ที่อ้างว่าเกรงจะกระทบราคาสินค้าและอัตราค่าครองชีพโดยรวม....ผมว่า.........เป็นการเลือกปฎิบัตินะครับ...
ไม่ยุติธรรมเลย....คนขับรถเติม91กะ95เนี่ยไม่ได้รวยทุกคนนะครับ....และก้อไม่ได้ทำผิดอะไรซะหน่อย.....โลกหมุนไปราคาขึ้นไปมันก้อเป็นกลไกตลาด...ปล่อยลอยตัวไปเลยดีกว่านะครับ...ผมว่า
น้อยใจจังเลย......

โดย: กุ้ง01   วันที่: 7 Aug 2004 - 19:16

 ความคิดเห็นที่: 1 / 20 : 004336

โดย: A-MT

อย่าน้อยใจไปเลยครับคุณกุ้ง

น้ำมันดีเซลมีผลกระทบโดยตรงกับระบบอุตสาหกรรม ซึ่งถ้าขึ้นราคาตอนนี้อาจทำให้ค่าอุปโภค บริโภคขึ้นได้นะครับ แถมเศรษฐกิจอาจจะขยายตัวไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลกำหนด(จะกระทำกับ ผลงานของรัฐบาล ในการเลือกตั้งในปีหน้าด้วย)

ยังไงน้ำมันแพงแล้ว ขออย่าให้ของกินของใช้แพงไปด้วยเลยครับ :)

 ความคิดเห็นที่: 2 / 20 : 004348

โดย: คะน้า ณ ชีวพันธุ์

ก็ยังดีนะครับที่ยังพยุงดีเซลไว้ป็นอย่างน้อย

 ความคิดเห็นที่: 3 / 20 : 004351

โดย: นพดล

เงินหลายหมื่นล้านที่นำมาพยุงราคาน้ำมันนั้น เป็นเงินภาษีของประชาชนทุกคน..
คนที่ไม่ได้ใช้ทั้งเบนซีนและดีเซลนั้น เสียเปรียบที่สุด..
คนที่ใช้เบนซีน (ซึ่งกำลังทยอยขึ้นราคาจนถึงจุดลอยตัว) แต่ไม่ได้ใช้ดีเซล เสียเปรียบบ้าง...
คนที่ใช้ดีเซลเป็นหลัก เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรง

อีกกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการพยุงราคาดีเซล ไม่ว่าพวกเขาจะใช้น้ำมันอะไรก็ตาม คือรัฐบาล เพราะความแตกต่างระหว่างการพยุงราคาดีเซล กับปล่อยลอยตัวดีเซลนั้น คิดเป็นเกือบๆ 2% จีดีพีเชียวครับ ..

 ความคิดเห็นที่: 4 / 20 : 004356

โดย: ตาม

การพยุงราคาดีเซล คนส่วนมากในสังคมได้รับประโยชน์มากกว่านะครับ

 ความคิดเห็นที่: 5 / 20 : 004366

โดย: กฤษ

ใจเย็นคับ ไม่รู้ทำอย่างไรต้องโทษอเมริกาที่ไปบุกอิรักอย่างเดียว ถึงแม้ได้น้ำมันก้อยังขุดขึ้นมาขายเต็มที่ก้อไม่ได้ ทำให้ราคาของน้ำมันในตลาดแพงขึ้น

 ความคิดเห็นที่: 6 / 20 : 004372

โดย: Fuel98

ต้องโทษกลุ่มโอเปคครับ ฮั้วกันเข้าไป ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ยังรวยไม่พอหรืออย่างไรกัน
เราน่าจะรวมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกข้าว แบบเขาบ้างนะครับ
เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองเจรจาให้ โอเปคเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน
ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันลดลงอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ดูซิ ไม่มีข้าวกิน กับไม่มีน้ำมันใช้ ใครจะตายก่อนกัน...............

