Close this window

มารู้จักกับระบบเบรก ABS กัน
ขอแนะนำให้รู้จักกับ ระบบเบรค ABS system หลายคนคงเคยได้ยินกันมาเยอะพอควรแล้ว (รถของท่านอาจจะมีติดตั้งอยู่นาน แล้วก็เป็นได้) แต่ถามว่ามีความเข้าใจในระบบนี้ และการทำงานของมันแค่ไหน คงตอบได้ยาก เราจึงหาข้อมูลมาให้ดูกันว่าการ ทำงานของมันทำอย่างไร ทำอะไรบ้าง คุ้มกับเงินที่เสียไปแค่ไหน (รับรองได้ว่าเขาเก็บเงินเพิ่มขึ้นแน่นอน ไม่ได้ให้ฟรีติดรถมา หรือหาเก็บเงินไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่แล้วครับ) แล้วเวลาเบรครถกระทันหันมันจะช่วยรักษาชีวิตของคุณมากน้อยเพียงไร.

คงยังมีผู้ใช้รถหลายท่านที่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับระบบเบรค ABS ว่ารถยนต์ที่ติดตั้งระบบนี้จะ ทำให้ระยะในการเบรคน้อยลง หรือทำให้สามารถหยุดรถได้โดยทันทีในขณะคับขัน ซึ่งโดยความจริงแล้ว หากเราใช้รถยนต์โดยความเร็วเดินทางคือเฉลี่ย 80 - 100 กม./ชม.นั้นการเบรคเพื่อหยุด โดยทันทีอาจไม่ ใช่ทางที่ท่านปลอดภัยที่สุดแต่ขณะหยุดรถยังสามารถบังคับรถได้โดยสมบรูณ์ และยังสามารถหลบหลีกได้ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะฉะนั้นระบบเบรค ABS จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อความปลอดภัยวันนี้ เราจึงขอ แนะนำ การทำงาน และปัจจัยสำคัญของระบบ ABS กันครับ

ABS คืออะไร? ABS คือระบบ Anti Brake Lock System หรือที่
เรียกว่า ระบบป้องกันล้อล็อคตาย ในอดีตระบบ ABS นั้นจะติดตั้งมากับรถสปอร์ตที่มี กำลังสูงหรือรถยนต์นั่งที่มีราคาแพงเท่านั้นแต่มาในปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตต่างคำนึงถึง ความปลอดภัยของผู้บริโภคมากขึ้นจึงมีการติดตั้งระบบ ABS ในรถยนต์นั่งที่ตนผลิต ออกมาเกือบทุกรุ่น แต่ว่าจะแตกต่างกันไปโดยเหตุผลการใช้รถแต่ละแบบเช่นการ ติดตั้งระบบ ABS ในรถกระบะระบบก็จะแตกต่างจากระบบที่ติดตั้งในรถยนต์นั่งบุคคล
เพราะว่ามีสมรถนะแตกต่างกันไป ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายอย่าง ของรถยนต์แต่ละคันอีกด้วย

การทำงานของระบบ ABS เมื่อมีการเบรคโดยขณะที่ความเร็วสูงเกินกว่า 8 กม ต่อชม. ระบบจะทำงานโดยจะมีเซ็นเซอร์สั่งจ่ายน้ำมันควบคุมด้วยไฟฟ้าสั่งจ่ายน้ำมัน เบรค ไปยังฝักเบรค เพื่อดันลูกสูบเบรคเป็นจังหวะภายในเสี้ยววินาทีโดยที่ผู้ขับขี่จะยัง สามารถควบคุมรถของตนให้หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้โดยที่ล้อจะไม่ล็อคตาย ซึ่งถือเป็น ข้อดีของระบบที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถตัดสินใจหักหลบสิ่งกีดขวางโดยที่ยังสามารถควบคุม รถให้อยู่ในเส้นทางเดิมได้ ซึ่งจะต่างจากระบบที่ไม่มี ABS เพราะหากหักหลบในขณะ เบรคนั้นแทนที่จะปลอดภัยอาจกลับกลายเป็นความเสียหายมากขึ้นก็เป็นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้หมายความว่ามีระบบนี้ติดตั้งแล้วท่านจะ สามารถหยุดรถยนต์ขณะความเร็วสูงได้โดยไม่มีอันตรายนะครับ ยังมีปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับระบบอยู่อีกหลายอย่างเช่น ความ พร้อมของรถยนต์, ระบบช่วงล่าง, หรือแม้กระทั่งสภาพพื้นผิวของ ถนนเอง ยางรถยนต์ก็เป็นสิ่งเกี่ยวเนื่องกับการทำงานของระบบ ABS

ระบบข่วงล่างที่ดี ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบเบรค ABS เป็นอย่างมาก เพราะ หากมีระบบเบรคที่ดีเพียงใดแต่หากช่วงล่างไม่สมบูรณ์พอ แล้วละก็รับรองได้ว่า ไม่เสาไฟหน้า ก็ข้างทางนั่นละครับที่รถจะหยุดได้ ฉะนั้นจึงควรทำการเช็คช่วงล่าง รถของท่านให้สมบูรณ์ อยู่เสมอหากมีเสียงดังจากช่วงล่าง หรือมีอาการผิดปกติ ในการขับขี่แล้วละก็ ควรนำรถของท่านเช็คโดยละเอียดรับรองว่าคุ้มค่ากว่า เป็นไหนๆครับ

