Close this window

มอเตอร์ โฟกัส
ขับแทนคุณ: มาสด้า 3 1.6 ลิตร ต้นร้าย...ปลายดี
ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ทดลองขับมาสด้า 3 รุ่นท็อปสุด ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และก็ได้รายงานให้คุณๆ ได้อ่านกันไปแล้ว จากนั้นในช่วงต้นปี ผมก็มีโอกาสได้สัมผัสเจ้ามาสด้า 3 แบบซีดานอีกครั้ง แต่มาคราวนี้เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร และมีโอกาสได้ขับอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์เต็มๆ ใช้ระยะทางไปทั้งสิ้นกว่า 2,000 กิโลเมตร


ก็คงต้องบอกว่า มาสด้า 3 เป็นรถยนต์ขนาดคอมแพ็คคาร์ เพียงรุ่นเดียวในตลาด ที่มีให้เลือกทั้งในแบบซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบ็ค 5 ประตู แต่ในแบบแฮทช์แบ็คนั้น มีเฉพาะในรุ่นเครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี เท่านั้น

สำหรับมาสด้า 3 เครื่องยนต์ขนาด 1,600 ซีซี ในปัจจุบัน มีให้เลือกถึง 3 รุ่น 3 ราคา ได้แก่

- รุ่น เอส เกียร์ธรรมดา ราคาจำหน่าย 7.79 แสนบาท

-รุ่น เอส ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ ราคาจำหน่าย 8.09 แสนบาท

-รุ่น วี ระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ ราคาจำหน่าย 8.29 แสนบาท

ซึ่งในรุ่น 1.6 เอส นั้นเป็นรุ่นเดียวที่มีระบบเกียร์อัตโนมัติ และเกียร์ธรรมดา และที่แตกต่างไปจากรุ่นอื่นๆ อย่างชัดเจนเลยก็คือ รุ่นนี้จะมีขนาดล้ออัลลอยเล็กกว่ารุ่นอื่น คือ ขนาด 15 นิ้ว

ส่วนระบบเบรก ก็จะเป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม กล่าวคือ เบรกที่ล้อหน้าจะเป็นแบบดิสก์เบรก และด้านหลังนั้นจะเป็นแบบดรัมเบรก

กล่าวอย่างง่ายๆ ก็คือ ในรุ่น 1.6 เอส นี้เป็นรุ่นประหยัดที่สุด สำหรับรถในตระกูลมาสด้า 3 ที่มีจำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง

ส่วนในรุ่น 1.6 วี ซึ่งรุ่นที่ผมได้รับสิทธิครอบครองมันอยู่ 1 สัปดาห์เต็มๆ รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่เจ๋งที่สุดของเครื่องยนต์ ขนาด 1,600 ซีซี ซึ่งก็มีออปชั่นมากกว่าในรุ่น 1.6 เอส ที่เห็นหลักๆ เลยก็ตรงที่ล้ออัลลอยมีขนาดใหญ่กว่าคือ 16 นิ้ว ระบบเบรกก็แตกต่างกัน ในรุ่นนี้จะเป็นระบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ

ส่วนภายในห้องโดยสาร โดยภาพรวมก็คล้ายกับในรุ่น เอส เป็นเบาะกำมะหยี่โทนสีเบจเหมือนๆ กัน ทำให้บรรยากาศภายในดูกว้างขวาง สบายตา แต่ส่วนที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับในรุ่น วี ก็คือ พวงมาลัย แบบมัลติฟังก์ชัน ช่วยให้คุณๆ สามารถควบคุมเครื่องเสียงได้ง่ายดายขึ้นในขณะขับขี่ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะมีคล้ายๆกัน

สำหรับเครื่องยนต์ของรุ่น 1.6 นี้เป็น เครื่องยนต์ ตระกูลเอ็มแซดอาร์ แบบ 4 สูบ ขนาด 1,598 ซีซี แถวเรียง ดับเบิลโอเวอร์แคมชาฟท์ (DOHC) ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 145 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์