 ความคิดเห็นที่: 7 / 20 : 004374

โดย: เดช

เลิกพยุงราคาดีเซลเมื่อไหร่
พวกเราก็เติมเบนซิลแพงแบบทุกวันนี้
แต่ยังจะต้องซื้อของอุปโภคบริโภคแพงขึ้นไปอีกด้วย
เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็จะถดถอย

จริงอยู่
คนขับรถเติม 91 กะ 95 ไม่ได้รวยทุกคน
แต่ยังไงผมก็ว่ารวยกว่าคนหาเช้ากินค่ำขึ้นรถเมล์

แค่ทุกวันนี้
บางคนก็อดมื้อกินมื้ออยู่แล้ว
ถ้าดีเซลขึ้นราคา ค่าโดยสารรถเมล์ขึ้นราคา สินค้าข้นราคา
พวกนี้ลำบาก(กว่าที่เป็นอยู่)แน่ๆ

แค่ทุกวันนี้
บางคนนั่งรถเมล์สาย 8 จากลาดพร้าวไปสะพานพุทธฯ
ก็ลำบากและเสี่ยงตายมากพอแล้ว

ยังไงผมก็ว่า
เบนซิลลิตรละ 20 บาทนี่ยังถูกอยู่เลยสำหรับประเทศที่ผลิตน้ำมันเองไม่ได้
ทีชาเขียวครึ่งลิตร 20 บาทยังซื้อกันอย่างกะแจกฟรี
น้ำดื่มบริสุทธิ์มีตรา อ.ย. ขายกันลิตรละ 14 บาท ไม่เห็นมีใครบ่น

 ความคิดเห็นที่: 8 / 20 : 004376

โดย: ต้น

เห็นด้วยเลย เดช

คุณ Fuel98 ครับ มันไม่ใช่แค่ OPEC นะสิ ในตลาดซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า ดันมีคนเข้าไปปั่นด้วยนะสิ ผมว่าคนไทยน่าจะรู้จักคนกลุ่มนี้ดีนะ

 ความคิดเห็นที่: 9 / 20 : 004381

โดย: J!MMY

เห็นด้วยกับพี่เดชครับ

แต่ผมมองเพิ่มอีกนิดนึงว่า

ทีนี้ รถดีเซลก็จะออกมาวิ่งมากขึ้น เพราะคนจะหนีมาซื้อรถดีเซลมากขึ้นไปอีก
จากที่เยอะอยู่แล้ว รถเก่งจะขายได้เท่าเดิม หรือลดลง

มลพิษบนท้องถนนก็ยิ่งเยอะขึ้น.....อากาศสกปรกขึ้น
ต่อให้มาตรฐานยูโร 3 จะประกาศใช้แล้วและรถบางรุ่นก็มีอยู่แล้วก็ตาม

 ความคิดเห็นที่: 10 / 20 : 004384

โดย: ple premason phuket

โห นานๆ พี่เดช ตอบกระทู้ได้สาระมาก ตัวจริงป่าวพี่ รถพี่ที่ลงใน นังเลงรถ สวยมาก ทำให้ผมเดือดร้อน ต้องซื้อมาอีกแล้ว ( ทีแรกว่าจะแค่ยืนอ่าน)
เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราอีกเยอะ ถ้าต้องให้ 95 ขึ้นลิตรละ 25บาท แล้วให้ดีเซลราคาเท่าเดิม ผมก็ยอมครับ
สงสารคนที่เขาไม่มีรถ หาเช้ากินค่ำ รถคันละตั้งหลายแสน แค่ค่าน้ำมันขึ้นแค่นี้ เรื่องเล้กครับ ใครที่บ่นน้ำมันแพง เวลาคุณไปเที่ยวที คืนๆ นึง2-3000 ให้ติ๊บเด็กทีเป็นร้อย ไม่เห็นบ่นว่าแพงเลยนะ

 ความคิดเห็นที่: 11 / 20 : 004393

โดย: เด็กบ้านนอก (phu)

น้ำมันขึ้น แล้วยังมีลงได้ครับ

ค่ารถเมล์ ขึ้นแล้วขึ้นเลย....ต่อให้อะไร ๆ ราคามันลดมันก็ไม่ลดตาม
สินค้าอุปโภค บริโภค ก็ขึ้นแล้วขึ้นเลย...ไม่ลง แต่ให้น้ำมันแจกฟรีก็ตาม


แต่ถ้า 91 มัน 25 บาทเมื่อไหร่ผมคงนั่งรถเมล์ไปทำงาน แน่ ๆ เลย
ไปกลับที่ทำงานกับบ้านเฉลี่ยวันละ 100 กิโล รถกินน้ำมันดีสุด ๆ 9 กม.ต่อลิตร
ต้องใช้น้ำมันวันละประมาณ 11.x ลิตร เป็นเงินราว ๆ 300 บาท ยังไม่รวมค่าทางด่วน

