Close this window

ขอคำแนะคำ การติดตั้ง Voltage Stabilizer
พอดีไปเห็นไอ้เจ้า Voltage Stabilizer แบบที่มีบอก Voltage ด้วย เลยสนใจอยากจะลองซื้อมาติดตั้งดู เท่าที่เคยเห็นเค้าก็ติดตั้งไว้ในห้องเครื่อง ซึ่งมีบางท่านก็ว่าอันตราย ที่เอาไอ้ตัวเก็บประจุไปไว้ในห้องเครื่องร้อนๆ ผมก็เลยมีความคิดว่าถ้าผมลากสายยาวเข้ามาติดต้องไว้ในห้องโดยสารแทน เพื่อใช้ดูค่า Voltage ด้วยเลย จะดีมั๊ย หรือมันมีข้อเสียที่ต้องลากสายยาว หรือมีคำแนะนำอะไรอย่างอื่นรบกวนด้วยครับ
โดย: เอก   วันที่: 28 Feb 2012 - 13:26

หน้าที่: [1]   2   3

 ความคิดเห็นที่: 1 / 43 : 695364
โดย: Yut13
เพิ่มโหลดเข้าไปในระบบอีก
ผมเป็นวิสวกรอีเลคทรอนิคส์แท้ๆมีปัญญาสร้างขุดนี้ขึ้นมาได้เองทำได้เทพกว่าด้วย(เคยเห็นไหมชุดควบคุม capacitor ที่ปรับสเต็ปได้ตามโหลด) ยังไม่พบเหตุผลที่จะติดตั้งมันเลย
ถ้ามีปัญหากับระบบแรงดันไฟฟ้าที่แกว่งไปมามากเอาอัลเทอร์เนเตอร์ไปปรับปรุงสภาพเช่นทำฟิตติ้งแกนหมุนตลับลูกปืนให้อยู่ในแนวกลางหรือเปลี่ยนอันใหม่เลยจะดีกว่า
วันที่: 28 Feb 12 - 13:45

 ความคิดเห็นที่: 2 / 43 : 695367
โดย: เอก
จริงของป๋าแฮะ เอาตังค์ไปซื้อไดฯ เปลี่ยนสายพาน หรือพูลเลย์ น่าจะเวอร์คก่าเนอะ

งั้นก็แค่ได้ Volt Meter อันเดียวอะดิ แล้วจะแถมด้วยกินแบตฯ เวลาไม่ได้วิ่งด้วยปะเนี่ย
วันที่: 28 Feb 12 - 14:15

 ความคิดเห็นที่: 3 / 43 : 695385
โดย: Totsaporn
ก็จริงนะป๋า ผมถอดเข้า ถอดออก ไม่เห็นจะมีผลอะไร

แต่ถ้าจะใส่ก็ แค่ต่อคร่อม กับแบตเตอร์รี่ ขั้วบวก ไปเข้าขั้วบวก ขัวลบไปเข้าขั้วลบของแบตฯ ขันให้แน่น แค่นั้นแหละครับ ส่วนมันจะทำงานแล้วจะดีขึ้นแค่ไหน ผมก็ไม่เคยเห็นได้อย่างชัดเจนนะ
วันที่: 28 Feb 12 - 16:30