ในเรื่องของความหรูหราภายในห้องโดยสาร จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก พวงมาลัยก็สามารถควบคุมการทำงานของวิทยุได้อีกด้วย ซึ่งในรถระดับเดียวกันนี้ไม่มียี่ห้อไหนเลยที่ติดตั้งพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ก็เรียกได้ว่า ถึงแม้จะเป็นห้องโดยสารของรถขนาดเพียงแค่ 1.6 ลิตร แต่ก็ดูหรูหรา สะดวกสบาย เบียดรถรุ่นใหญ่ๆ ได้สบาย

สมรรถนะของการขับขี่นั้น เท่าที่ผมมีโอกาสขับตะลอนๆ พร้อมผู้ร่วมโดยสารอีก 3 คน และสัมภาระอีกกองใหญ่ อยู่ทั่วเมืองเหนือ ทั้งเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 2,067 กิโลเมตร ใช้น้ำมันไปทั้งหมด 185.48 ลิตร อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 11.143 กิโลเมตรต่อลิตร

ต้องยอมรับว่า ในช่วงต้นอัตราเร่งอาจจะดูอืดๆ ไปสักหน่อย ไม่ปรู๊ดปร๊าดเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อยามขึ้นเขา ขึ้นเนิน แต่ก็มีระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะมาช่วย พอให้เราได้สนุกสนานขึ้น สำหรับในช่วงกลาง จังหวะเร่งแซง สักความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าทำได้ดี ไม่ทำให้ต้องลุ้น ต้องเสียว และในช่วงท็อปสปีด หรือความเร็วปลาย ถือว่าเป็นทีเด็ดของเจ้ามาสด้า 3 1.6 ลิตร ตัวนี้เลยทีเดียว โดยสามารถทำได้ถึง 194 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

สำหรับระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท โช้คอัพ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ มัลติลิงค์ (E type) โช้คอัพ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง ซึ่งออกจะกระด้างนิดๆ ตามสไตล์มาสด้า ในเรื่องการยึดเกาะถนนถือว่าสอบผ่านเส้นทางโค้ง คดเคี้ยวของเมืองเหนือได้อย่างสบายๆ ไม่รู้สึกโคลง หรือโยนตัว

ส่วนระบบบังคับเลี้ยว หรือว่าพวงมาลัย อาจจะรู้สึกว่าเบา และหวิวไปหน่อย สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย แต่เมื่อขับไปสักพัก และปรับตัวเข้าหากันได้แล้ว ก็ถือว่ามีความแม่นยำใช้ได้ ยิ่งพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชัน ยิ่งทำให้เราปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับการควบคุมเครื่องเสียงด้วยปลายนิ้ว โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย

ทางด้านระบบความปลอดภัยก็ไม่แตกต่างไปจากรถยนต์รุ่นอื่นๆ ทุกอย่างมีเพรียบพร้อมเหมือนกัน ทั้งถุงลมนิรภัย โครงสร้างก็เป็นโครงสร้างนิรภัย ระบบเบรกเอบีเอส เป็นต้น

ก็ถือว่ามาสด้า 3 1.6 ลิตร เป็นรถที่น่าสนใจคันหนึ่งเลยทีเดียว แต่โดยส่วนตัวเท่าที่ได้ขับทั้งรุ่น 1.6 และ 2.0 ลิตร แล้วต้องยอมรับว่า ถ้าหากไม่มีปัญหาเรื่องกำลังทรัพย์ รุ่น 2.0 น่าสนใจกว่าเยอะ...แต่ถ้างบประมาณมีจำกัด รุ่น 1.6 ก็ไม่น่ามองข้าม ก็เอาเป็นว่าถ้าคุณๆ มีโอกาส ลองแวะไปที่โชว์รูมมาสด้า ทดลองขับทั้ง 2 รุ่นดูละกัน จะได้รู้ว่า ซูม...ซูม...สไตล์มาสด้านั้นเป็นอย่างไร

จาก คมชัดลึก อาทิตย์ที่ผ่านมา
โดย: Newuser   วันที่: 8 Mar 2005 - 13:23