Close this window

เกร็ดความรู้เรื่องการเลือกใช้ยาง...จากผู้ผลิตยาง โดยผู้ขายยาง
สำหรับผู้ที่เจอปัญหาเรื่องยางบวมเร็วผิดปกติ หรือแก้มยางชำรุดเร็วกว่าปกติ

เอาความรู้เรื่องการเลือกยาง มาย้ำฝาก

หลายคน เวลาจะเปลี่ยนยาง มักมองที่ ขนาดที่จะใส่กับล้อตนเองได้ หน้ากว้างได้เยอะๆเท่าที่จะใส่ได้ยิ่งดี แก้มยาง เอาเตี้ยๆ เท่ห์ๆ หล่อๆ และก็ลวดลายบนหน้ายาง
ถ้าไม่นับท่านที่จะใช้แบบทดแทนเดิมๆธรรมดา ก็จะมีขาแต่ง มาหา เพื่อเอาลายสวยๆด๔สปอร์ต และท่านที่ศึกษาเน้นเอาสมรรถนะ

ซึ่งคงไม่มีใครปฏิเสธว่า ตัวเลขหลักๆที่ดูก็คือขนาดความเท่ห์ หลังใส่ เช่น 215/45R17 น่าจะเน้นกันตรงนี้เป็นหลักเกือบทั้งหมด

แต่จะมีสักกี่คนที่ศึกษาให้ถ่องแท้เพื่อจะได้เลือกใช้ให้คุ้มค่า หลายคยคงเจอปัญหาแก้มยางบวมจากการใช้งานกันสักระยะไปแล้ว ซึ่งจริงๆ code ที่หน้ายางก็จะมีดัชนีบอกที่สำคัญที่เรามักจะมองข้ามอีด 2 ตัวท้าย

เช่น 215/45R17 94V

ตัวเลข2 ชุดคือ 94 ชุดแรก และ V ชุดที่2 บอกอะไรบ้าง

94 คือดัชนีน้ำหนักที่ยางแต่ละเส้นสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด โดยต้องเปิด ตารางเปรียบเทียบครับ
ส่วนV คือ ดัชนีความเร็วสูงสุด ที่ยางเส้นนั้นๆจะรับได้
โดย: ทวีรัฐ   วันที่: 3 Sep 2012 - 15:38

หน้าที่: [1]   2   3

 ความคิดเห็นที่: 1 / 42 : 738070
โดย: ทวีรัฐ
มาดู ดัชนีตัวแรก
สิ่งแรกที่ควรคำนึง เราต้องรู้น้ำหนักรถ ทั้งคันของเราก่อนว่าหนัก กี่ กิโลกรัม (ดูในสมุดทะเบียนรถก็ได้)
แต่ยังก่อน น้ำหนักนี้เป็นเพียงตัวรถเปล่าๆ อย่าลืมว่า ถ้ารถวิ่งต้องมีคนขับ/ ผู้โดยสาร / ตุ๊กตาหน้ารถ / แมว /หมา และสัมภาระอื่นๆ(เช่น ยางอะไหล่ แม่แรง สิ่งของที่กองๆไว้ท้ายรถฯลฯ)

จำเป็นต้องบวกเข้าไปด้วย

ยัง ยังไม่หมด น้ำมันในถัง คือส่วนที่ต้องรวม ถ้าใครติดแก๊ส ก็มีน้ำหนักังแก๊ส และปริมาณแก๊ส อีก ถ้าใครวางเครื่องใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ก็ต้องเอาน้ำหนักส่วนที่เพิ่มขึ้นไปรวมด้วย อ้อ ชุดแต่งแอโรพาท ต่างๆอีก

ตัวอย่าง รถท่านหนัก(ตามสมุดทะเบียน) 950 กิโลกรัม + น้ำหนักเฉลี่ยคนนั่งเต็มรถ 5 คน(5x60=300) สัมภาระอื่นๆ 50 , น้ำมันในถัง ใช้ 0.8 คูณปริมาณลิตร คิดเต็มถังไว้ก่อน(36x0.8 =28.8)
ถังแก๊ส 58ลิตร หนักประมาณ 30 โล( สมมตินะครับ จริงๆที่ถังจะมีระบุ น.น.ถ้าเป็นถังได้มาตราฐาน) ,ปริมาณแก๊ส ให้เอา จ.น.ลิตร x0.7 เพราะเมื่อเติมอัดเข้าไปจะเป็นของเหลว)58x0.7=40.6,
ชุดแต่งต่างๆประมาณเอา 20 กก เอาแค่นี้ก่อน
สรุปว่า = 950+300+50+28.8+30+40.6+20 = 1,419.4 กก.