ในส่วนของอุปกรณ์การเบรคก็สำคัญทั้งจานเบรค,ผ้าเบรคและสายน้ำมันเบรค ก็มีส่วนไม่ใช่น้อยนะครับ เพราะถ้ามีชิ้นส่วนใดชำรุดแล้วละก็ การทำงานของเบรค ก็จะไม่สมบูรณ์ เช่นหากมีสายน้ำมันเบรคเส้นใดเส้นหนึ่งอุดตันการเดินทางของ น้ำมัน จะไม่เท่ากับของเส้นอื่น และจะทำให้เบรคปัดได้เพราะฉะนั้นจึงควรดูแลให้ พร้อมอยู่เสมอ และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคตามระยะคือทุก 30,000 กม. หรือทุก สองปี เพราะน้ำมันเบรคก็สามารถเสื่อมสภาพได้เช่นกัน และที่ขาดไม่ได้คือสภาพ ของจานเบรค และฝักเบรคว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่หากสภาพของจานเบรค นั้นบางเกินไปเนื่องจากการใช้งานอย่างต่อเนื่องแล้วไม่ทำการเปลี่ยนนั้นอาจจะ ทำให้จานเบรคแตกได้ จะเรียกว่าเข้าตำรา เสียน้อย เสียมาก เสียยาก เสียง่าย นะครับ และ อาจไม่คุ้มค่ากับชีวิตของท่านเอง ซึ่งอาจรวมถึงคนอื่นที่โดยสารมาด้วย ก็ได้ เพราะหากจานเบรคแตก ขณะท่านใช้ความเร็วสูงคงหมายถึงอันตราย อย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียวละครับ

และอีกปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือสภาพของพื้นผิวถนนและผู้ขับขี่รถเอง แม้ว่าสภาพของรถยนต์จะพร้อมเพียงใดแต่หากสภาพพื้นผิวของถนนนั้นไม่ดีพอ และผู้ขับขี่ขาดความ ระมัดระวัง ในการขับขี่แล้วละก็ต่อให้เป็นระบบเบรคราคา แพงเท่าใดก็ไม่สามารถช่วยชีวิตของท่านได้ อยากจะแนะนำท่านว่าแม้ระบบ เบรค ABS นั้นจะสามารถเบรคและหักหลบได้แต่มีข้อเสียที่จะทำงานได้ไม่เต็ม ประสิทธิภาพเนื่องจากระบบไม่สามารถกระจายการหมุนของล้อ แต่ละล้อ ให้เท่ากันได้ในสภาพถนนที่เปียกลื่นหรือถนนที่เป็นกรวดทราย จึงขอแนะนำ ให้ใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ในสภาพถนนเปียกลื่นจะดีที่สุด

ในส่วนขนาดของยางก็มีส่วนสำคัญเพราะถ้าหากเลือกใช้ขนาดยางไม่เหมาะสมกับตัวรถอาจจะ ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคลดลงไปด้วย เพราะหากขนาดของยางที่ใหญ่จนเกินไปจะทำให้ การควบคุมหักซ้าย หักขวา ช้าลง เกิดอันตรายได้ ลมยางจะต้องหมั่นตรวจสอบอย่างน้อย 2 อาทิตย์ ต่อครั้ง ลมยางที่อัดเข้าไปต้องพอเหมาะตามแต่ขนาดของยางที่ท่านใช้และบรรทุก หากท่านสังเกต ว่าพื้นที่ท่านจอดรถอยู่มีน้ำมันหยดลงมา ถ้าไม่ใช่สีดำก็ให้สมมติฐานว่าคือน้ำมันเบรคไว้ก่อน น้ำมันเครื่องจะมีสีดำหม่นๆ น้ำมันเพาเวอร์ส่วนใหญ่จะมีสีแดง ถ้าให้แน่นอนท่านต้องตรวจสอบ ระดับของน้ำมันเบรคที่ช่องเดิมด้วยครับ รถทุกคันเมื่อใช้งานไปสัก 1 ปี ระดับของน้ำมันเบรคจะ ลดลง ไม่ใช่หมายความว่าเบรคท่านรั่วหรือซึม เป็นเพราะผ้าเบรคสึกหรอบางลงไปหัวสูบเบรค จะดันผ้าเบรคให้แนบชิดกับจานเบรคเข้าไปตามสเปคของแต่ละยี่ห้อ การที่น้ำมันเบรคไปดันผ้า เบรคให้ขยับเข้าไปนั่นเอง ทำให้น้ำมันเบรคพร่องลงไป ท่านจึงจำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรคเข้าไป ให้เต็ม เช่นเดิม และการเติมน้ำมันเบรคเข้าไปนั้น จำเป็นต้องเป็นสีเดียว, ยี่ห้อเดียวกันด้วยนะครับ
โดย: เต่าฟ้า   วันที่: 22 Nov 2004 - 10:55


 ความคิดเห็นที่: 1 / 1 : 303534
โดย: ยุ
มีวงจรของABS ให้ดูหรือเปล่าล่ะ ขอดูไดไหม และหลักการทำงานด้วยนะ
วันที่: 20 Nov 07 - 16:18