอย่างมันแก้ไขกันได้ อู้หรือช่างที่เก่งๆยังมีให้บริการ เพียงแต่คุณยังไม่ได้สัมผัส ลองถามท่านเพื่อนสมาชิกในเว็ปนี้ ว่าที่อู่ไหนเข้าแล้วจัดจบ เพื่อนๆอาจจะแนะนำให้

ค่อยๆแก้ไขไปที่ละสเต็ป เรื่องระบบเครื่องยนต์ควรทำให้ระบบน้ำมันมีสภาพปกติเสียก่อน ทั้งอัตราเร่ง รอบเดินเบา ตรวจดูกำลังอัดของแต่ละกระบอกสูบ ว่ายังสมบูรณือยู่หรือไม่ ระบบไฟจุดระเบิด มีไฟสูงปกติหรือเปล่า ไม่รั่วลี๊คหรือเกิดค่าความต้านทานในสายหัวเทียนมากเกินไป ระบบน้ำมันมีแรงดันที่รางหัวฉีดถูกต้องหรือไม่ ที่หัวฉีดตีปตันหรือเปล่า

ระบบองศาการจุดระเบิดและวาวล์ตั้งถูกต้องหรือไม่ ระบบแอร์โฟว์และ O2 sensor ว่ามันทำงานสั่งจ่ายน้ำมันตามปริมาณอากาศที่ไหลเข้าไปในห้องไอดี ได้ถูกต้องกับอัตราส่วนผสมหรือไม่ แม้กระทั้งการทำงานของ O2 SENSOR

สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการตรวจเช็คใหม่ทั้งหมด หากตรวจสอบปรับแต่งให้ตามค่าที่กำหนด ของเครื่องยนต์ ที่ว่าความเร็วควรจะอยู่ที่เท่าใดสำหรับรถรุ่นนี้ มันไม่ควจจะตกต่ำกว่า 185 กม/ชม หรือ 200 น่าจะทำได้แน่นอน เมื่อระบบน้ำมันปกติทั้งรอบเดินเบาและอัตราเร่ง แล้วค่อยไปตรวจสอบเรื่องระบบแก็ส

จริงอยู่เรื่องระบบแก็สหัวฉีด สมัยนี้เป็นพวก OBD2 ที่สามารถเรียนแบบหรือเอาการทำงานของระบบหัวฉีดน้ำมัน มาใช้กับระบบแก็ส จะทำให้การใช้ระบบแก็สมีประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับระบบน้ำมันก็ตาม ก็ต้องดูว่าเครื่องยนต์รุ่นนั้นๆ ใช้ระบบ OBD2 หรือเปล่า
ก็ลองหาอู่ที่มีฝีมือและประสบการณ์สูง พร้อมด้วยเครื่องมือในการตรวจเช็ค ที่ใช้กับการตรวจสอบเครื่องยนต์ ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์สองกลอ ECU อย่าใช้การวิเคราะหืปัญหาเครื่องยนต์แบบรุ่นเก่าๆ มันจะไม่สามารถแก้ปัญหาที่ตรงประเด็นได้ครับ ทำให้หลงทางเสียเวลาและเงิน ไปกับการแก้ไขที่ไม่ถูก การแก้ไขเครื่องยนต์ หากช่างที่รู้จริงและทันต่อสภาพการวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี่ของเครื่องยนต์ ก็จะทำให้แก้ไขอุปสรรค์ปัญหาเครื่องยนต์ที่เกดิดขึ้นได้ง่าย และถูกต้อง ทำให้ท่านเจ้าของรถมีความสุขกับการใช้งานรถที่ตัวเองรักและชอบ

ก็ขอเอาใจให้ท่านเจ้าของกระทู้หาอู่ที่สามารถแก็ไขกับปัญหาทั้งปวงที่มีอยู่กลับไปเป็นปกตินะครับ ขอให้โชคดี ...srithanon
วันที่: 12 Nov 12 - 08:32