เห็นไหมครับว่าภาระกรรมจริงไม่ใช่ 950 แต่ 1.4 ตันเลยทีเดียว

ทีนี้ มีล้อรับน้ำหนัก 4 ล้อ ถ้ารถท่านออกแบบมา perfect เฉลี่ยน น้ำหนัก หน้าหลัง 50:50 เท่ากันหมด ก็จับ 1419.4 หาร 4 ได้เลย = 354.85 กก. นั่นคือน้ำหนัก ที่ล้อแต่ละล้อรับแรงขณะจอดเฉยๆ
ลองนำไปเปรียบเทียบตารางดูครับ ว่า น้ำหนัก ที่ 354.85 ปัดเป็น 355 กก ได้ตรงกับดัชนีตัวเลขอะไร

จากตารางคือ หมายเลข 72
แต่ยังอีกแล้วครับ ยังใช้เลขนี้ไม่ได้ เพราะนั่นคือรถจอดเฉยๆ ไม่ได้วิ่ง
เป็นที่รู้กันโดยธรรมชาติ เมื่อรถวิ่ง น้ำหนักจะถูกถ่ายเทมาข้างหลัง ในทฤษฎีแรงเฉื่อย แปลว่า ล้อหลังจะมีน้ำหนักที่ถูกถ่ายเทมามากกว่านั้น
ในทางกลับกันเมื่อรถวิ่ง พอจังหวะที่ท่านเบรค น้ำหนักก็จะมาที่ล้อหน้าเช่นกัน ขึ้นกับความแรงในการเบรค
ครั้งจะคำนวนก็น่าจะยืดยาวเพราะอยู่ที่ระดับความเร็วและมวล ต่างๆ เอาสรุปว่า ให้เพิ่มน้ำหนักกด ไปอีก 30% ละกัน คิดที่มากสุด เพื่อความปลอดภัย
ก็เอา 355+30% = 461.5 กก
เทียบตารางอีกทีได้ที่ตัวเลข 81 คือ 462 กก /เส้น

ดูเหมือนจะจบ แต่ ยังนะ(อะไรของมันอีกละเนี่ย?)
วันที่: 03 Sep 12 - 15:41

 ความคิดเห็นที่: 2 / 42 : 738071
โดย: ทวีรัฐ
โปรดอย่าลืมว่ารถยนต์เครื่องอยู่ข้างหน้า ขับเคลื่อนล้อหน้า อะไรในระบบส่งกำลังก็กองอยู่ข้างหน้า ในรถบ้านๆ รถตลาดที่เราใช้ทั่วไป น้ำหนักหน้าหลังมันไม่ใช่ 50:50 นะสิครับ
แต่ละรุ่นรถมันจะมีความแตกต่างมากน้อยต่างกัน แต่ที่แน่ๆคือหน้าหนักกว่าหลังเสมอ ตราบใดที่เครื่องอยู่หน้าขับล้อหน้า (เว้นพวก mid shipเครื่องอยู่กลางขับหลัง)

