Close this window

ขอความเห็นผู้ใช้ bt - 50 ครับ
ผมต้องขอโทษที่ต้องลงเรื่องที่ค่อนข้างยาวนิดนึงนะครับแต่อยากได้คำตอบจากทุกท่าน
ผมเป็นผู้หนึ่งที่ซื้อ mazda BT-50 มาใช้งานเนื่องด้วยคันเก่าใช้ mazda magnum ใช้มานานมากแล้วยอมรับว่าเป็นรถที่ดีช่วงล่างดีมาก แต่เนื่องด้วยสภาพราคาน้ำนันจึงต้องการประหยัดบวกกับ mazda ออกเครื่องcommon rail ที่ลงว่าประหยัดขึ้น กว่ารุ่นก่อน 20%ทำให้ตัดสินใจซื้อ bt 50 v-hi ซึ่งก่อนซื้อได้สอบถามทางผนักงานขายแล้วได้รับการยืนยันว่า14กม /ลิตรในเมืองวิ่งจริงและได้รับคำตอบว่ารุ่นก่อนขับ4 วิ่งได้11กม./ลิตร เขาไปtest ขับจริงกับลูกค้ามาผมรับรถเมื่อวันที่ 25 - 5 - 49 ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการกินน้ำมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทางผนักงานขายบอกออกออกจากศูนย์ผมเข้าปั้มเพื่อเติมน้ำมันเต็มถังวิ่งอยู่3วันผมเช็กน้ำมันประมาณวิ่งประมาณ 250-260 กม. กินอยู่ที่8.5กม./ลิตร ผมโทรไปหาเพื่อนซึ่งออก isuzu 2.5 4ประตู เมื่อประมาณปีที่แล้วได้รับคำตอบว่าถังแรกรถเขาก็เป็นวิ่งได้ไม่ถึง400กม.ผมจึงรอดูจนพ้น500กม.ปรากฎว่าไม่มีอาการดีขึ้นยัง8.5 กม.ประจวบกับรถผมกระจกหน้าแตกจึงเข้าไปที่ศูนย์เพื่อประสานงานเปลี่ยนกระจกให้ประกอบกับแอร์ที่ไล่ฝ้าออกตลอดเวลาผมได้เข้าไปหาผนักงานขายแจ้งเรื้องให้ทราบทั้งหมดแต่เรื่งอน้ำนันผมแจกว่าผมจะลองดูว่าจะดีขึ้นไหมก่อน 1000 กม.ผนักงานขายประสานงานเปลี่ยนกระจกให้แล้วพาไปพบช่าง เพื่อจัดการเรื่องแอร์ออกที่ไล่ฝ้าด้านหน้า ช่างได้เอารถtest drive มาให้ผมดูปรากฏว่าเป็นเหมือนกัน คือมีแอร์ออกที่ไล่ฝ้าตลอด แล้วผมได้แจ้งเรื่องการกินน้ำมันให้ช่างทราบยังได้รับคำตอบว่าเป็นไปไม่ได้เพราะรถtest driveเขาใช้วิ่งเอาของด้วยลูกน้องขับก็ยังประหยัดกว่ารุ่นเก่ามากผมก็บอกช่างว่ามั้นเป็นเรื่องจริง ซึ่งด้วยความเชื่อของผมที่ว่ามั้นอาจกินในช่าวแรกจึงไม่ได้ให้ช่างตรวจเช็คซึ้งพอพ้น1000กม.มาแล้วมันดีขึ้นจริงมาอยู่ที่ประมาณ 9.5-10กม./ลิตร ซึ่งผมได้กลับไปที่ศูนย์อีกครั้งและได้นำผนักงานขายไปทดสอบปรากฏว่าได้11.5กม/ลิตร ซึ่งเป็นอัตราที่ดีขึ้นผมจึงคิดว่ามันน่าจะดีขึ้นแต่ในความเป็นจริงปัจจุบันวิ่งมาประมาณ1700กมอัตราการกินอยู่ที่9-10.5กม./ลิตร วิธีการขับเหมือนเดิมคือการออกตัว800-1200รอบต่อนาทีขับปกติเปลี่ยนเกียร์1500-2000รอบต่อนาที เร่งแซงไม่เกิน2400รอบ/นาทีความเร็วที่ใช่ไม่เกินสูงสุด100-110กม./ชม.ไม่บรรทุกขอบหนักวิ่งปกติในเมืองรถไม่ติดมากมายอะไรปกติคำถามที่ผมอยากทราบมีดังนี้
1 ) อาการของไล่ฝ้ากระจกหน้าของคันอื่นแอร์ออกตลอดเป็นเหมือนกันหรือไม่
2) อัตราการกินน้ำมันของรถรุ่นนี้ที่ใช้จริงบนถนนกทม.ว่าเป็นเท่าไร
3) แล้วมีใครเคยเจออาการแบบเดียวกัผมบ้างที่กินน้ำมันในช่วงแรกแล้วมันจะดีขึ้นอีกไหม
4) ถ้าคุนเป็นผมคุณคิดว่าควรทำอย่างไรครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยตอบคำถามแล้วอุส่าเสียสละเวลามารับทราบปัญหาถ้าได้แนวทางหรือแก้ไขปัญหาได้ผมจะมาแจ้งให้ทราบ
โดย: รัก   วันที่: 16 Jun 2006 - 23:16