 ความคิดเห็นที่: 2 / 20 : 750721
โดย: โจ้_ชม@นิวซีดาน
กินน้ำมันมากขึ้นก็มีอุปกรณ์น่าสงสัย ที่สามารถจัดการได้เองเบื้องต้น ประมาณนี้ครับ
1 กรองอากาศ สกปรก
2 แอร์โฟล์ว เซนเซอร์ สกปรก หรือ ปลั๊กหลวม อันนี้ใช้สเปรย์ไล่ความชื้นจัดการได้ ห้ามใช้น้ำมันครอบจักรวาลเด็ดขาด
3 ปีกฝีเสื้อสกปรก ถอดล้าง พร้อมปรับจูนตามขั้นตอนครับ
4 ออกซิเจนเซนเซอร์ หรือ O2 เซนเซอร์ ที่รู้จักกัน อาจจะเสื่อม ซึ่งหาซื้อได้จากเซียงกง ราคาหลักร้อย หรืออาจสกปรก ใช้แปรงขัดภายนอก ฉีดล้างด้วยน้ำยาตามข้อ 2 เท่านั้น
5 เซนเซอร์อุณหภูมิน้ำ ตัวที่มีปลั๊กแบบสายไฟ 2 เส้น อาจจะเสื่อม อ่านค่าอุณภูมิผิดเพี้ยน สั่งให้กล่อง ECU จ่ายน้ำมันหนา หรือไม่ก็สายไฟขาด ปลั๊กหลวม หามือสองเปลี่ยนก็ได้ ของใหม่เทียบได้ ไม่กี่ตังค์ แต่โดยมาก ถ้ามันเสียบ จะเจออาการประมาณว่า สตาร์ทยากตอนร้อน ร่วมด้วย
6 ระบบเกียร์ออโต้มีปัญหา
7 คอมแอร์ หรือระบบแอร์

8 อื่น ๆ รอความเห็นเพิ่มเติมครับ
วันที่: 12 Nov 12 - 09:42

 ความคิดเห็นที่: 3 / 20 : 750722
โดย: โจ้_ชม@นิวซีดาน
ลืมไป ต้อง กินแก๊ส กะน้ำมันเพิ่มขึ้นดิ
วันที่: 12 Nov 12 - 09:43

 ความคิดเห็นที่: 4 / 20 : 750805
โดย: The_P๐๐M
ติดแก๊สแบบไหนครับเนี่ย
วันที่: 12 Nov 12 - 15:37

 ความคิดเห็นที่: 5 / 20 : 750896
โดย: Arhu
อาการคล้ายๆผมแลนติสเลยติดแก็สหัวฉีด แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ
ตอนนี้หาเงินซ่อมช่วงร่างอยู่ พี่เจ้าของกระทู้ซ่อมแลวดีขึ้น
กลับมาบอกกันบ้างนะครับ เผื่อได้โบนัสปีใหม่จะไปทำบ้าง(สงสัยผมจะดร่าม่ากว่านะ)
วันที่: 13 Nov 12 - 02:05

 ความคิดเห็นที่: 6 / 20 : 750932
โดย: kangputter
180 ก็เก่งแล้วคั
code ออกซิเจนเกิดขึนได้คับ เพราะการเผาไหม้ของแกสไม่เท่ากับนำมัน เป้นเรื่องปกติ
ลองใช้วิ่งนำมันมีการดีขึ้นหรือแย่ลง
ถ้าดีขึ้นก็ควรปรับจูนแกสใหม่เลย
แย่ลง ควรตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ พร้อมระบบส่งกำลังใหม่
วันที่: 13 Nov 12 - 10:35