ดังนั้นเวลาคิดโหลดที่เป็นค่าที่ปลอดภัยสำหรับยางที่จะเสียหายจากน้ำหนัก ก็ควรเอา หน้ำหนักรวมที่กล่าวข้างต้นมาแยกเป็น2 ส่วน คือ หน้าหลัง
ถ้าไม่รู้สัดส่วน ว่าน้ำหนักกดหน้าและหลังเป็นอัตราส่วนเท่าไหร่ให้ใช้ค่าที่ปลอดภัยที่สุด คือคิดเว่อร์ไว้ก่อน
คือ หน้า 65% คือเอาตัวเลขแรก 1419.4 มาคิดที่ 65% = 922.6 กก ต่อคู่หน้า แบ่ง 2 ล้อ ก็ หาร2 = 461.3
เอาไปใส่โหลดถ่ายน้ำหนัก30%= 599.7 ปัดเป็น 700 กก เฉพาะคู่หน้า
เทียบตาราง ได้หมายเลข 96 นี่คือเฉพาะคู่หน้านะครับ คิดแบบคร่าวๆเว่อร์ๆ(ในความเป็นจริงไม่น่าถึง)

ส่วนล้อหลัง 35% = 496.8 หาร 2 = 248.4+30% =322.9 ปัดเป็น 323 กก / เส้น
เทียบตารางได้ 69 ที่ 325

เอาละสิ ล้อคู่หน้าดัชนีขั้นต่ำ 96 แล้วล้อคู่หลังอยู่ที่ 69 แล้วจะเปลี่ยน หรือหาซื้อยังไง

อย่างที่เรียนขั้นต้น เราคิดแบบเวอร์ๆไว้ก่อน และคิดภาระกรรมที่ล้อถึง 30%
และในตลาดทั่วไปล้อรุ่นและลายเดียวกัน ไม่มีดัชนีนี้ให้เลือกเพราะเขาfix ไว้ตั้งแต่ออกแบบว่าได้แค่นั้น ตามตัวเลขที่พิมพ์
เราก็ต้องไปเลือกรุ่นและลายอื่นที่เหมาะสม

ดังนั้น การที่รถออกแบบมา เขาไม่ได้เน้นให้เราแบกยัดอะไรต่อมิอะไรมากมายก่ายกอง กันนะครับ เพราะนอกจากส่งผลไปที่ยางโดยตรงแล้ว ชิ้นส่วนอื่นๆของระบบกันสะเทือนทั้งหมดก็ใช้พื้นฐานเดียวกันในการออกแบบด้วยเช่นกัน
นั่นคือสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรถสมรรถนะสุงทั้งหลาย รวมถึงรถที่ทำลงสนามแข่งถึงพยายามทำตัวให้เบาเท่าที่ได้ประสิทธิภาพยางและอื่นๆกลับมาอย่างลงตัวที่สุดครับ

ส่วนดัชนี ตัวสุดท้าย อักษรภาษาอังกฤษ นั้นคือดัชนีระบุความเร็วที่ยางแต่ละเส้นจะสามารถทนแรงหมุนหนีศูนย์กลางและความเสียหายของพื้นสัมผัสหน้ายาง ณ ความเร็วที่ไม่เกิดจุดนั้น
พึงระวังว่าใช้ยางลงท้ายตัวตัวอักษรอะไร และอย่าใช้ความเร็วเกินความสามารถของยางนะครับ
วันที่: 03 Sep 12 - 15:43

 ความคิดเห็นที่: 3 / 42 : 738072
โดย: ทวีรัฐ
จากข้อกังขา ในคห 1

ผมใช้วิธีเอาตัวเลข ดัชนี ล้อหน้า มาลบกับล้อหลัง แล้ว x 75% อ่ะ

คือเอาผลต่าง หน้าหลัง มา75% บวกเข้าไป ที่ค่าน้อยสุด

เพราะยังไงล้อหลังก็ผ่าน แต่ล้อหน้า ก็อย่าไปหฤโหดกับมันเกินโหลด 30% ก็น่าจะเอาอยู่

ไม่งั้นหาซื้อไม่ได้ครับ

เพราะปกติ เราเปลี่ยนยางพร้อมกันทีละคู่ และ ทั้งหมด 4 เส้น ไม่เปลี่ยนทีละเส้นอยู่แล้ว
วันที่: 03 Sep 12 - 15:50

