สรุปรอดหมดทุกคนครับ แต่คนนอนด้านหลังเจ็บมากสุด โชคดีที่มีแอร์แบค และตัวถังรถออกแบบ มาให้สามารถรับและลดแรงชนได้ดี ซึ่งจากรูปจะเห็นถึงการถอยหลังของเครื่องยนต์ และตัวถังด้านหน้าอย่างชัดเจน ไม่อย่างนั้นคนนั่งหน้าอาจจะเจ็บหนักกว่านั่งหนักหลังอีก
จากรูปภายในห้องโดยสาร จะเห็นถึงการบิดของพนักพิงของเบาะตอนหน้าบิดผิดรูปไป นี่เป็นเพราะคนนั่งหลังไม่ได้ใส่เข็มขัดนิรภัย เพราะนอนหลับราบไปกับพื้นเบาะหลัง จึงทำให้ตอนเบรคและในจังหวะกระแทกอย่างแรงนั้น ทำให้คนนั่งหลังไม่สามารถรั้งตัวเองอยู่ได้ จนกระเด้น มากระแทกด้านหลังของเบาะหน้า และตัวเองยังทะลุผ่านไปจนหัวโขกกับหน้าปัดรถจนหัวแตกซึ่งเป็นผลให้ ตัวเองต้องซีโครง หักอีกห้าท่อน แต่กว่าคนนั้งหลังจะรู้ตัว ว่าตัวเองเจ็บ ก็เดินไปเดินมาอยู่สามวันแนะถึงมีอาการเลือดตกใน ซึ่งถ้าไม่มีอาการนี้ เจ้าตัวคงคิดว่า ตัวเองมีแผลแค่หัวแตกเท่านั้นเอง
และในขณะเดียวกัน ผลเนื่องจากการกระแทกของคนนั่งหลังดันออกไปข้างหน้า ทำให้พนักพิงเบาะหน้า บิดจนเสียรูปนั้น ทำให้คนนั่งหน้าให้รับบาดเจ็บด้วยเหมือนกัน เพราะ คนขับเองซี่โครงที่เป็นกระดูกอ่อนหักหนึ่งท่อนเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็มาทำงานแล้ว ไม่ถึงขนาดต้องนอนโรงพยาบาลหรือพักรักษาตัวอยู่บ้าน และคนที่ไม่ได้บาดแผลอะไรเลย ยกเว้นรอยรัดของเข็มขัดนิรภัย คือ คนนั่งหน้าด้านผู้โดยสาร โชคดีมากเลย เพราะในขณะที่รถชนแอร์แบคระเบิดออกมานั้น คนนี้เขาก็ใส่แว่นตา แล้วหน้าแท่งกับแอร์แบค แต่ก็ไม่เป็นอะไรเลยครับ โชคดีจริงๆครับ
ประตูรถยังเปิดออกได้หลังชนอีกด้วยครับ คราวนี้ต้องขอชมว่า ปลอดภัยดีกว่าที่คาดไว้เยอะเลยครับ แต่ถ้าทุกคนใช้เข็มขัดอาจจะไม่มีใครเจ็บเลยก็ได้ครับ แต่นี่ความเร็ว 100 km/hr น่ะครับ สูงเกินกว่าการชนปกติในห้องทดสอบเสียอีก
|