ทำงานทั้งเดือนคิดเป็นต่อวันได้วันละราว ๆ 600 ร้อยบาท...ต้องเสียเป็นค่าเดินทาง ซะครึ่งนึงแล้ว
เฮ้อ....ขายโอเลี้ยงขายข้าวแกงหน้าบ้านได้เน็ต ๆ วันละ 200 ยังดีกว่าเลยนะเนีย

 ความคิดเห็นที่: 12 / 20 : 004396

โดย: i_kon

เห็นด้วยกับการปรับราคาน้ำมันของรัฐบาลครับ ที่จะอุ้มน้ำมันดีเซลต่อไป แต่ว่า..

ฉุกคิดขึ้นมานิดนึง ขณะขับเจ้า B6 ไปทำงานทุกวันๆ ด้วยความเร็วที่เราคิดว่าประหยัดสุดๆ แล้ว (80-90) ก็มักจะมีรถกระบะที่เป็นประเภทดัดแปลง กระบะซิ่งโหลดแป๊ก หรือ 4WD ขับแซงเราไปด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 120 ทิ้งเราไม่เห็นฝุ่น โดยสังเกตได้ว่าไม่น่าจะเป็นรถยนต์ประเภทที่ใช้งานในเชิงพาณิชย์แต่อย่างใด

ก็เลยคิดไปเรื่อยเปื่อย ว่า รัฐควรที่จะกำหนดราคาน้ำมันดีเซลหน้าสถานีออกเป็น 2 จำพวกหรือไม่ โดยกำหนดเป็น

1. รถบรรทุก รถตู้ รถกระบะที่ใช้ในเชิงพาณิชย์จริงๆ เช่น ใช้เพื่อขนส่งสินค้าทางการเกษตร (ผัก หมู ไก่ ก่อสร้าง ขนสินค้า เป็นต้น) อันนี้สมควรอุ้มราคาน้ำมันให้

2. รถเก๋ง(ที่ใช้ดีเซล) รถกระบะดัดแปลง รถกระบะที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่ใช้เชิงพาณิชย์ และ กระบะตระกูล 4WD (อันนี้คิดเอาเองครับ ว่า ร้อยละ99 ไม่ได้ซื้อมาใช้เชิงพาณิชย์เพื่อขนส่งสินค้าแต่อย่างใด) อันนี้ไม่ควรอุ้มให้ครับ ควรจ่ายเต็มจำนวนเหมือนเบนซิน 91/95 เหมือนรถยนต์นั่งทั่วๆ ไป ทำไมหรือครับ ก็เพราะกลุ่มนี้ก็เหมือนกลุ่มเบนซิน ที่ใช้รถเพื่อเดินทาง ไม่ได้ใช้ขนสินค้าและทำให้มีผลกระทบต่อราคาสินค้าสูงขึ้น

แนวทางปฏิบัติก็อาจจะให้กรมการขนส่งทางบก ออกบัตรเติมน้ำมันให้สำหรับรถกลุ่มกระบะที่อาจจะกำกวมว่จัดอยู่ในกลุ่มที่ 1 หรือไม่ โดยใช้หลักฐานการประกอบกิจการมาประกอบคำร้องขอ

คิดมากไปหรือเปล่าไม่รู้ แต่รัฐก็จะเสียค่าใช้จ่ายในการอุ้มราคาน้ำมันตรงจุด และไม่ต้องจ่ายส่วนต่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทบต่อราคาสินค้าครับ (เสมอภาคกับเบนซิน)

ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยขยายผลหน่อยครับ

ปล. คูณ phu ลองขับที่ความเร็ว 80-90 หรือยัง (ถ้าทางโล่งๆ นะ) ประยัดขึ้นประมาณ 10% จาก 110-120 ทีเดียว ราคาขึ้นทีละ 60 สต. จาก 19 บาท เทียบได้เว่าขึ้นประมาณ 3% ไม่ต้องไปขายโอเลี้ยงหรอก

 ความคิดเห็นที่: 13 / 20 : 004397

โดย: นพดล

ถ้าจะว่ากันตามวิชาการจริงๆแล้ว ..
ในระยะสั้นการพยุงราคาดีเซลก็คงพอแก้ไขขัดได้ แต่อย่างว่าแหละครับ คงได้ถึงแค่สิ้นปี แล้วต้นปีหน้าอะไรต่อมิอะไรก็คงขยับราคาขึ้นตามน้ำมันดีเซล