 ความคิดเห็นที่: 4 / 43 : 695390
โดย: srithanon
Voltage stabilizer ที่ใช้กับรถยนต์ เพื่อประโยชน์และช่วยอะไรกับระบบไฟของรถยนต์
ตัวโวลเต็จสตาบิไลซ์เซอร์ ประกอบไปด้วย ตัวคาปาซิเตอร์ หรือคอนเด็นเซอร์ ตัวที่ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าให้กับตัวของมัน ตามค่าของแรงเคลื่อนโวลเต็จที่ป้อนให้กับมันในช่วงของเวลาแรกที่มันชาร์ทรับเข้าไว้ในตัวของมัน เมื่อใดก็ตามค่าแรงเคลื่อนโวลเต็จที่มันรับชาร์ทในครั้งแรงตกลง อันมาจากการใช้กระแสของอุปกรณ์ของรถยนต์ เช่นเปิดไฟหน้ารถ สตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้เครื่องเสียงที่กินกระแสไฟมากๆ เหล่านี้ ทำให้กระแสไฟที่ถูกเก็บไว้ในตัวแบ็ตเตอรี่ ถูกใช้เกินกว่าที่มันจะรักษาระดับโวลเต็จต่อจำนวนกระแสไฟที่เก็บไว้ในตัวแบ็ตเตอรี่ ในขณะที่มันยังมีกระแสไฟเต็มอยู่ เมื่อกระแสไฟถูกดึงไปใช้อย่างมากในช่วงเวลานั้น ทำให้โวลเต็จลดลงจาการะดับที่ค่าตัวคาปาซิเตอร์มันชาร์ทในครั้งแรก ที่ตัวคาร์ปาซิเตอร์ มันก็จะทำการดิชชาร์ท เอากระแสไฟที่สะสมเก็บอยู่ในตัวของมันออกมาเสริมทันที่ เพื่อรักษาระดับโวลเต็จและกระแสไฟให้คงที่
จาการทำงานของค่าคาปาซิเตอร์ ที่เป็นหัวใจในชุด Voltage stabilizer มันจึงสามารถที่จะช่วยรักษาระดับแรงไฟ กระแสไฟในตัวแบ็ตเตอรี่ให้คงที่ ในขณะที่มีการใช้โหลด ไม่ว่าจะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ เล่นเครื่องเสียงวัตต์สูงๆ เปิดไฟหน้า แม้แต่การทำงานของระบบวงจรไฟฟ้าในรถยนต์ ก็จะมีประสิทธิภาพ เช่นเครื่องยนต์ สตาร์ทติดง่าย เพราะกระแสไฟและโวลเต็จไม่ตกลง ปกติหากไม่มี Voltage stabilizer การสตาร์ทเครื่องยนต์จะมีกระแสไฟจากแบ็ตตกลงอย่างมาก ทำให้โวลเต็จที่จ่ายให้กับวงจรจุดระเบิดลดลงเหลือประมาณ 8-10 Volt เป็นผลทำให้ไฟสูงที่ตัวอินิชั่นคอยลดลง การจุดระเบิดก็ต่ำ แถมระบบมอเตอร์สตาร์ทมีแรงบิดลดลง ทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ตอบสนองเต็มประสิทธิภาพ สำหรับการเปิดเครื่องเสียง ที่มีวัตต์สูงๆ 500-1000 วัตต์ จะกินกระแสไฟมากมาย หากไม่มีเจ้าตัว โวลเต็จสตาร์บิไลท์เซอร์ จะทำให้การทำงานของภาคขยายสัญญาณเสียง ทำงานขยายสัญญาณไม่เต็มช่วงคลื่นของสัญญาณเสียง หรือรูปของสัญญาณเสียงถูกตัดยอดคลื่อนออกไป ทำให้เสียงที่ออกลำโพงขาดหายเป็นช่างๆ โดยเฉพาะเสียงเพลงที่มีความถี่เสียงต่ำหรือเสียงเบส จะกินกระแสมาก จะเห็นว่าในระบบเครื่องเสียงจึงต้องมี Voltage stabilizer เข้ามารักษาระดับกระแสไฟโวลเต็จ ให้คงที่เมื่อใช้โหลดตามที่กล่ามาข้างต้น
