Close this window

ฉลอง ๑๐๐ บางบาลสืบสานบรรพชน"นายขนมต้ม"
ฉลอง ๑๐๐ บางบาลสืบสานบรรพชน"นายขนมต้ม"
ถิ่นฐานบ้าเกิดนายขนมต้มเป็นชาวบางบาล อยุธยา ผมโชคดีได้อ่านหนังสือ "ฉลอง ๑๐๐ ปีบางบาล" ร่วมสืบสานมรดกโลก เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี (พุทธศักราช ๒๕๓๙) ในครั้งนั้นมีท่านบรรจง กันตวิรุฒิ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านชลอ ใบเจริญ เป็นนายอำเภอบางบาล ได้ร่วมกันจัดทำหนังสือดังกล่าว โดยรวบรวมท่านผู้รู้ ปราชญ์ ภูมิปัญญาชาวบ้านมาตั้งวงเสวนาและช่วยกันเขียนเรื่องราวของอำเภอบางบาลในแง่มุมต่างๆ เช่น ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง บางบาล หนังตะลุงอยุธยา ชุมชนใต้ต้นสะตือ คิดถึงคลองมหาพราหมณ์ ค่ายพม่าที่สีกุก โรงเรียนคริสต์ศาสนาแห่งแรกของไทย ตาช้างยายพลับ นายเขียวบางบาล นายขนมต้ม เป็นต้น

ผมสนใจเรื่องนายขนมต้มเป็นพิเศษจึงได้ศึกษาจากท่านผู้รู้ (คุณศักดิ์ชัย รัชนีกร) พบว่านายขนมต้ม เกิดวันอังคาร เดือนยี่ ปีมะเมีย พ.ส. ๒๒๙๓ ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ครั้งกรุงศรีอยุธยา ที่บ้านกุ่ม (ปัจจุบันคือ ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) บิดาชื่อนายเกิด มารดาชื่อนางอี่ มีพี่น้อง ๒ คนคือ
๑.นางเอื้อย ถูกพม่าฆ่าตายเมื่อเล็กๆ
๒.นายขนมต้ม

นายขนมต้มต้องอยู่วัดตั้งแต่เล็กๆ อายุประมาณ ๑๐ ขวบ พ่อแม่ถูกพม่าฆ่าตายหมด และเริ่มฝึกวิชามวยไทย ตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่ม จนในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ กรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่า จึงถูกกวาดต้อนไปเมืองพม่า

นายขนมต้มได้สร้างชื่อเสียงให้กับกรุงศรีอยุธยาและชาติไทย โดยอาศัยความสามารถในเชิงหมัดมวย ดังข้อความตอนหนึ่งว่า...

ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เรามีนักมวยไทย คือ นายขนมต้ม ออกไปแสดงฝีไม้ลายมือถึงเมืองพม่า การชกมวยของนายขนมต้มนั้น ทางวงการมวยของเราได้ถือเป็น"วันนักมวย" คือ วันที่ ๑๗ มีนาคม ในพงศาวดารกล่าวว่า เมื่อพระเจ้าอังวะโปรดให้ปฏิสังขรณ์และก่อเสริมพระเจดีย์เกศธาตุในเมืองร่างกุ้งเป็นการใหญ่นั้น ครั้นงานสำเร็จลงในปี พ.ศ.๒๓๑๗ พอถึงวันฤกษ์งามยามดี คือวันที่ ๑๗ มีนาคม จึงโปรดให้ทำพิธียกฉัตรใหญ่ขึ้นไว้บนยอดเป็นปฐมฤกษ์ แล้วได้ทรงเปิดงานมหกรรมฉลองอย่างมโหฬาร

ขุนนางพม่ากราบทูลว่า "นักมวยไทยมีฝีมือดียิ่งนัก" พระเจ้าอังวะจึงตรัสสั่งให้เอาตัว นายขนมต้มนักมวยดีมีฝีมือตั้งแต่ครั้งกรุงเก่ามาถวาย พระเจ้าอังวะได้ให้จัดมวยพม่าเข้ามาเปรียบ (ชก) กับนายขนมต้ม โดยจัดให้ชกต่อหน้าพระที่นั่ง ปรากฏว่านายขนมต้มชกพม่าไม่ทันถึงยกก็แพ้ถึงเก้าคนสิบคนก็สู้ไม่ได้ พระเจ้าอังวะทอดพระเนตรยกพระหัตถ์ตบพระอุระตรัสสรรเสริญนายขนมต้มว่า "ไทยมีพิษทั่วตัว แม้แต่มือเปล่าไม่มีอาวุธเลย สู้ได้คนเดียวชนะถึงเก้าคนสิบคน" ฉะนั้นวันมีชัยของนายขนมต้ม คือวันที่ ๑๗ มีนาคม จึงถือเป็นวันเกียรติประวัติของนักมวยไทย

สำหรับชาวพระนครศรีอยุธยา ได้สำนึกในบุญคุณของนายขนมต้มและถือเป็นเกียรติศักดิ์คนดีศรีอยุธยา จึงได้พร้อมใจกันสร้าง"อนุสาวรีย์นายขนมต้ม" ไว้ที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นอนุสติเตือนใจและให้ลูกหลานไทยยึดถือเป็นแบบอย่างสืบไป.

ป้าย (คำหลัก): หอจดหมายเหตุ
โดย: Joke Isuzu   วันที่: 22 Jan 2007 - 13:39