Close this window

คุณเหมาะไปอ่านกระทู้นี้......
http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=01101

อ่านดูหน่อยนะมาชี้แจงความเข้าใจ
โดย: เอื้อย   วันที่: 31 Aug 2004 - 11:43


 ความคิดเห็นที่: 1 / 3 : 006494
โดย: เหมาะ
ไปอ่านมาแล้วครับ ดีใจมากครับที่ป้านำความรู้มาฝาก
ครับ
วันที่: 31 Aug 04 - 16:57

 ความคิดเห็นที่: 2 / 3 : 006623
โดย: เหมาะ
อ้างอิงจาก http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9470000002049
ขออนุญาตเก็บข่าวไว้อ้างอิงด้วยครับ

11 สุดยอดขุมพลังแห่งปี 2004
ในกลุ่มของรถยนต์มีการแจกรางวัลยอดเยี่ยมประจำปีมากมายจากหลายสถาบันและหลายประเทศจนจำกันแทบไม่ไหว แต่สำหรับแวดวงของการผลิตและพัฒนาเครื่องยนต์ งานแจกรางวัลมีเพียงไม่กี่แห่ง และที่ได้รับความเชื่อถือและความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเห็นจะหนีไม่พ้นเวที อินเตอร์เนชันแนล เอ็นจิน ออฟ เดอะ เยียร์ อะวอร์ด (International Engine of the Year Awards) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี และได้รับการยอมรับว่าเป็นเวทีออสการ์สำหรับวงการเครื่องยนต์เลยก็ว่าได้

งานในปีนี้มีขึ้นเป็นครั้งที่ 6 จัดและประกาศผลกันไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยหัวเรือหลักของการจัดงานคือ ยูเค แอนด์ อินเตอร์เนชันแนล เพรส ออโตโมทิฟ แม็กกาซีน ซึ่งถือเป็น ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องเทคนิคและเทคโนโลยียานยนต์รายใหญ่ของเกาะอังกฤษ

ความโดดเด่นของการแจกรางวัลในปีนี้ยังตกเป็นของผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นเหมือนกับปีที่แล้ว ซึ่งเครื่องยนต์โรตารี่รุ่นใหม่รหัสเรเนซิสของมาสด้า อาร์เอ็กซ์-8 กวาดรางวัลเป็นว่าเล่นได้ถึง 3 ประเภท โดยคราวนี้ถึงคิวของโตโยต้ากับเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่แบบเอชเอสดี หรือ ไฮบริด ซินเนอร์จี้ ไดร์ฟ (HSD-HYBRID SYNERGY DRIVE) ซึ่งเป็นการพัฒนาขุมพลังไฮบริดรุ่น 4 สูบ 1,500 ซีซี และมอเตอร์ไฟฟ้าให้มีสมรรถนะดีขึ้น ทั้งในเรื่องของกำลังขับเคลื่อน (รวมกันแล้วมีกำลังสูงสุด 110 แรงม้า) ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และค่ามลพิษที่ต่ำ



แม้เก่าแล้วแต่ก็ยังเก๋า เพราะเครื่องยนต์ไฮบริด หรือที่ฮอนด้าเรียกว่าไอเอ็มเอ ซึ่งติดตั้งในรุ่นอินไซต์ครองความยิ่งใหญ่ในกลุ่มเครื่องยนต์ที่มีความจุต่ำกว่า 1,000 ซีซีเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน

เครื่องยนต์ไฮบริดเอชเอสดีของโตโยต้าติดตั้งอยู่ในรถยนต์ไฮบริดรุ่นพริอุส เวอร์ชันใหม่ ซึ่งโตโยต้าส่งทำตลาดทั้งในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป โดยกวาดรางวัลในปีนี้มาครองถึง 4 รางวัล คือ เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี, เครื่องยนต์ใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี, เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันแห่งปี และเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมในประเภทความจุ 1,400-1,800 ซีซี โดยทั้ง 4 รางวัลนี้ เครื่องยนต์ของโตโยต้าได้รับคะแนนเสียงจากกรรมการท่วมท้นชนิดทิ้งอันดับที่ 2 แบบหายห่วง