 ความคิดเห็นที่: 1 / 13 : 202211
โดย: momo
กะว่าจะเปลี่ยนเหมือนกัน ชักสงสัยแล้วสิ ก้อแฟนผมเค้าอยากได้อ่ะ เค้าว่ามันดูดี hi-v เนี่ยะ
วันที่: 17 Jun 06 - 02:31

 ความคิดเห็นที่: 2 / 13 : 202228
โดย: PPP
ปัญหาหลักที่ผมพอจะทราบมาของรถรุ่นนี้คือ ช่องแอร์มีปัญหา บางคันแอร์ไปรั่วออกด้านล่างก็มี (ขาคนขับ) ปรับไงก็ออกอยู่ดี ไม่รู้ว่าเกิดจากปัญหาการประกอบหรือไม่...
เรื่องกินน้ำมันนั้นก็น่าจะประมาณนี้นะคับ เพื่อนผมออก preruner ก็เห็นในเมืองก็วัดได้เท่าๆนี้แหละคับ รถเครื่องใหญ่วิ่งในเมืองก็กินกันทั้งนั้นแหละคับ ทั้งนี้ทั้งนั้นการวัดว่ากินเท่าไหร่นั้น อย่าเอาความกังวลเข้าไปใส่นะครับเดี๋ยวจะวัดได้น้อยลงเรื่อยๆ ส่วนอาการกินในช่วงแรกนั้นมีจริงไม่ต้องตกใจคับ เครื่องเครามันยังไม่เข้าที่
M ออกแบบให้ ZoomZoom ปกติขับก็มักจะเปลืองกว่ารถรุ่นอื่นนิดหน่อย ยิ่งความเร็วปลายแล้ว น่าจะเปลืองกว่ากันอยู่
ถ้าผมเป็นคุณจะทำอย่างไร อย่าคิดมากเรื่องกินน้ำมัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่ตัวเรา+ความเร็ว isuzu ขับแข่งประหยัดน้ำมันเค้าใช้ความเร็วกันอยู่ที่ 57 เองนะคับ ถ้าอยากให้ประหยัด ผมว่าน่าจะขับช้าลงมาอีกหน่อยซัก 80-90 นะ ส่วนแอร์นั้น ถ้าไม่มีปัญหาในการขับ ก็ชั่งมันเถอะคับ เพราะเท่าที่บอกมา ดูท่างานนี้0ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าจะเอาจิงคงต้องตื้อให้รื้อประกอบใหม่ แต่ของใหม่ๆถูกรื้อแล้วทำใจได้เลยว่าประกอบไม่เหมือนเดิมแน่
วันที่: 17 Jun 06 - 09:20

 ความคิดเห็นที่: 3 / 13 : 202249
โดย: Green Rabbit
หนับหนุนคุณPPPด้วยคน
อย่าไปคิดมากครับเครียดป่าวๆ เอาเวลาที่ไปหาข้อบกพร่อง(อาจคิดไปเองก็ได้)ของรถ ไปหาข้อดีของมันดีกว่า จาได้อยู่กับมันอย่างมีความสุขคับ แต่ถ้าหาแล้วไม่มีไรดีเรยยก็ขายไปครับสบายใจกว่าเนอะ
วันที่: 17 Jun 06 - 10:57

 ความคิดเห็นที่: 4 / 13 : 202275
โดย: pik77
1. Magnum ประหยัดกว่า BT-50 นะครับ ในสภาวะการใช้งานปกติ แต่ถ้าขับแข่งประหยัดแล้ว BT-50 ประหยัดกว่า อันนี้ งงแน่ๆ ครับ เรื่องมันยาววววว