แต่เรื่องของการใช้กระแสไฟ ส่วนประกอบที่สำคัญก็ยังคงมาจากตัวแบ็ตเตอรี่ ที่จะต้องมีกระแสไฟที่จะจ่ายให้กับโหลดอย่างพอเพียงเสียก่อน ปกติแล้วในระบบแบ็ตเตอรี่ตะกั่วกรด มันไม่ชอบที่จะให้มีการจ่ายกระแสหรือการคายประจุกระแสไฟที่มันเก็บไว้อย่างมากๆ หรือจนหมดทุกครั้งที่ใช้กระแส จะมีผลทำให้ความสามารถในการเก็บประจุกระแสไฟของมันลดลง ทำให้แบ็ตเตอรี่เสื่อมเร็ว
ดังนั้นหากมีเจ้าตัว Voltage stabilizer เข้ามาช่วยเสริมการจ่ายกระแสไฟ นอกจากจะทำให้ ระบบการทำงานของเครื่องยนต์มีไฟที่สมบูรณ์แล้ว ยังช่วยให้แบ็ตเตอรี่มีอายุการใช้งานได้นานขึ้น
เนื่องจากวงจรของตัวโวลเต็จสตาร์บิไลท์เซอร์ จะมีคาปาซิเตอร์เป็นหัวใจหลักในการทำงาน จึงต้องพิจารณาว่า ค่าความจุของคาปาซิเตอร์ มีส่วนอย่างมากกับการเก็บกระแสไฟที่มันชาร์ทหรือรับประจุกระแสไฟ หากค่าความจุที่บ่งบอกเป็นหน่วยฟาราด ยิ่งมีค่ามากเท่าใด ก็ยิ่งทำให้จำนวนกระแสที่มันชาร์ทเก็บไว้ในตัวมันยิ่งมาก จะพบว่าบางตัวบางยี่ห้อใช้ค่าคาปาซิเตอร์หลายฟาราด ล้านไมโครฟาราดเท่ากับหนึ่งฟาราด และที่สำคัญเรื่องค่า working voltage ที่ตัวคาปาซิเตอร์ จะต้องมีโวลเต็จที่สูงกว่าโวลเต็จที่จะใช้งาน เช่นในรถยนต์ ควรใช้ตั้งแต่ 35-50 Volt ซึ่งเขาจะระบุเอาไว้ อย่าใช้ค่าที่ใกล้เคียงกับโวลจากไฟชาร์ทของแบ็ตเตอรรี่ ( 13.8-14.5) เพราะจะทำให้เกิด โอเวอร์โวลเต็จที่ตัวคาปาซิเตอร์จะรับได้ จะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงที่ตัวคาปาซิเตอร์ ที่มีค่าความจุเป็นฟาราด
เรื่องอุณหภูมิกับค่าคาปาซิเตอร์ จะต้องมีอุณหภูมิไม่เกินที่เขาระบุไว้ ไม่สมควรเอาไว้ในห้องเครื่องยนต์ หรือจะเอาไว้ก็ควรหาช่องที่มีลมมาระบายอากาศแถวที่ติดตั้งได้ดี
สำหรับกรณีที่จะทำการติดตั้งตัว Voltage stabilizer ควรติดตั้งให้ใกล้กับตัวแบ็ตเตอรี่ พยายามให้สายสั้นเท่าที่จะทำได้และเหมาะสม อย่าให้สายยาว สำหรับสายไฟที่ใช้ ต้องคำนึงเรื่องกระแสเป็นหลัก เพราะการดิชชาร์ทกระแสไฟของตัวคาปาซิเตอร์ ที่มี่ค่าเป็นฟาราด มีกระแสมาก โดยคิดประมาณว่าหากใช้กระแสสูงสุดที่มีโหลดต้องการกระแสไฟทั้งหมด เช่น 80-100 Amp ควรจะใช้สายเบอร์อะไร เพราะการที่กระแสไฟจะวิ่งผ่านเส้นลวดทองแดง มันไม่ได้ไปตามหน้าตัดขนาดของเส้นลวดทองแดง แต่มันจะวิ่งไปบนผิวของเส้นลวดทองแดง ดังนั้นจึงต้องใช้สายไฟขนาดใหญ่ หากใช้ผิดขนาดหรือเล็กเกินไป เท่ากับว่าสร้างค่าความต้านทานในการเคลื่อนที่ของกระแสไฟ(อีเลคตรอน) จะทำให้เกิดความร้อนในสายและเกิดไฟลุกไหม้ได้…….srithanon
วันที่: 28 Feb 12 - 16:45