 ความคิดเห็นที่: 7 / 20 : 750985
โดย: Pize
ผมคงต้องเข้าอู่ไปเช็คเครื่องยนต์ใช่ไหมครับ
การเช็คเครื่องยนต์ ถ้าเอาแบบละเอียดเลยนี่ ต้องใช้ค่าแรงแพงมากไหมครับ
ท่านใดเคยมีประสบการณ์มาบ้าง ไม่่ควรจะเกินเท่าไหร่
คือผมยังมือใหม่หน่ะครับ เรื่องต่อรองก็ไม่ค่อยทันช่าง

ในความคิดผมนะครับ คือ อยากรีเซ็ตเครื่องใหม่ จูนเครื่องใหม่เลยอีกรอบ gas ค่อยว่ากันทีหลังก็ได้
แต่ที่แน่ ๆ แท่นเครื่องก็อาการหนักแล้วครับ จอดไฟแดงต้องเปลี่ยนมาเกียร์ N ตลอด แต่ก็ยังสั่น อือ ๆๆ เหมือนหูอื้อ ถ้าใส่เกียร์ D เหยียบเบรกนี่ ไม่ต้องพูดถึง สะท้านไปทั้งคัน

กำลังสะสมงบอยู่ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำไรก่อน ถ้าทำเครื่องให้สมบูรณ์ดีได้ก่อนโดยราคาไม่แรงมาก ก็อยากทำเครื่องก่อนครับ แท่นเครื่องไว้ค่อยรอโบนัส
วันที่: 13 Nov 12 - 13:18

 ความคิดเห็นที่: 8 / 20 : 751016
โดย: The_P๐๐M
ก่อนอื่นต้องแยกให้ได้ว่า เป็นที่ติดแก๊สแล้วทำให้วิ่งไม่ออก หรือเป็นที่เครื่องไม่สมบูรณ์เลยวิ่งไม่ออกกันแน่ครับ

เอางี้นะครับ ลองสลับวิ่งโดยน้ำมันอย่างเดียวหรือยัง

ถ้าวิ่งน้ำมันแล้วไม่ต่างกับแก๊ส แปลว่าระบบเครื่องมีปัญหาครับ

แต่ถ้าวิ่งน้ำมันแล้วยังวิ่งดี แปลว่าระบบแก๊สมีปัญหา

ถ้าติดแก๊สแบบระบบดูด แล้ววิ่งไม่ออก น่าจะเป็นที่รูและขนาดของ Mixer ไม่พอดี และจะวิ่งไม่ออกทั้งน้ำมันและแก๊ส

ถ้าติดแบบหัวฉีด อันนี้ไล่ตั้งแต่ หม้อต้ม หัวฉีดแก๊ส กล่องแก๊สเลยครับ

พอเข้าใจไหมครับเนี่ย
วันที่: 13 Nov 12 - 15:04

 ความคิดเห็นที่: 9 / 20 : 751069
โดย: Pize
วิ่ง gas กับนํ้ามันแทบไม่ต่างกันเลยครับ
นํ้ามันก็หมดประมาณ 140 km/h gas ก็หมดประมาณ 140 km/h
ไม่น่าจะเป็นเพราะ gas ครับ

จริง ๆ แล้วผมก็อยากเช็คความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์หน่ะครับ
อยากจูนเครื่องใหม่เลยด้วยซํ้า ผมไม่ได้ต้องการซิ่งอะไรเลยนะครับ ใช้ขับไปทำงานทุกวัน
ปกติจะไม่ทำกันหรอครับ จูนเครื่อง หรือเช็คความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์เนี่ย
มันคาใจหน่ะครับ มันเปลืองไปนิด แล้วก็ความเร็วที่ควรจะทำได้มันยังห่างจากที่ควรจะเป็นค่อนข้างเยอะ
วันที่: 13 Nov 12 - 22:15

 ความคิดเห็นที่: 10 / 20 : 751078
โดย: ทวีรัฐ
อาการนี้เป็นมานานหรือเพิ่งเป็นละครับ
ถ้าเป็นหลังจากไปทำอะไรหรือติดตั้งอะไร จะได้ไล่ย้อนกลับได้ แต่ถ้าอยู่ๆก็เป็น มันสาเหตุคนละกรณี

