Close this window

ผมจะใช้น้ำมันเครื่องอย่างไรจะดีกับรถกว่ากันครับ
ผมใช้ ซีดาน ปี 95 ออโต้ ใช้มา 250,000 กม.แล้ว เครื่องยังดีอยู่ไม่มีปัญหาอะไร ผมจะใช้น้ำมันเครื่องแบบไหนดีกับรถกว่ากัน โดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย

1. ใช้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 10,000 กม. แต่ไม่เกิน 6 เดือน
2. ใช้น้ำมันเครื่องธรรมดา เปลี่ยนทุก 5,000 กม. แต่ไม่เกิน 6 เดือน

ย้ำว่าเปรียบเทียบผลดีกับรถโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่าย นะครับ

อีกคำถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ในคู่มือรถจะบอกว่าหากใช้รถในที่มีฝุ่นมากต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเร็วขึ้น อยากทราบเหตุผลว่าทำไม เพราะความรู้สึกของผม ภายในเครื่องยนต์เป็นระบบปิดใช่ไหม มีทางที่อากาศจะเข้าได้ก็มีกรองอากาศช่วยกันฝุ่นแล้วไม่ใช่หรือ

ขอบคุณครับ
โดย: PPI   วันที่: 10 Sep 2004 - 09:16


 ความคิดเห็นที่: 1 / 8 : 007427
โดย: sixer
ลองอ่านดูครับเกี่ยวกับน้ำมันเครื่อง
อาจไม่ตรงกับคำถามของคุณ 100% แต่ใกล้เคียงครับ

แต่เถียงกันยาวหน่อยนะครับ

http://www.benzusers.com/board/question.asp?QID=3202
วันที่: 10 Sep 04 - 09:39

 ความคิดเห็นที่: 2 / 8 : 007428
โดย: oak323xg
ผมใช้เซมิซินเทติค 10000 กม.พร้อมเปลี่ยนกรองเครื่อง กรองอากาศ ใช้วิสโก้3000 กับคาสตรอน แต่ส่วนมากใช้คาสตรอนมากกว่า เพราะมันใสกว่า วิสโก้
วันที่: 10 Sep 04 - 09:54

 ความคิดเห็นที่: 3 / 8 : 007439
โดย: เหมาะ
ผมไม่ได้เป็นช่างเทคนิคนะครับ แต่ผมเคยฟังการตอบปัญหารถยนต์เกี่ยวกับน้ำเครื่อง (รายการออโตออนแอร์ ) เขาให้เหตุผลว่า

การเปลี่ยนนำมันเครื่องบ่อยๆ จะเกิดผลดี คือเราได้ถ่ายเท สิ่งสกปกในตัวเครื่องออกทิ้ง ทำให้เครื่องสอาด ซึ่งโดยปกติ การใช้นำมันเกรดธรรมดา อายุการใช้น้ำมันสั้น3000-5000 ก็โลเราก็เปลี่ยนทิ้ง การเปลี่ยนถ่ายนำมันเครื่องทิ้ง ก็เหมือนกับเราได้นำสิ่งสกปกที่เกิดจากเครื่องทิ้งไปด้วย ทำใหห้เครื่องยนต์เราสะอาจจากสิ่งตกค้างได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ข้อเสียทำให้เราเสียเวลาเปลี่ยนถ่ายนำมันบ่อยๆ

ผิดกับการใช้น้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ ระยะการเปลี่ยนถ่ายของเสียออกทิ้งจากเครื่องยนต์รถนาน เช่น เป็นหมื่นกิโล ของเสียสิ่งสกปกที่ค้างในเครื่องนาน อาจไปทำลายเครื่องยนต์ได้ ตรงนี้เป็นข้อด้อยที่เปลี่ยนน้ำมันช้า ถึงแม้นำมันมีประสิทธิภาพสูงก็จริง แต่ของเสียที่เกิดจาการสึกหรอ สิ่งสกปก สิ่งนี้แหละอาจไปทำความเสียหายจากตัวเครื่องได้ (ย้ำ)
วันที่: 10 Sep 04 - 12:04

 ความคิดเห็นที่: 4 / 8 : 007440
โดย: บอล
เห็นด้วยกับคุณเหมาะครับ ผมใช้ Semi แต่เน้นเปลี่ยนเร็วหน่อยครับ ของ ปตท. ประมาณหกร้อย ครับ
วันที่: 10 Sep 04 - 12:10