กรรมการส่วนใหญ่ต่างให้ความเห็นถึงเครื่องยนต์รุ่นนี้ว่า มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องการผสานจุดเด่นในด้านความแรง และความประหยัดน้ำมันได้อย่างลงตัวทั้งที่จุดเด่น 2 ด้านนี้ค่อนข้างจะมีความขัดแย้งกัน เพราะส่วนใหญ่ถ้ามีกำลังมากก็มักจะมีความสิ้นเปลืองน้ำมันสูง โดยผลจากการทดสอบคือ โตโยต้า พริอุสรุ่นใหม่มีความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 4.2 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร /ชั่วโมง ใช้เวลาเพียง 10.9 วินาทีเท่านั้น

แน่นอนว่าจากความยอดเยี่ยมของเครื่องยนต์บวกกับรูปลักษณ์ที่ดูแล้วสวยสะดุดตาแถมยังมีความเพรียวลม ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เพียง 0.26 เท่านั้น จึงทำให้เกิดกระแสพริอุส ฟีเวอร์ขึ้นในสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นชนิดผลิตไม่ทันขาย เพราะแค่เดือนกันยายน (2003) เพียงเดือนเดียว ก็กวาดลูกค้าจาก 2 ตลาดหลักไปได้ถึง 27,000 รายเลยทีเดียว



นี่ก็อีกกลุ่มที่ฮอนด้าผูกขาดความสำเร็จมาถึง 5 ปี กับเครื่องยนต์เอฟ20ซีของรถสปอร์ต เอส2000 มีกำลังขับเคลื่อนสูงสุด 250 แรงม้า

สิ่งที่น่าสนใจคือ การแจกรางวัลในครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงเรื่องเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงปลาย ปีที่ผ่านมา นั่นคือ พัฒนาการทางด้านเครื่องยนต์ของผู้ผลิตญี่ปุ่น ซึ่งดีขึ้นผิดหูผิดตา และได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนทั่วโลก เพราะใน 12 รางวัลของปีนี้ นอกจาก 4 รางวัลของโตโยต้าแล้ว ฮอนด้าและมาสด้ายังช่วยกันกวาดไปอีก 4 รางวัล ทำให้เหลือเพียง 4 รางวัลเท่านั้นสำหรับแจกให้กับผู้ผลิตรถยนต์จากที่อื่น ซึ่งก็ยังหนีไม่พ้นหน้าเดิมๆ จากเยอรมนี คือ บีเอ็มดับเบิลยู (2 รางวัลในประเภท 2,000-2,500 ซีซี และประเภท 3,000-4,000 ซีซี), เมอร์เซเดส-เบนซ์ (1 รางวัลในประเภทเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม) และโฟล์คสวาเกน (1 รางวัลในประเภทสูงกว่า 4,000 ซีซี)

ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะพบว่า รางวัลที่ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปได้ไปนั้นจะเป็นเครื่องยนต์ในกลุ่ม บล็อกใหญ่ ส่วนพวกบล็อกเล็กที่มีความจุกระบอกสูบไม่เยอะ จะโดนผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นกวาดไปครองทั้งนั้น เรียกว่าถ้าเป็นคลาสที่ต่ำกว่า 2,500 ซีซี ถูกผูกขาดความสำเร็จโดยเครื่องยนต์สัญชาติญี่ปุ่นทั้งนั้น แถมรางวัลที่ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปได้ไป ก็เป็นการคว้าไปครองแบบทำคะแนนแซงหน้าแบบ เฉียดฉิว เช่นในประเภท 2,000-2,500 ซีซี เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ทวินแคม 24 วาล์ว 2,500 ซีซีของบีเอ็มดับเบิลยูทำได้ 147คะแนน นำหน้าอันดับที่ 2 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล 2,200 ซีซี รุ่นใหม่ของฮอนด้า แอคคอร์ดเพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น ในทางกลับกัน ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นที่ได้รางวัล กลับทำคะแนนทิ้งห่างอันดับที่ 2 แบบไม่เห็นฝุ่น