การที่เพื่อนสมาชิกบอกให้วิ่งน้ำมันดูความสมบูรณ์ วัตถุประสงค์ก็เพื่อจะได้รู้สาเหตุ เพื่อจะได้กลับไป แก้ไข แล้วจูนเครื่องใหม่ นั่นแหละครับ

เพียงแต่ว่าแค่การจูน อาจไม่ช่วยอะไรถ้าไม่เจอต้นเหตุ
เช่น สายพานไทม์มิ่งกระโดดผิดไป 1 ร่อง , สายคันเร่งอาจฝืดค้าง , ตัวเซนเซ่อร์ต่างๆที่มีผลต่อการจ่ายน้ำมัน ปรับไฟตามรอบเครื่อง เป็นต้นครับ

อู่แก๊สที่ดี เขาจะให้เราไปทำเครื่องระบบ น้ำมันให้สมบูรณ์ก่อน ติดตั้ง ระบบแก๊ส ครับ เพื่อป้องกันปัญหาคล้ายกัน
วันที่: 13 Nov 12 - 22:44

 ความคิดเห็นที่: 11 / 20 : 751100
โดย: The_P๐๐M
อยากไปช่วยดูช่วยวิเคราะห์จังเลย

แต่ต้องเห็น ต้องฟังเสียงสักหน่อย

ผมไม่ได้เก่ง แต่เจอปัญหามาเรื่อยๆ ก็เก็บสะสมความรู้ไปเรื่อยๆ ถ่ายทอดวิชาจากพี่ๆในนี้มาหลายคน

พังตรงไหน ก็จดจำ แถมตอนซ่อมก็ถามช่างไปเรื่อยประดับความรู้ ถามทุกอย่าง พักหลังงบน้อย สุดท้าย ซ่อมเองซะส่วนใหญ่ เท่าที่พอจะซ่อมได้

ที่สำคัญ รถทั้ง 6 คันที่บ้าน มันพังมาแทบทุกจุดแล้ว

ชีวิตผมรถพังกลางทางปีละไม่ต่ำว่า 5 ครั้ง

อยู่ย่านไหนครับ ถ้าแถวบางแค พระราม2 ลองมาคุยกับผมดูมั้ย ปรึกษาฟรี
วันที่: 14 Nov 12 - 02:03

 ความคิดเห็นที่: 12 / 20 : 751106
โดย: Fujiwara Takumi
6 คันพังแทบทุกจุด
ที่บ้านผมผ่านมา 5 คันเกือบทั้งหมดเป็นกระบะมี มิตซูฯ ท้ายยาวเฉินหลง , มิตซูฯ L200 แอร์โร่ บอดี้ ไซโคลน , อีซูซุ ดราก้อนอาย 4 ประตู โตโยต้าไทเกอร์โฉมแรกก่อน D4D , ฮอนด้า ซิตี้ 2011 ไม่นับ อีซูซุ แวน TFR มังกรทอง 2.5 อีกคันที่กลายเป็นเศษเหล็กเพราะอัดกับ NV พับครึ่ง คู่กรณีเละ ส่วนผมรอด( อันนี้พ่อผมขับ ) ขายซากทั้งคันได้ 50,000 นอกนั้นยังไม่พังซ๊ากกกกกคัน แต่ส่วนมากกระบะล้วน ๆ แหะ ๆ ล่าสุด PROTEGE ยังปกติดี เลยไม่มีประสบการณืไรกับเค้าเลย ว่าแต่หม้อน้ำรถที่บ้านทุกคันไม่เคยใช้ คูลแลนท์สักคันหม้อน้ำก็ไม่เคยเสียเลยอ่ะครับ
วันที่: 14 Nov 12 - 05:46