 ความคิดเห็นที่: 5 / 8 : 007455
โดย: ae+..tina
เห็นด้วยที่คุณเหมาะว่ามานะคะ แต่ข้อดีของน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์หรือสังเคราะห์100%นั้น อยู่ที่ค่าความหนืดของน้ำมัน และประสิทธิภาพในการหล่อลื่นของน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีผลทำให้เครื่องสามารถทำงานหรือเผาไหม้ได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยลดการสึกหรอของพวกแหวน+ลูกสูบ+กระบอกสูบ พร้อมทั้งยังสามารถทนต่ออุณหภูมิภายในห้องเผาไหม้ได้ดีกว่าหรือที่อุณหภูมิสูงกว่านั่นเองค่ะ
ถึงแม้น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์และสังเคราะห์100%นั้น มีราคาค่าตัวที่สูงกว่า แต่เมื่อลองเปรียบเทียบกับประสิทธิภาพของมัน นู๋คิดว่ามันคุ้มค่ากว่า และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ด้วยค่ะ
วันที่: 10 Sep 04 - 14:49

 ความคิดเห็นที่: 6 / 8 : 007471
โดย: Jan-Cronos
ผมว่าใช้กึ่งสังเคราะห์ไปเลยดีกว่าครับ แล้วก็เปลี่ยนบ่อยหน่อย
ผมใช้กึ่งสังเคราะห์ตลอด ขับได้ประมาณ 6000 - 7000 กิโล ก็เปลี่ยนแล้วครับ
ส่วนใหญ่ไปทำงาน เช้า - เย็น กว่าจะวิ่งได้ 7000 กิโล ก็ประมาณ 4 - 5 เดือนเข้าไปแล้วครับ
ราคาก็ไม่ได้แพงมากครับ ประมาณ 500฿ - 1000฿ แล้วแต่ยี่ห้อ

ล่าสุดพึ่งเปลี่ยนไปประมาณอาทิตย์นึง ก่อนหน้านี้ใช้ Castrol ครับ
- Mobil Super Sin 10W-40 (กึ่งสังเคราะห์) 4 ลิตร 704 ฿
- Flushing Oil ของเชลล์ 4 ลิตร 240 ฿
- กรองน้ำมันเครื่อง+แหวน ของแท้จากศูนย์ 180 ฿
- ค่าแรง 100 ฿
รวม _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 1,224 ฿
ผมว่าไม่แพงนะครับ สำหรับผมปีนึงเปลี่ยนไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่เกิน 3,000 ฿ แน่ๆ

หลังจากได้ Flush สิ่งสกปรกในเครื่องโดยใช้ Flushing Oil เป็นครั้งแรก และเปลี่ยนมาใช้ Mobil
- เสียงวาล์วเงียบลงไปนิดนึง (นิดเดียวจริงๆ ครับ)
- เรียกรอบมาเร็วกว่าเดิม เร่งแล้วรู้สึกว่าแรงบิดมาเต็มที่กว่าที่เคยเป็น
- เครื่องเดินเบานิ่งกว่าเดิม
- ออกตัวไม่สั่นมากเหมือนก่อน เดิมสั่นมากๆ คิดเอาไว้ว่าจะเปลี่ยนยางแท่นเครื่องอยู่
แต่ตอนนี้คงชะลอไปก่อนครับ คาดว่าคงเป็นผลจากเครื่องยนต์ลื่นขึ้น ส่งผลให้แรงมาเร็วขึ้น เลยลดการสั่นสะท้านของเครื่องไปได้ระดับนึง
- เวลาเช็คน้ำมันเครื่อง (เช็คทุกวันเพราะเห็นน้ำมันใสมากๆ กลัวว่ามันจะไม่หนืด ระแวงครับ) ปรากฏว่าน้ำมันยังใสอยู่เลยครับ ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ใสมากจนต้องเช็คในที่มีแสงมากๆ เพราะว่าใสจนเห็นแต่ก้านวัด แทบไม่เห็นว่ามีน้ำมันเกาะ นอกจากจะเอาไปสะท้อนกับแสงจึงจะเห็นหยดน้ำมันเครื่องเกาะอยู่กับก้านวัด
วันที่: 10 Sep 04 - 16:22