ในระยะยาว ผมว่าพยุงราคาน้ำมันเป็นวิธีการแทรกแซงราคาน้ำมันที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาเยอะครับ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลคาดการณ์ผิดอย่างในปัจจุบันซึ่งราคาน้ำมันดิบขยับสูงขึ้นมาโดยตลอด

ทางแก้ระยะยาวผมว่าควรจะปล่อยให้ลอยตัวดีกว่า ซึ่งเมื่อน้ำมันดีเซลแพง ราคาสินค้าบริการต่างๆก็ปรับสูงขึ้นสะท้อนความเป็นจริง เมื่อนั้นประชาชนก็จะหันมารัดเข็มขัดและประหยัดกันอย่างจริงจัง ในขณะเดียวกัน การวิจัยพัฒนาพลังงานทดแทนก็จะกระทำกันอย่างจริงๆจังๆมากขึ้น ไม่เหมือนปัจจุบันที่ไม่เร่งมือกันเท่าไรเนื่องจากยังตรึงราคาดีเซลกันอยู่

อีกปัจจัยหนึ่งคือเงินภาษีนำเข้าน้ำมันดิบครับ ภาษีในส่วนนี้รัฐบาลน่าจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีลงบ้าง เพราะราคาน้ำมันดิบแพงขึ้นทำให้รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าได้มูลค่ามากขึ้น หากลดอัตราภาษีตรงนี้ก็จะทำให้ประชาชนแบกภาระลดลง หรืออีกทางหนึ่งก็นำเงินภาษีนำเข้าน้ำมันนี่แหละครับมาชดเชยภาระของกองทุนน้ำมัน

 ความคิดเห็นที่: 14 / 20 : 004415

โดย: เดช

เห็นด้วยกะพี่นพดลเต็มที่ครับ
จริงจริงรัฐบาลไม่ควรแทรกแซงราคาอะไรทั้งสิ้น
ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
ประชาชนควรปรับตัวเข้ากับสภาวะเศรษฐกิจเอง

ที่เยอรมนี เจ้าแห่งวิศวกรรมยานยนต์
เค้ากลับรณรงค์ให้ขี่จักรยานเพื่อประหยัดน้ำมันและรักษาสิ่งแวดล้อม
เพราะเค้าทราบดีว่า น้ำมันเป็นสิ่งที่เค้าต้องซื้อ ผลิตเองไม่ได้

 ความคิดเห็นที่: 15 / 20 : 004446

โดย: Jan-Cronos369

ถูกต้องครับ เราต้องทำใจครับ เลิกเอาเงินไปพยุงน้ำมัน แล้วมาพัฒนาระบบประหยัดพลังงาน และระบบขนส่งมวลชนให้ดีกว่เดิมดีกว่าครับ

เงินที่เอาไปพยุงดีเซล วันละ 250 ล้าน ถ้าเอาไปพัฒนาอย่างอื่นน่าจะได้ประโยชน์กว่านะครับ
เพราะสุดท้ายก็เหมือนค่าเงินบาทที่อั้นไว้จนคนไม่เห็นค่าเงิน สุดท้ายก็ต้องลอยตัวตามตลาดโลกเค้า แล้วก็มาเดือดร้อนเอาโครมเดียว เจ๊ง!กันทั้งประเทศ

ใช้น้ำมันแพงซะบ้าง จะได้ประหยัดกันครับ เราไม่ได้ผลิตใช้เอง ยังไงก็ต้องให้ประชาชนเข้าใจในจุดยืนของตัวเองครับ ผมยังเห็นคนไทยยังฟุ้งเฟ้อกันอยู่เลย

 ความคิดเห็นที่: 16 / 20 : 004455

โดย: *~ชั่วมั้งต้องภู~*

คุณ i-kon ครับถ้าไม่รีบผมขับไม่เกิน 90 อยู่แล้วครับไอ้ที่ว่า 9 โลลิตรแบบสุด ๆ เนี่ยก็ขับราว ๆ นั้นแหละครับ B6 เหมือนกัน (แต่ออโต้) ถ้าเหยียบ ๆ แบบรีบ ๆ ก็ได้ราว ๆ 7-8 แค่นั้นเองครับ