2. รถใหม่ ช่วงแรกจะกินน้ำมันมากกว่าปกติ ครับ อันนี้เป็นปกติ กว่าจะเข้าที่ ก็ต้องพ้น 3000 กม. ไปแล้ว

3. รอบการเร่ง และเปลี่ยนเกียร์ ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ประหยัดครับ แต่อัตราที่รอบเปลี่ยนไปต่างหาก ที่เป็นประเด็น เช่น ปกติคุณรักเหยียบคันเร่งสุด แล้ว 2000 รอบเปลี่ยน กับเหยียบน้อยๆ ค่อยๆ ไหลออก แล้ว 2000 รอบเปลี่ยน แค่นี้ก็แตกต่างกันเยอะแล้วครับ

4. ความเร็วรถคันนี้ที่ประหยัดที่สุด คือ 85 กม/ชม นะครับ ไม่ใช่ 110
รอบน่าจะอยู่ประมาณ 2400 รอบครับ

5. ลมยาง ก็มีผลนะครับ ลองเช็คดูว่าได้ตามสเปกหรือเปล่า ถ้าคิดว่าขับแข็งแล้วและอยากประหยัดจริงๆ ให้สูบลมสูงขึ้นอีก 2 ปอนด์ ครับ แต่ระวังนะ เพราะรถจะเสียการควบคุมได้ง่ายขึ้น แต่ก็ประหยัดขึ้น

6. เวลาเปลี่ยนเกียร์ อย่าลากรอบไปจนเทอร์โบทำงานแล้วค่อยเปลี่ยน นั่นจะกินครับ พยายามให้เทอร์โบทำงานน้อยครั้งที่สุด นั่นคือประหยัดที่สุดครับ (เฉพาะเวลาขับในเมืองที่ความเร็วต่ำเท่านั้น)

นอกนั้น มางานมีตติ้งละกันครับ แล้วจะบอกให้ ขี้เกียจพิมพ์แล้ว
วันที่: 17 Jun 06 - 13:48

 ความคิดเห็นที่: 5 / 13 : 202337
โดย: รัก
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบคำถามผมยังรอคำตอบอยู่เสอมครับแล้วจะลองใช้ให้ถึง3000กม.แล้วจะแจ้งผลให้ทราบแอร์ผมก็ออกที่ขาเหมือนกันครับแต่ที่กระจะมันขึ้นเป็นไอน้ำเลยอะครับและผมก็คิดว่าคงเป็นอย่างที่คุณpppบอกว่างานนี้ 0 คงช่วยอะไรไม่ได้อะครับ ส่วนเรื่องการขับผมไม่ได้เป็นคนขับรถกระชากครับค่อยๆเหยียบให้รอบค่อยๆขึ้นเป็นปกติครับ แต่ผมยังไม่เคยเช็คลมยางเพราะออกจาก 0 มายังไม่เคยเช็คเลย รบกวนขอความรู้อีกข้อนะครับคุณ pik77 เทอร์โบทำงานที่เท่าไรครับพอทราบไหมครับผมอยากทราบอะครับไม่ทราบจริงๆแล้วจะลองทำตามที่ทุกท่านแนะนะครับไม่เกิน 85 กม./ชั่วโมง
วันที่: 17 Jun 06 - 22:26

 ความคิดเห็นที่: 6 / 13 : 202351
โดย: topteam
ได้มาแล้วครับ........
ผมใช้มาประมาณ 1 อาทิตย์.....ตัว2.5 ไฮ ตัวเดียวกับพี่เลย
ติดใจอัตราเร่ง....ได้ดั่งใจดีจิงๆ......ลืมไฟเตอร์คันเก่าไปเลย
ห้องโดยสารภายในเงียบดีครับ เงียบก็เก๋งบ้างรุ่นอีก ช่วงล่างก็ยังหนืบเหมือนเดิมครับ
อัตราการบริโภคก็พอรับได้ครับ
110-120 ประมาณ 13.5 โล/ลิตร
90-100 ประมาณ 16 โล/ลิตร
ผมอยู่หัวหินครับรถไม่ค่อยติดอะ
คำนวณคร่าวๆนะครับ
แต่เขาล็อคที่ 160 จิงๆอะ.....นานจะได้เห็นกระทู้ BT-50 ซะที ดีใจจังกำลังหาพวกอยู่
ส่วนมากจะเข้า ไป fordclub.net
แค่นี้แหละครับ....กำลังลุ้นทีมเชค.......อยู่พอดี
วันที่: 18 Jun 06 - 00:09