อีกค่ายจากแดนปลาดิบที่น่าสนใจและผูกปีครองรางวัลในกลุ่มต่ำกว่า 1,000 ซีซี และ 1,000-1,300 ซีซี ก็คือ ฮอนด้า ซึ่งเครื่องยนต์แบบไอเอ็มเอ (IMA-Integrated Motor Assist) หรือ ไฮบริดของฮอนด้า ที่วางอยู่ในรุ่นอินไซต์ และซีวิค ไฮบริด ยังไม่มีใครมาโค่นบัลลังก์นี้ลงไปได้

ในรุ่นต่ำกว่า 1,000 ซีซี ฮอนด้าครอง แชมป์มาแล้ว 5 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2000 (เท่ากับเครื่องยนต์เอฟ20ซี 4 สูบ 2,000 ซีซีของฮอนด้า เอส2000 ที่ครองแชมป์ในกลุ่ม 1,800-2,000 ซีซี) ส่วนในประเภท 1,000-1,300 ซีซีครองมาแล้วเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

นอกจากนั้น เครื่องยนต์ที่ได้รับเลือกให้รับรางวัลทั้งหมดเป็นเครื่องยนต์เบนซิน (ขุมพลังไฮบริด ก็เป็นเครื่องยนต์เบนซิน+มอเตอร์ไฟฟ้า) แต่มีประเภทสูงกว่า 4,000 ซีซีเพียงรางวัลเดียวเท่านั้น ที่เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลได้รับเลือก โดยตกเป็นของเครื่องยนต์วี10 ทวินแคม 40 วาล์ว 5,000 ซีซี ที่วางอยู่ในออฟโรดรุ่นทัวเร็ก และซีดานหรูรุ่นเฟตันของโฟล์คสวาเกน และเป็นปีที่ 2 แล้วที่เครื่องยนต์ บล็อกนี้ได้รับเลือกให้รับรางวัล


สรุปผลรางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี 2004
รางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี เครื่องยนต์ไฮบริด เอชเอสดี ของโตโยต้า พริอุสใหม่
ประเภทเครื่องยนต์ใหม่แห่งปี เครื่องยนต์ไฮบริด เอชเอสดี ของโตโยต้า พริอุสใหม่
ประเภทเครื่องยนต์ประหยัดน้ำมัน เครื่องยนต์ไฮบริด เอชเอสดี ของโตโยต้า พริอุสใหม่
ประเภทเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยม วี12 6,000 ซีซี เทอร์โบคู่ของเบนซ์ โมดิฟายโดยเอเอ็มจี
ประเภทต่ำกว่า 1,000 ซีซี เครื่องยนต์ไอเอ็มเอ 1,000 ซีซีของฮอนด้า อินไซต์
ประเภท 1,000-1,400 ซีซี เครื่องยนต์ไอเอ็มเอ 1,300 ซีซีของฮอนด้า ซีวิค ไฮบริด
ประเภท 1,400-1,800 ซีซี เครื่องยนต์ไฮบริด เอชเอสดี ของโตโยต้า พริอุสใหม่
ประเภท 1,800-2,000 ซีซี เครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซีของฮอนด้า เอส2000
ประเภท 2,000-2,500 ซีซี เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 2,500 ซีซีของบีเอ็มดับเบิลยู
ประเภท 2,500-3,000 ซีซี เครื่องยนต์โรตารี่ เรเนซิสของมาสด้า อาร์เอ็กซ์-8
ประเภท 3,000-4,000 ซีซี เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ3,200 ซีซีของบีเอ็มดับเบิลยูเอ็ม3
ประเภทสูงกว่า 4,000 ซีซี เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลวี10 5,000 ซีซีของโฟล์คสวาเกน