 ความคิดเห็นที่: 13 / 20 : 751107
โดย: Fujiwara Takumi
เลยขออนุญาตเจ้าของกระทู้ขอถามหน่อยว่าจำเป็นจริง ๆ มั้ยที่ต้องใช้คูลแลนท์ เพราะรถที่บ้านใช้แต่น้ำเปล่ามาเกือบ 20 ปี หม้อน้ำไม่เคยเสียเลยแม้แต่คันเดียว และอาการปกติตลอดเลยติดมาใช้กับเจ้า PROTEGE ด้วย ( ตอนนี้ปกติดีอยู่ )พอดีอยากทราบครับ
วันที่: 14 Nov 12 - 05:54

 ความคิดเห็นที่: 14 / 20 : 751127
โดย: Pize
ขอตอบท่านทวีรัฐก่อนนะครับ
คือ รถผมเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รับรถมาหน่ะครับ ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไม่ได้เช็คให้ดี ๆ ตอนไปลองขับก็เหยียบถึงแค่ 100 เดียว ตอนนั้น gas ไม่สมบูรณ์ด้วย พี่เจ้าของเดิมบอกให้ไปจูน gas ใหม่ หลังจากจูน gas ใหม่ ในความรู้สึกผม ก็วิ่งดีทั้ง gas ทั้งนํ้ามันครับ gas อาจจะอืดกว่านิดหน่อย

ตอบท่าน The_PooM นะครับ
ผมอยู่แถว ๆ ลาดพร้าว 71 ครับผม บอกตามตรง ผมเกรงใจครับ แล้วก็ว่างเฉพาะ เสาร์ อาทิตย์ จากบ้านผมไปอู่ช่างแดงนวลจันทร์ ก็ไม่ไกลมาก อู่ช่างหมูก็เคยไปมาละครับ ช่างก็บอกให้ลองจูน gas ให้เนียน ๆ จำได้ว่าถามช่างว่าอยากล้างปีกผีเสื้อ ช่างบอกว่าล้างแล้วเครื่องอาจจะรวนไปเลย แต่ก็ยังไม่ได้คุยกับพี่หมูโดยตรง
ผมคุยกับช่างไม่ค่อยเป็น แต่ผมอยากทำเครื่องให้สมบูรณ์หน่ะครับ ต้องใช้งบเยอะไหม ใช้เวลาเท่าไหร่ อะไรประมาณนี่อ่ะครับ
วันที่: 14 Nov 12 - 08:58

 ความคิดเห็นที่: 15 / 20 : 751161
โดย: ทวีรัฐ
ท่าน Pize ครับ
ก็แต่ละคำถาม ที่ท่านต้องการคำตอบมันเป็นคำถามที่ช่างต้องตอบนี่ครับ
ใช้งบ เท่าไหร่ เขาก็ประมาณให้ได้
ใช้เวลาเท่าไหร่ ก็ต้องเขาอีก

แต่ละอู่ไม่เท่ากัน คงไม่มีใครฟันธงได้หรอกครับ และตัวแปรก็มากมายก่ายกอง

ท่านบอกคุยกับช่างไม่ค่อยเป็น อันนี้ไม่เข้าใจครับ ช่างเขาก็ใช้ภาษาชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้ต้องใช้ศัพท์เทคนิคอะไร
ยิ่งถ้าคุยไม่เป็น แล้วไม่หัดที่จะให้เป็นแล้วเมื่อไหร่ จะเป็นละครับ
รถคันนึงใช่ว่าตลอดอายุการใช้งานจะซ่อมแค่ครั้งเดียวจบซะเมื่อไหร่

ไม่รู้นะครับ แต่ผมสนับสนุนให้คนเรียนรู้ และลองทำด้วยตนเองเพื่อจะได้ความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้น รู้บ้างในส่วนที่สามารถทำเองได้ อันไหน หนักหนา ก็ค่อยเอาเข้าอู่ แต่ถ้าเรารู้ก็ดักทางดู่ได้ถูกต้อง งบก็ไม่บานปลายโดยไม่จำเป็น