 ความคิดเห็นที่: 7 / 13 : 202392
โดย: bhp =^.^=
ใช้มาแล้ว 2 อาทิตย์ 4 ประตู 4x4 เครื่อง 3000...ใช้ทางยาวตลอด (ใจจริงอยากได้เครื่อง 2.5 แต่ ไม่มี)
รอบแรก แรกวิ่ง 130 - 150 ได้ 9.5 กม/ลิตร ....เร่งแบบไม่ได้ยั้งเท้าเท่าไหร่ (2.5 คันเก่า 8 - 9 แค่นั้นตลอด)
รอบ 2 วิ่ง 110 -130 ...ได้ 12.5 กม/ลิตร ...เร่งแบบยั้งเท้าไว้พอประมาณ
รอบ 3 วิ่ง 100 - 120 แต่ได้ 11.5 ..แต่ขับๆ จอดๆ บ่อย ไม่ใช่แบบทางยาว.....เร่งแบบยั้งๆ เท้าไว้เหมือนกัน
ในเมืองยังไม่ได้ลองครับ
ข้อสังเกตุ......
1. สำหรับรุ่น 2.5 V-Hi กับรุ่น 3.0 4x4 อัตตราทดเกียร์เฟืองท้าย และขนาดยางมีขนาดเท่ากันทุกประการ....ดังนั้นในเรื่องของการใช้งานในเมือง หรือนอกเมืองก็ตามที 2.5 น่าจะทำได้ดีกว่านะ เครื่องเล็กกว่าแต่กำลังก็เหลือๆ อยู่แล้ว.... แต่เรื่องอัตตาเร่งอาจจะสู้ 3.0 ไม่ได้

2. ถ้าจะขับให้ประหยัดสำหรับรถที่มีกำลังมากๆ ...ต้องควบคุมคันเร่งให้ดี ค่อยๆ เหยียบคันเร่งเอากำลังออกมาเท่าที่จำเป็น... ผมเองก็เป็น คอยจะเผลอเหยียบเพลินกับอัตตราเร่ง...ก็จะบริโภคน้ำมันมากเป็นธรรมดา และก็เป็นเหมือนกันทุกยี่ห้อ.... ยังไงลองปรับความคุ้นเคยกับรถอีกสักพักน่าจะดีขึ้นครับ

3. เปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไป ก็ใช่ว่าจะประหยัดนะ ของผมเครื่อง 3.0 ยังเปลี่นที่ 2000 นิดๆ เลยอ่ะครับ คือจะเปลี่ยน แล้วไม่ให้รอบตกลงมาต่ำกว่า 1500 รอบ เพราะถ้าเปลี่ยนที่รอบต่ำเกินไป เวลารอบตกลงมาต่ำมากๆ การที่จะ เร่งความเร็วขึ้นไป ยิ่งจะต้องใช้กำลังมาก เนื่องจากโมเมนตั้มต่างๆ มันจะมีน้อย
.....หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ ในขณะขับรถถ้ายังต้องการที่จะเพิ่มความเร็วรถขึ้นไปเรื่อยๆ ก็ไม่ควรจะรีบร้อนเปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไปนัก เพราะการ เร่งความเร็วด้วยอัตราทดเกียร์ที่มากๆ (เกียร์ต่ำ)เครื่องยนต์ก็จะใช้กำลังน้อยกว่าการเร่งความเร็วด้วยอัตราทดเกียร์ต่ำๆ (เกียร์สูง)...และต้องดูความเร็วรถในขณะนั้นประกอบกันด้วย......

ในส่วนตัวพอใจ กับเจ้า 3.0 คันนี้นะไม่ได้หวังว่ามันจะประหยัดมากมายกับรถเครื่งใหญ่ๆ กำลังมากๆ ล้อโตๆ.... (ใจจริงก็ยังอยากได้เครื่อง 2.5 อยู่ดีอ่ะ น่าจะประหยัดกว่านี้)..เพราะกำลังและอัตราเร่งที่ได้มาเทียบกับอัตราการกินน้ำมัน กับตัวเก่า ถือว่าโครตคุ้มแล้ว..... ปัญหาอื่นๆ ยังไม่พบอ่ะ
วันที่: 18 Jun 06 - 12:02

 ความคิดเห็นที่: 8 / 13 : 202559
โดย: น้องนัทน้อย
ได้ความรู้จากพี่ ๆ ในกระทู้นี้อีกแล้ว ดีมากเลยฮะ จะได้เตรียมใจเรื่องน้ำมันในช่วงแรกเนาะ
งวดหน้าจะแวะมาดูดความรู้จากพี่ ๆ อีกนะฮะ ขอบคุณฮะ
วันที่: 19 Jun 06 - 10:51