 ความคิดเห็นที่: 7 / 8 : 007510
โดย: มิว
จากที่มีเพื่อนให้ความเห็นมาเยอะแล้ว ก็เป็นความคิดเห็นที่ดีทีเดียวครับ แต่ว่าผมอยากให้ดูในแง่นี้อีกสักนิดครับ สภาพของท่านเจ้าของกระทู้นั้น วิ่งมาแล้วประมาณ 250000 กม. แล้ว ไม่รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนหรือซ่อมแซมอะไรมาบ้างแล้วหรือยัง แต่เอาเป็นว่า น่าจะยังไม่ได้เปิดเครื่องมาเปลี่ยนไส้ในกันเลยนะครับ
เครื่องยนต์ใช้มานานแล้ว เกือบ 10 ปีแล้ว ปีนึงก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าโล ก็เรียกว่าใช้รถพอสมควรเลย การที่จะใช้น้ำมันเครื่องอะไรนั้น เจ้าของกระทู้ได้บอกไว้แล้วว่า ไม่ซีเรียสเรื่องค่าใช้จ่าย ผมว่า เปลี่ยนเป็นสังเคราะห์ 100% ไปเลยก็ได้ ในเมื่อไม่ซีเรียสเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ว่าไส้กรองน้ำมันเครื่องก็ควรที่จะเปลี่ยนเป็นของแท้ด้วยนะครับ เพราะโดยส่วนมากผมเห็นแต่คุยว่าใช้น้ำมันเครื่องอะไร แต่ไม่เคยใส่ใจเรื่อง กรองน้ำมันเครื่องเลย เพราะปัญหาหลัก ๆ ว่าเครื่องจะแย่เร็วหรือไม่นั้นมีสาเหตุหลัก ๆ มาจากเจ้าตัวนี้ด้วยนะครับ
แต่ถ้าจะมีความคิดเห็นว่า ใช้กึ่งหรือไม่กึ่งก็แล้วแต่ครับ ถ้าเจ้าของไม่ซีเรียสก็ต้องดูว่าอยากให้รถอยู่กับเรานานแค่ไหน รักษารถขนาดไหน ถ้ารักมากก็สังเคราะห์หรือกึ่ง แต่ถ้ารักนิดหน่อยก็ธรรมดาก็โอเค แต่ว่าจะใช้ยี่ห้อไหน ให้ดูยี่ห้อที่เชื่อถือได้หน่อย ไม่งั้นเสียหายขึ้นมาไม่รู้จะโทษใครดี ส่วนจะเปลี่ยนที่กี่กิโลนั้น ผมว่าดูที่สภาพน้ำมันเครื่องด้วย เพราะบางท่านเปลี่ยนไปแล้วไม่เคยเปิดฝากระโปรง ชักก้านวัดออกมาดูสีสันของน้ำมันเลย รอแค่ให้ถึงกิโลหรือกำหนดเปลี่ยน ผมว่าสีของน้ำมันเครื่องนี้ก็สามารถบอกอายุได้เช่นกันนะครับ ถ้าช่วงแรกที่เปลี่ยนเข้าไปมันก็ใสดีอยู่ แต่ถ้าไปสักพักเริ่มเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ดูจากความหนืดนั้น เริ่มเหลวมากกว่าปกติ แสดงว่ามันหมดความหล่อลื่นแล้วล่ะ ก็น่าจะเปลี่ยนได้แล้ว เพราะว่าเราใช้รถทุกวัน รถติดล่ะ มันน่าจะวิ่งได้สักกี่กิโล มันก็น่าจะสมเหตุสมผล
แล้วที่สำคัญ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องนั้น จะช้าหรือเร็ว ให้ดูว่า น้ำมันเครื่องที่ใส่เข้าไปดีเพียงใด เพราะน้ำมันเครื่องที่ได้รับมาตรฐานมาใหม่นั้น ผู้ผลิตส่วนมากจะคำนึงถึงมลพิษของน้ำมันเครื่องเก่าเป็นอย่างมาก เค้าจะพยายามเคลมไว้ที่หลายกิโลถึงควรจะเปลี่ยน เพราะฉะนั้น น้ำมันเครื่องก็อาจจะไปถึง ณ เวลานั้นได้ แต่ว่าคุณภาพของกรองน้ำมันเครื่องมันจะมีคุณภาพถึงหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่น่าคิดเช่นกันครับ
วันที่: 11 Sep 04 - 00:12

 ความคิดเห็นที่: 8 / 8 : 007581
โดย: มิตรป้อมพระจุลฯ
การเลือกใช้น้ำมันเครื่อง และระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายนอกจากขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องแล้วยังขึ้นอยู่กับว่าใช้กับเครื่องที่มีเทคโนโลยี และประสิทธิภาพการเผาไหม้ขนาดใหน เช่นมาตรฐาน SLสังเคราะห์ เมื่อนำไปใช้กับเครื่องรุ่นปัจจุบัน จะใช้ได้มากกว่า15000 ก.ม. โดยยังมีประสิทธิภาพเหลืออยู่เกิน80 เปอเซ็นต์ แต่ถ้านำไปใช้กับเครื่องเทคโนก่อน1985 (เครื่องใหม่สดเหมือนกัน) ใช้แค่ 5000 ก.ม. ก็เสื่อมประสิทธิภาพแล้ว
น้ำมันเครื่องที่ดีจะไม่สร้างของเสียให้เกิดในระบบ จึงไม่จำเป็นต้องถ่ายเร็ว ผิดกับน้ำมันเครื่องธรรมดา บางครั้งเปลี่ยนที่5000 ก.ม. ก็อาจสายเกินไปแล้วครับ เพราะเพียงคุณติดเครื่องความเสื่อมประสิทธิภาพก็เกิดขึ้น และเพิ่มเป็นทวีคูณกับปริมาณของเสียที่เกิดจากการสึกหรอ และการเผาไหม้ไม่ดี ของตัวน้ำมันเครื่องเองส่วนหนึ่ง +กับควันไอเสียที่แทรกลงห้องแคร้ง ได้มาก จากความไม่แข็งแรงของฟลีมส์น้ำมันเครื่อง
วันที่: 12 Sep 04 - 17:26