ขุมพลังวี12 6,000 ซีซี เทอร์โบคู่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วกับรุ่นเอส-คลาส และซีแอล รับรางวัลประเภทเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะยอดเยี่ยมไปครอง เพราะพลังขับเคลื่อนจากการ โมดิฟายของเอเอ็มจีจัดจ้านเหลือเกิน

++เขาให้คะแนนกันอย่างไร ?++

ในปีนี้คณะกรรมการซึ่งทำหน้าที่ในการตัดสินจะเป็นสื่อมวลชนจำนวน 56 คนจาก 24 ประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน, เยอรมนี, เกาหลีใต้, อังกฤษ, ฝรั่งเศส ฯลฯ โดยจะลงคะแนนและคัดเลือก เครื่องยนต์บล็อกต่างๆ ซึ่งในการมอบรางวัลแบ่งออกเป็น 12 ประเภท คือ 8 รางวัลสำหรับเครื่องยนต์ในแต่ละความจุกระบอกสูบ, 3 รางวัลสำหรับเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมประเภทต่างๆ และมีรางวัลใหญ่คือ เครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี

การมอบรางวัลในประเภทเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า 1,000 ซีซี, ประเภท 1,000-1,400 ซีซี, ประเภท 1,400-1,800 ซีซี, ประเภท 1,800-2,000 ซีซี, ประเภท 2,000-2,500 ซีซี, ประเภท 2,500-3,000 ซีซี, ประเภท 3,000-4,000 ซีซี และประเภทสูงกว่า 4,000 ซีซี จะคัดเลือกจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์นั่ง ซึ่งมีขายมากกว่า 1 ประเทศทั่วโลก เริ่มทำตลาดมาตั้งแต่เมื่อใดก็ได้ แต่จะต้องมีขายอยู่ในปัจจุบัน (26 พฤษภาคม) สำหรับอีก 2 รางวัลใหญ่ คือ เครื่องยนต์ใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี และเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปีนั้น ประเภทแรกจะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดหลังวันที่ 4 มิถุนายน 2003 และติดตั้งอยู่ใน รถยนต์ที่มีขายมากกว่า 1 ประเทศทั่วโลก และจะต้องมีขายอยู่ในปัจจุบัน ส่วนรางวัลใหญ่เครื่องยนต์ ยอดเยี่ยมแห่งปี ไม่มีการจำกัดช่วงเวลาของการเปิดตัว แต่จะต้องมีขายอยู่ในตลาดจนถึงปัจจุบัน และมีในรถยนต์ที่ส่งขายมากกว่า 1 ประเทศทั่วโลก

สำหรับหลักการให้คะแนน คือ กรรมการแต่ละคนจะมีอยู่ 25 คะแนนสำหรับใช้ในแต่ละประเภทรางวัล โดยกรรมการจะต้องเลือกเครื่องยนต์ 5 บล็อกที่ตรงใจขึ้นมาจากรายชื่อเครื่องยนต์ที่ถูกคัดเลือกมาแล้วในเบื้องต้น และกระจาย 25 คะแนนที่มีอยู่ให้ ซึ่งทางผู้จัดได้ขจัดปัญหาในเรื่องการเทคะแนนให้กับเครื่องยนต์เพียงบล็อกเดียว โดยกำหนดให้กรรมการแต่ละคนให้คะแนนสูงสุดกับเครื่องยนต์ที่ชอบได้ไม่เกิน 15 คะแนน และทุกบล็อก ที่ถูกกรรมการท่านนั้นเลือกจะต้องมีการให้คะแนน และใน 5 เครื่องยนต์ที่เลือกมา ห้ามมีการให้คะแนนเท่ากัน
วันที่: 01 Sep 04 - 18:12

 ความคิดเห็นที่: 3 / 3 : 006625
โดย: -
รูปประกอบ
วันที่: 01 Sep 04 - 18:22