 ความคิดเห็นที่: 9 / 13 : 202671
โดย: rawd
แรงบิดสูงสุดมาที่ 1,800 รอบ ก็ไม่ต้องลากเกียร์ให้มันถึง 2,000 รอบ หรอกครับ เปลืองน้ำมันผมเปลี่ยนเกียร์รอบเครื่องยังไม่ถึง 1,200 ด้วยซ้ำมั๊ง ก็ได้ 13-15 ในเมืองนครพนม ขับ ๆ จอด ๆ ส่วนช่องแอร์พึงเจอเมื่อเช้าครับ บิดไปบิดมามันประท้วงออกทุกช่องซะเลย แล้วเจออย่างผมมั๊ยครับ คืองานสีไม่ดี ใช้รถมาเดือนกว่า ๆ มีรอยบุ๋มตรงกระบะเฉยเลย ลูบไม่รู้สึก ต้องส่องกับแดดครับ
วันที่: 19 Jun 06 - 16:23

 ความคิดเห็นที่: 10 / 13 : 202727
โดย: pik77
ตอบคุณรัก

จริงๆ ผมยังไม่ได้ลองนะครับ เลยไม่รู้ว่ารอบทำงานเทอร์โบอยู่ที่เท่าไหร่ แบบเป๊ะๆ
แต่เท่าที่ดูจากสเปก เข้าใจว่าจะเป็นที่ 1800 รอบครับ

ที่คุณกุ้ง bhp พูดถูกต้องแล้วนะครับ แต่ไม่ต้องห่วงว่า จะเปลี่ยนเกียร์เร็วเกินไปหรอกครับ เพราะยังไง BT-50 มันเซ็ตเกียร์มาชิดกันมากๆ อยู่แล้ว ต่อให้เปลี่ยนที่ 1800 รอบ รอบก็จะไม่ต่ำเกินไปจนรถไม่มีแรงหรอกครับ เพียงแต่ เวลาที่เปลี่ยนในรอบแบบนี้ คุณจะรู้สึกได้ถึงรถกระบะรุ่นเก่าๆ แบบ Magnum ที่เหยียบไปมีแต่เสียง แต่รถไม่ค่อยไป ประมาณนั้น

ปล. ถ้าผมเป็นคุณกุ้ง ผมเลือก 3.0 แบบไม่ลังเลครับ เพราะส่วนตัว รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร อิอิอิ
วันที่: 19 Jun 06 - 22:03

 ความคิดเห็นที่: 11 / 13 : 202911
โดย: bhp =^.^=
อ่ะนะ... มีคนรู้ทันอีกแระ....

...ครับ ถ้าเป็นช่วงที่ยังอยู่ในเกียร์ต่ำ ๆ เช่น 1 ไป 2 ไป 3 สามารถเปลี่ยนเกียร์ที่รอบต่ำหน่อยได้ แต่ถ้าเป็น 3 ไป 4 ไป 5 ผมว่าสูงขึ้นมาอีกหน่อยก็ดีอ่ะครับ (ในกรณีที่ยังต้องการเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกเรื่อยๆ )....เพราะอัตตราทดเฟืองท้ายเขาก็เซ็ทมาต่ำมากๆเหมือนกันนะ จากตัวเดิมอยู่ที่ 4.4 พอมาเป็นตัวใหม่ กลายเป็น 3.7 ในรุ่นตัวสูง และเป็น 3.4 ในตัวขับสองปกติ ซึ่งหนักเอาการอยู่เหมือนกัน......
วันที่: 20 Jun 06 - 18:09

 ความคิดเห็นที่: 12 / 13 : 205572
โดย: TOY
ผมใช้ bt 50 2500cc อยู่สาบานใด้ว่าประหยัดพอกะอีซุซุ
วันที่: 02 Jul 06 - 23:07

 ความคิดเห็นที่: 13 / 13 : 230863
โดย: ดำเกิง
ผมใช้ ฟอร์ด 2.5 Hi Rider ก็ประหยัดดีหนิครับ ผมว่ารถเดี๋ยวนี้มันก็พอๆ กันทั้งนั้นแหละครับ สำหรับระบบคอมมอลเรล มานต้องมาดูที่เท้าแล้วหละครับ ว่าของใครหนักกว่ากัน
วันที่: 21 Oct 06 - 22:35