เมื่อก่อนคงไม่เป็นไหร แต่ตอนนี้ต่างกัน 2 กม. / ลิตร
ถ้าวิ่งได้ 9 กม.ลิตร คิดเป็นเงินราว 2.23 บาทต่อกิโล ขับวันละ 100 กม. เป็นเงิน 223 บาท
ถ้าวิ่งได้ 8 กม.ลิตร คิดเป็นเงินราว 2.5 บาทต่อกิโล ขับวันละ 100 กม. เป็นเงิน 250 บาท

ต่างกันเกือบ 30 บาทต่อร้อยกิโลทีเดียว น้ำมันหนึ่งถัง (~40 ลิตร) ก็วิ่งได้ทางเพิ่มราว ๆ 50 กิโลเลยทีเดียว (หรือเป็นเงินราว ๆ 120 บาทได้)


ฮืม...ถ้าวิ่งสัก 60 มันจะถึง 10 โลลิตรป่ะเนีย
คิดแล้วกลุ่ม ถ้าทางด่วนให้เอา จย. สองล้อขึ้นได้ คงปั่น BM(X) ไปทำงานแทน B6 เป็นแน่ ๆ

 ความคิดเห็นที่: 17 / 20 : 004805

โดย: กุ้ง01....

โห.........เมื่อวานท่านขึ้นอีกละ....ก้มหน้าก้มตาใช้ต่อไป.
ว่าแต่ขับ90ไม่ควรแช่ที่เลนขวานะครับ..อันตรายจัง

 ความคิดเห็นที่: 18 / 20 : 140880

โดย: ผึ้ง

เราเห็นด้วยกับพี่กุ้งนะ เพราะว่าคนที่มีรถก้อม่ายด้ายรวยกันทุกคนหรอก อาจแค่พอมีพอกินเท่านั้น และจำเป็นที่ต้องมีรถ แต่คนที่มีรถแล้วรุ้ว่าราคานํามันแพงก้อม่ายมีกำลังจัยที่อยากจะชั้ยรถบ่อยนักหรอก แต่รุ้ป่าวว่าแค่ปี 48 นํามันยังราคาแพงขนาดนี้แล้วอนาคตข้างหน้าจะแพงขนาดไหนหรอ แล้วรัฐบาลมีส่วนรุ้เห็นเรื่องนำมันแพงมากน้อยแค่ไหน หรือว่ารุ้เห็นเปงจัยกับราคานำมันแพง มันลำบากที่ว่านำมันแพงของทุกอย่างก้อแพงตามกันปาย แล้วยิ่งประเทศไทยก้อกำลังโกอินเตอร์เหมือนชาวต่างชาติค่าเงินทุกอย่างก้อต้องเพิ่มขึ้น จากค่ารถ 6 บาท ก้อขึ้นเปง 10 บาทก้อด้ายเพราะยิ่งประเทศพัฒนาขึ้นราคาของก้อต้องแพงขึ้น คิดหรอว่านำมันลิตรละ 20 บาทมันถูก ฉันว่าคุณคิดผิดเพราะถึงชาเขียวราคา 20 บาทยังบ่นว่าแพงแต่มันก้ออิ่มม่ายช่ายหรอ แต่นำมันน่ะอิ่มหรอมันก้อคงฝืนจัยเติมมากกว่า เพราะคนเราคิดกันแค่ใกล้ๆตัวเลยทามห้ายประเทศชาติม่ายเจริญทามห้ายประเทศเวียดนามล้ามหน้าประเทศไทยปายแล้ว เราควรจะมองการไกลเพื่อรุ้ว่าการมองอะรัยใกล้ๆ แล้วนึกย้อนหลังอาจทามห้ายรุ้ด้ายว่าการมองการไกลดีเช่นรัย แต่คำแนะนำคือว่าอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้าย อยาคิดว่าราคาแค่ลิตรละ 20 บาทถูก เพราะคนเราม่ายด้ายมีฐานะรวยเท่าเทียมกันทุกคน

 ความคิดเห็นที่: 19 / 20 : 140883

โดย: แอนนี่ แคทรีนา

เราเห็นด้วยกับผึ้งนะให้ความคิดและความรู้อะไรมากมายเลย และเธอก็พูดเรื่องจริงทั้งหมด

 ความคิดเห็นที่: 20 / 20 : 185996

โดย: แพม

ดิฉันอยากรู้ว่าถ้าซื้อรถใหม่ระหว่างวีโก้กับเชฟโรเลฟอันไหนดีกว่ากันค่ะ