 ความคิดเห็นที่: 5 / 43 : 695396
โดย: เอก
ขอบคุณมากๆ ครับ พี่ srithanon
จริงๆ ไม่ได้คิดว่ามันจะมาช่วยระบบการทำงานได้มากมายอะไรนักนะเนี่ย อย่างน้อยเอาไว้ดูค่าแบตฯ ก็ยังดีเนอะ

... แต่ไม่ควรลากสายยาว ก็ต้องล้มเลิกที่จะเอามาเกาะไว้ในห้องโดยสารแล้วซิเรา
วันที่: 28 Feb 12 - 17:49

 ความคิดเห็นที่: 6 / 43 : 695416
โดย: srithanon
ความจริงมันช่วยได้ครับ ไม่งั้นทางบริษัทผู้ผลิตคงไม่ผลิตออมาขาย เขาต้องทดลองว่ามันได้ผล ทั้งด้านวิชาการและทางปฏิบัติ เพียงแต่ผู้ที่นำเอามาใช้ไม่ทราบว่าความเหมาะสมจะอยู่ในลักษณะไหน โดยไม่ทราบค่าความจุของคาปาซิเตอร์ ว่าจะต้องใช้ขนาดค่าความจุที่เหมาะสมกับการใช้กระแสไฟ มีค่ากี่ฟาราด ไม่ใช่ใช้แค่สี่ห้าหมื่นไมโครฟาราด มันก็เลยไม่ได้ผล ความจริงค่าค่าปาซิเตอร์ประมาณนั้นนะ่ มันก็มีในชุดภาคของเพาเวอร์ซัพพราย ของเครื่องขยายเสียงหรือและวงจรอื่นที่เกี่ยวข้อง
การที่จะใช้ให้เห็นประโยชน์จริง จะต้องใช้ค่าคาปาซิเตอร์อย่างน้อยสองสามฟาราดขึ้นไป หนึ่งไมโครฟาราดเท่ากับหนึ่งฟาราด ดังนั้นบางท่านที่ซื้อตัว Voltage stabilizer ควรตรวจดูด้วยว่า มีค่าคาปาซิเตอรืเท่าใด และใช้งานกับอะไร หลายท่านไปซื้อที่เขาทำเฉพาะการใช้กระแสน้อยๆ กับบางอุปกรณ์ที่ใช้ และนำเอามาใช้กับระบบรถยนต์ มันก้เลยไม่เห็นผลครับ
สำหรับที่บอกว่าจะเอามาดูโวลในห้องโดยสาร หากซื้อมาแล้วก็สามารถต่อเอาเฉพาะมิเตอร์มาติดข้างในห้องโดยสารที่คุณอยากจะโชว์ ก็ไม่น่าจะเสียหายตรงไหนครับ ทำได้ครับ ...srithanon
วันที่: 28 Feb 12 - 20:22

 ความคิดเห็นที่: 7 / 43 : 695418
โดย: srithanon
ขอเพิ่มเติม ข้อผิดพลาด พิมพ์ตกหล่น หนึ่งล้านไมโครฟาราด เท่ากับหนึ่งฟาราดครับ
วันที่: 28 Feb 12 - 20:24

 ความคิดเห็นที่: 8 / 43 : 695442
โดย: เซนท์โซเฟียร์
ซื้อโวล์มิเตอร์มาติดหล่อกว่าน๊ะผมว่า ผมว่าจะติดคาปาซิสเตอร์เครื่องเสียงเพิ่มเหมือนกัน
วันที่: 28 Feb 12 - 21:27

 ความคิดเห็นที่: 9 / 43 : 695444
โดย: Totsaporn
นั่นไง ท่าน srithanon มาอธิบายให้ยาวเลย

ทีนี้ ถ้าอยากเห็นความแตกต่าง สงสัยผมต้องไปติดเครื่องเสียงชุดใหญ่ซะแว้ว...
ว่าแต่...เก็บตังไว้เปลี่ยนเครื่องก่อนดีกว่า

ยังไงก็ขอบคุณทุกความรู้ ทุกความเห็นครับ มีประโยชน์แท้
วันที่: 28 Feb 12 - 21:33

 ความคิดเห็นที่: 10 / 43 : 695448
โดย: Totsaporn
คาปาซิสเตอร์เครื่องเสียงคือเจ้ากระบอกอันเท่าแขนเด็กใช่มั้ยครับ
ผมเคยแอบอ่านค่ามันแว้บ ๆบนรถทัวร์ ไม่รู้จริงรึหลอก แต่ประมาณ 1ฟารัด ได้
เรานึกว่าไม่เยอะ วันก่อนผมแงะอแดปเตอร์โน้ตบุคเล่น มีคาปาซิสเตอร์อันเท่านิ้วชี้ อยู่ข้างในสักสี่ตัวได้
โอ้โห...แตะกี่ทีก่อนช็อตไม่เลิก จนผมขยาดไปเลย ขนาดพวกนั้นแค่ระดับไมโครฟารัดเอง
ไอ้ตัวเท่าท่อนแขน น่าจะเอาไว้ช็อตคนสลบได้เลย
วันที่: 28 Feb 12 - 21:39