 ความคิดเห็นที่: 4 / 42 : 738081
โดย: ติ๋มๆเดิมๆแตนๆ
ป๋า ยาว จัง


แต่อยากรู้เรื่อง Treadwear ด้วยอ่ะ

สำคัญป่าวคับ
วันที่: 03 Sep 12 - 16:13

 ความคิดเห็นที่: 5 / 42 : 738082
โดย: ทวีรัฐ
ค่าความเหนียวของยาง เลขยิ่งน้อยยางยิ่งนิ่ม ยิ่งเกาะ แต่สึกไวครับ หาถูกใจๆมาใส่กันนะครับ

-TREADWEAR = ค่าการสึกหรอของยาง
ตัวเลขน้อย - สึกหรอสูง - อายุสั้น - เกาะถนน
ตัวเลขมาก - สึกหรอน้อย - อายุยาว - เกาะถนนน้อยกว่า

-TRACTION = ความสามารถในการหยุดบนถนนลาดยางหรือคอนกรีต(ไม่เกี่ยวกับการยึดเกาะถนนในโค้ง)
ค่าดีที่สุด AA,A,B และ C น้อยสุด

-TEMPERATURE = ค่าความทนทาน การถ่ายเทความร้อนของยาง
ค่ามากสุด A,B และ C น้อยสุด
วันที่: 03 Sep 12 - 16:20

 ความคิดเห็นที่: 6 / 42 : 738097
โดย: Yut13
อีกคำนึง TWI = Tyre worn out indicator
วันที่: 03 Sep 12 - 17:01

 ความคิดเห็นที่: 7 / 42 : 738110
โดย: ทวีรัฐ
อันนั้นมันไม่ใช่การเลือกยางใหม่อ่ะครับปายุทธ มันเป็นการเช็คว่าดอกยางสึกหมดแล้ว สมควรเปลี่ยนได้รึยัง

ดูตรงสะพานยาง
หมายถึงระหว่างร่องดอกยางคามเส้นรอบวง หากสังเกตุดู จะมีเป็นสันเล็กๆอยู่ในร่องยาง

นั่นคือ TWI ที่ป๋ายุทธบอก หากใช้ไปจนดอกยางหมดไปถึงสะพานยางที่ว่า สมควรเปลี่ยนได้แล้ว เพราะมันสูงแค่ 2 มม
ซึ่งประสิทธิภาพในการรีดน้ำ หรือร่องลมให้ฝุ่นทรายผ่านหมดไปแล้ว อันตรายมากหากขับในถนนเปียกลื่น
จริงๆไม่ต้องรอให้ถึง อาการรถแฉลบก็มาเยือนเวลาเจอน้ำขังผิวจราจรแล้วครับ

เว้นแต่ยางใหญ่ๆดอกขนาดมหึมาอย่างพวก offroad ชอบใส่กัน
อันนั้นยางมันบวมก่อนสึก หรือไม่ก็แก้มยางเสียหายไปก่อนแล้วครับ

เรื่องความลึกร่องดอกยาง เหลือน้อยกว่า 3-4 มม ก็เริ่มเช็คราคา เพื่อหางบสำหรับเปลี่ยนได้แล้วครับ อันตราย
วันที่: 03 Sep 12 - 17:15

 ความคิดเห็นที่: 8 / 42 : 738136
โดย: Fujiwara Takumi
ยาวจังแต่ความรู้เพียบเลยครับ ขอบคุณมากเลยครับ
วันที่: 03 Sep 12 - 19:14

 ความคิดเห็นที่: 9 / 42 : 738138
โดย: pancho
ถ้าหากว่าเอารถไปโหลดแล้วอัดโช๊คให้แข็งขึ้นมันจะทำให้ยางรถรับภาระมากกว่าเดิมเยอะหรือไม่ครับ

คือว่าตอนนี้ไปโหลดลง แล้วรู้สึกว่าพอเจอรอยปะรอยต่อบนถนนแล้วรู้สึกมันกระแทกน่ากลัว

ช่วงนี้เลยขับความเร็วไม่เกินร้อยตลอดเลย
วันที่: 03 Sep 12 - 19:23

 ความคิดเห็นที่: 10 / 42 : 738141
โดย: BIG DDT
อูยยยย ยาว
วันที่: 03 Sep 12 - 19:45