ที่ผมคิดคือ มันช่วยยกระดับ คุณภาพของ"คน" ใช้รถบ้านเราให้มีความรู้แก้ไขปัญหาเล็กน้อยๆได้มากขึ้น เมื่อดูแลรถหรือแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น มันก็ส่งผลทางอ้อม ไปถึงปัญหาการจราจรในสังคมเราด้วยครับ ที่จะไม่เพิ่มขึ้นรวดเร็วนัก
(ไม่ได้บอกว่าลดลงนะครับ เพราะ คน สักแต่ว่าขับ เยอะกว่าคนอยากเรียนรู้ ในแต่ละวัน)
วันที่: 14 Nov 12 - 10:28

 ความคิดเห็นที่: 16 / 20 : 751182
โดย: Pize
ท่าน ทวีรัฐ
คือที่ผมบอกว่าคุยกับช่างไม่ค่อยเป็น ผมหมายถึงผมไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์หน่ะครับ ไม่ค่อยมีประสบการณ์ต่อรองกับช่าง กลัวโดนฟันนั่นแหละครับ ผมพึ่งจะเริ่มทำงาน ก็พึ่งจะมีรถยนต์เป็นของตัวเองนี่แหละครับ เลยลองเข้ามาปรึกษาหาข้อมูลดูก่อนครับ ยังไงก็ขอบคุณที่ชี้แนะครับผม
วันที่: 14 Nov 12 - 11:31

 ความคิดเห็นที่: 17 / 20 : 751212
โดย: ทวีรัฐ
เข้าใจครับ
ถึงยิ่งเชียร์ให้ศึกษาหาความรู้เรื่องเครื่องยนต์ เยอะๆไงครับ
ต่อไปเข้าอู่ไหนจะได้ไม่ต้องกังวล

ขนาดคนรู้เยอะๆ ยังโดนฟันหัวแบะได้เลย อย่างผมเป็นต้น ถึงไม่อยากให้ สมาชิกที่นี่ โดนอย่างผม
เพราะรถคันนึงมีส่วนประกอบตั้งมากมาย เราไม่รู้ไปหมดทุกเรื่องแน่นอนครับ

เพียงแค่หากรู้ เราก็จะช่วยประหยัดเงินไปได้ในบางอย่าง ที่ไม่สมควรจะจ่ายเยอะน่ะครับ
ไม่มีใครรู้มาก่อน ทุกคนก็เก็บเล็กผสมน้อย จากประสบการณืบ้าง จากความรู้ในเวปบ้าง หรือจากช่างเองบ้าง เวลาซ่อมต้องคุยๆดีๆ สอบถามความรู้เข้าตัวให้มากที่สุดครับ

ประโยชน์ตกอยู่กับตัวเราเอง
ค่อยๆสั่งสมความรู้ไปเรื่อยๆครับ
วันที่: 14 Nov 12 - 12:46

 ความคิดเห็นที่: 18 / 20 : 751273
โดย: The_P๐๐M
ผมว่ากรองอากาศตัน น้ำมันเครื่องเก่า หัวเทียนเก่า ท่อไอเสียตัน แอบฟันธง ฮ่าๆ
วันที่: 14 Nov 12 - 16:53

 ความคิดเห็นที่: 19 / 20 : 751355
โดย: Pize
เสาร์นี้ถ้าว่างจะวิ่งไปอู่พี่แดงครับ เฮ้อ มีอู่ในคลับไหนที่เปิดวันอาทิยต์ด้วยไหมน้อ
วันที่: 15 Nov 12 - 07:25

 ความคิดเห็นที่: 20 / 20 : 751714
โดย: The_P๐๐M
ยังไงก่อนให้ช่างลงมือซ่อม ต้องสอบถามราคาให้ชัดเจนก่อนนะครับ

ระวังงบบานปลาย
วันที่: 16 Nov 12 - 20:03