 ความคิดเห็นที่: 11 / 43 : 695463
โดย: เอก
ขอบคุณพี่ Srithanon อีกครั้งครับ และทุกๆความเห็นด้วย คุณเซนฯ ติดโวลมิเตอร์มากี่ตังค์อ่ะครับ มีตัวเดียวก็ไม่สวยอีก หลายตัวก็หลายตังค์ ... 5 5
วันที่: 28 Feb 12 - 22:46

 ความคิดเห็นที่: 12 / 43 : 695465
โดย: same
ถ้าอยากลองไม่ต้องไปซื้อแบบแพงๆให้เปลืองเงินหรอกครับ ไปซื้อ capacitor มาต่อขนานกัน บวกชนบวกลบชนลบ ดูว่าพื้นที่ที่จะใส่มีมากแค่ไหนถ้ามีมากก็ต่อขนานกันได้หลายตัว ใช้ค่าสัก 6800 ไมโครฟาราดหรือมากกว่า น้อยกว่าก็ได้ แรงดัน25 โวล์ทหรืออาจมากกว่า ถ้าโวล์ทมากก็ยิ่งแพงเปลืองเงินแต่จะทนแรงดันได้มากกว่าอีกอย่าง แบตเตอรี่ค่อนข้างกระแสสูงแต่ใช้ได้ไม่มีปัญหา ค่าเก็บประจุค่าน้อยจะคายประจุเร็ว เพราะค่าESR ต่ำ ค่ามากจะคายประจุช้า ควรใช้เกรดดีๆหน่อย เช่นยี้ห้อ nichicon คาปาซิเตอร์เกรดสูงถึงค่าจะมากแต่ก็จะคายประจุได้เร็ว เช่นใช้ในเครื่องเสียง hi end แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดดีก็ได้ ขนานค่าน้อยๆ เช่นค่า 0.1 uF100 v ขึ้นของ wima จะช่วยให้ c คายประจุเร็วแล้วช่วยลดสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่ความถี่สูงได้ด้วย ส่วนจะลดสัญญาณรบกวนที่ความถี่ไหน ต้องมาคำนวณ สูตรหาได้ไม่ยาก ส่วนผลที่ได้ก็อย่างที่คุณ srithanon ว่าครับ ที่เห็นชัดคงเป็นเครื่องเสียง จะพบว่าเสียงมีพละกำลังมากขึ้น โดยช่วงเสียงเบสจะรู้สึกได้เด่นชัดส่วนจะมีผลเวลารถวิ่งไหมคงจะแทบไม่รู้สึก ลองดูครับ ส่วนตัวเลขวัด โวล์ทก็ซื้อ โวล์ทมิเตอร์ดิจิตอลตัวเล็กๆที่บ้านหม้อมาใส่ได้เช่นกันครับ ราคาร้อยกว่าบาท ถ้าสีฟ้าก็แพงหน่อย วัดคร่อมขั้วก็เท่านั้นเอง
ขอให้โชคดีครับ
วันที่: 28 Feb 12 - 23:04

 ความคิดเห็นที่: 13 / 43 : 695467
โดย: Yut13
ตามคุณ Srithanon ถ้าติกเครื่องเสียงแรงๆก็ช่วยได้ที่ระดับหนึ่ง การใช้ Capacitor ต้องขึ้นกับกระแสและสำคัญที่สุดลักษณะของรูปคลื่น ไฟดีซีของรถมันมีรูปคลื่นนะ ไม่ได้เป็นเส้นตรงเหมือนแบตเตอรี่ถ้าเป็นเส้นตรงคงไม่ต้องใช้ Capacitor ในอุปกรณ์ต่างๆแล้ว แต่เป็นคลื่นบวกด้านเดียวสามลูกต่อหนึ่งรอบหมุน ใส่ค่าใหญ่ไปแต่โหลดกระแสน้อยก็จะกลายเป็นบวกแรงดันเข้าอีก หรือเสียเวลาชาร์ทกลายเป็นดีเลย์หรือเกิด PF ในระบบ มันมีเรื่องเยอะมากเกี่ยวกับ Capacitor เคยเห็นไหมจ่ายแรงดันหนึ่งที่ปลายอีกปลายหนึ่งแรงดันเพิ่มเนื่องค่า C ใหญ่ไปเมื่อเทียบกับโหลด
วันที่: 28 Feb 12 - 23:23