 ความคิดเห็นที่: 11 / 42 : 738144
โดย: หนุ่ย แหลมฟ้าผ่า
ขอบคุณมากครับ ข้อมูลดีจัง
วันที่: 03 Sep 12 - 19:47

 ความคิดเห็นที่: 12 / 42 : 738146
โดย: พจน์400
วันที่: 03 Sep 12 - 19:51

 ความคิดเห็นที่: 13 / 42 : 738147
โดย: Kagi
ขอบคุณครับ
วันที่: 03 Sep 12 - 19:53

 ความคิดเห็นที่: 14 / 42 : 738154
โดย: มีนAstinA พ่อข้าGLC
พอดีกับผม เลยกำลัง รอตังซื้อยาง ได้ความรู้อีกเป็นกอง
วันที่: 03 Sep 12 - 20:42

 ความคิดเห็นที่: 15 / 42 : 738165
โดย: วิตต์
อูย ตาลายเลย ตกลง หน้า96 หลัง 69 ชิมิป๋า จำได้แค่เนี้ย
วันที่: 03 Sep 12 - 21:41

 ความคิดเห็นที่: 16 / 42 : 738191
โดย: ทวีรัฐ
เพิ่งเห็นใน คห 2 พิมพ์ผิดอ่ะ 599 ปัดเศษก็ต้องเป็น 600 สิ

นี่ผมปัดเป็น 700 ได้ไงฟร๊ะ?
เทียบตาราง ได้เท่ากับ 90

ไม่ใช่ 96 (ตอนนั้นนึกถึงอะไรอยู่หว่า)

สรุปว่า จากตัวอย่างเป็น 90-69 นะครับ
ต่างกัน 21
75%ของ21 = 15.75

เอามาบวก69 ได้ค่า 84.75 ปัดเป็น 85

นี่คือดัชนีตัวเลขขั้นต่ำ ที่เราควรเลือกใช้ยาง ซึ่งจะช่วยยืดอายุยางให้นานขึ้นจากปัญหายางบวม หรือแก้มยางแตกลายงา ก่อนเวลาอันควรครับ
วันที่: 04 Sep 12 - 00:58

 ความคิดเห็นที่: 17 / 42 : 738194
โดย: ทวีรัฐ
คำถามท่าน pancho

กรณีรถโหลด ไม่ได้เพิ่มมงล คือ น้ำหนักรถเท่าเดิม ภาระกรรมเท่าเดิมครับ

แต่ โช๊คที่แข็งขึ้นนั่นต่างหาก ที่จะส่งแรงกระแทกไปที่แก้มยางเต็มๆ

เพราะโช๊คstandard เดิม นิ่มนวล เวลาเจออะไรกระแทก การยุบตัวของโช๊ค ก็ช่วยลดแรงได้ระดับนึง

ทีนี้พอมันแข็งขึ้นก็แน่นอนครับ แรงต่างๆที่ถูกกระทำมันก็ส่งขึ้นมาที่ตัวรถมากขึ้น ทีนี้มาเจอแรงกดจากน้ำหนักรถ ยันไว้ ไปไหนไม่ได้มาก ก็ออกอาการที่แก้มยางแทน

ส้วนใหญ่พอโหลดก็ใช้ยางซีรี่เล็กลง มันก็ทำให้พื้นที่หยุ่นตัวหรือบิดตัวของแก้มยางลดลง ทำให้แรงสะเทือนต่างๆสะท้านขึ้นมาที่ตัวรถและห้องโดยสารตามลำดับครับ
วันที่: 04 Sep 12 - 01:10

 ความคิดเห็นที่: 18 / 42 : 738204
โดย: pancho
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
วันที่: 04 Sep 12 - 02:36

 ความคิดเห็นที่: 19 / 42 : 738212
โดย: กริช.
วันที่: 04 Sep 12 - 06:50

 ความคิดเห็นที่: 20 / 42 : 738217
โดย: ตาหนุ่ม
วันที่: 04 Sep 12 - 07:53

หน้าที่: [1]   2   3