 ความคิดเห็นที่: 14 / 43 : 695472
โดย: เอก
อู้ว.... ความรู้เพียบ ขอบคุณครับ คุณsame และป๋ายุทธเช่นเคย
วันที่: 29 Feb 12 - 00:01

 ความคิดเห็นที่: 15 / 43 : 695475
โดย: ตั้ม ดนตรี
แล้วไอ้กรณีที่ ตอนพัดลมเครื่องกับพัดลมแอร์ทำงาน แล้วไฟมีตกหน้าปัทม์มีกระพริบนิดๆ (พอสักเกตได้) ควรจะติดมั๊ยครับ
วันที่: 29 Feb 12 - 01:16

 ความคิดเห็นที่: 16 / 43 : 695497
โดย: PapaRo@ch~*
ผมเพิ่งซื้อมาติดอันใหม่
หลังจากที่อันเก่ามันพังไป

ผมว่ามันช่วยได้นะ ยิ่งรถเก่าๆยิ่งเห็นผล
หมายถึงเวลาไฟตกเพราะคอมแอร์ทำงาน หรือเครื่องเสียงดรอบลง
ติดเข้าไปมันก้อลดอาการได้จริงๆนะครับ แม้ว่าบางที มันอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุก้อตาม
วันที่: 29 Feb 12 - 09:33

 ความคิดเห็นที่: 17 / 43 : 695513
โดย: เอก
ของผมตอนคอมแอร์ ทำงานไฟหน้าปัทม์ก็มีวูบลงนิดหน่อย เดี๋ยวติดแล้วผลเป็นไงจะมารายงานให้ทราบครับ

ปล. พยายามแก้ที่ต้นเหตุ ด้วยการเปลี่ยนพูลเลย์หน้าเครื่อง เปลี่ยนไดชาร์ท Sonax ฉีดล้างคอมแอร์แล้ว แต่มันก็ยังมีดรอปลงอยู่ (แต่น้อยมากแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนเปลี่ยนพูลเลย์ และไดชาร์ท)
วันที่: 29 Feb 12 - 11:21

 ความคิดเห็นที่: 18 / 43 : 695544
โดย: Yut13
ถ้าแก้ทีปลายเหตุมันก็ยังไม่จบไปเรื่อยๆ ช่างสมัยก่อนเขาซ่อมเครื่องปั่นไฟนี่ได้ดีมากนะถึงขนาดพอกกลึงแกนให้ได้ Center แรงดันไฟฟ้าก็จะได้ออกมาคงที่ไม่แกว่งไปมา เดี๋ยวนี้ติดของมือสองญี่ปุ่นกันงอมแงม ระวังเถอะตั้งแต่ Mazda 3 2 จะไม่มีโอกาศได้ใช้ของญี่ปุ่นอีกแล้วเคยคุยกับคุณสุดเรืองอะไหล่เขาบอกว่าซื้อหัวตัดแข่งกับแขกไม่ได้แล้วทางโน้นมากว้านไปหมดราคาดีกว่า
วันที่: 29 Feb 12 - 15:46

 ความคิดเห็นที่: 19 / 43 : 695564
โดย: เซนท์โซเฟียร์
ผมติดมาตัวละประมาณ 1000-1200 ครับ ติดแบบเป็นวัดดิจิตอล ไม่กี่ร้อยก็ได้ วัดอุณหภูมิไปด้วย นอกรถในรถ สวยดี
วันที่: 29 Feb 12 - 19:13

 ความคิดเห็นที่: 20 / 43 : 695585
โดย: Deen
ผมใช้ตัวนี้ดูโวล์ แล้วก็ดูอุณหภูมิเครื่อง ด้วยครับ ใส่ช่องได้พอดี
วันที่: 29 Feb 12 - 21:26

หน้าที่: [1]   2   3