กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
Date:Fri,18 Jun 2004 12:30:01 +0700
กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
1500 SOLUNA = 4100
1600 COROLLA = 4500
1800 ALTIS = 5300
2000 CORONA = 6300
2400 CAMRY = 9100
3000 RAIDER/CRUISER = 14500
Subject: กรมการขนส่งทางบกกำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี
อีกไม่นาน พวกกระบะ 4 ประตู เจอภาษี เป็นหมื่นแล้วครับ เมื่อเช้านี้ขับรถมาทำงาน ฟังข่าวแว่วๆว่า การจัดเก็บภาษีจะเสนอเข้า ครม. เร็วๆ นี้แล้ว copy มาจาก fordclub อีกที
ปรับเก็บภาษีรถยนต์รายปี...ใหม่อัตราเพิ่ม 2 เท่า ผมได้ข่าวจากกรมการขนส่งทากบก
(MOTC news) มาบอกเพื่อนๆ อีกแล้วครับ มาคราวนี้รัฐเอา จริง จะปรับปรุงอัตราค่าภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปีทุกชนิดรวมรถบรรทุกด้วย โดยหยิบยกเอาสาระ มาเขียนให้อ่านกัน
ที่เป็น Highlight สำคัญๆมาได้ดังนี้
ในขณะนี้กระทรวงการคลังร่วมกับกรมการขนส่งทางบก กำลังเตรียมปรับอัตราภาษีป้ายทะเบียนรถยนต์ประจำปี ซึ่งเป็นการปรับภายใต้ พ.ร.บ.รถยนต์และ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
โดยจะปรับอัตราภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่าจากปัจจุบัน คราวนี้ รถใครรถมันคิดกันเอาเอง
ใครเครื่องแรงแซงโลด...ต้องมาเจ็บปวดกับการรับภาระนี้ แต่เอ๊!!!!!ถ้ามีตังค์ซื้อรถได้...ก็น่าจะจ่ายค่าภาษีได้ด้วยมั๊ง ภาษีป้ายรถยนต์ใหม่ที่จะประกาศใช้เร็วๆนี้ จะเก็บตามขนาดความจุกระบอกสูบรถยนต์ ที่คิดเป็นลูกบาศก์เซ็นติเมตรหรือ ซีซี. สำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง.......แต่มี Highlight
สุดๆยิ่งกว่า นั้นคือ จะมีหลักเกณฑ์เก็บใหม่ คือจะเก็บภาษีตามมูลค่ารถยนต์สำหรับรถยนต์นั่ง
ไม่เกิน 7 ที่นั่งที่มีราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้รถยนต์ราคาสูงๆ จะถูกเก็บภาษี 2 ต่อ
คือเก็บภาษีทั้งตามขนาดซีซี.ของเครื่องยนต์ และตามมูลค่ารถ ประเด็นที่สองอาจปรับภาษีป้ายรถยนต์เกิน 7 ที่นั่งซึ่งปัจจุบันเก็บตามน้ำหนักอีกด้วย มาดูการสร้างโครงร่างภาษีใหม่ มีดังนี้
OLD ของเดิม(ปัจจุบัน) รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7ที่นั่งเก็บภาษีโดย
* ถึง 600 ซีซี.แรก เก็บ 50 สตางค์ต่อซีซี.
*601 ถึง 1,800 ซี.ซี.เก็บ 1.50 บาท ต่อซีซี.
* 1,801 ซีซี.ขึ้นไป เก็บ 4 บาทต่อซีซี.
NEW ใหม่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 เก็บภาษีโดย
1. การปรับภาษีป้ายกรณีรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รถเก๋ง) อาจปรับเพิ่มภาษีตามขนาดความจุกระบอกสูบคิดเป็นซีซี. ดังนี้
* รถยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 600 ซีซี. เสียภาษี 2 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 601-1,300 ซีซี. เสียภาษี 3 บาทต่อซีซี.
* ขนาด1,301-1,800 ซีซี. เสีย ภาษี 4 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 1,801-2,000 ซีซี. เสียภาษี 5 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 2,001-2,400 ซีซี. เสีย ภาษี 7 บาทต่อซีซี.
* ขนาด 2,401-3,000 ซีซี. เสียภาษี 9 บาทต่อซีซี.
* ขนาดเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซีซี. เสียภาษี 12 บาทต่อซีซี.
2. การเพิ่มฐานเก็บตามมูลค่ารถยนต์ ดังนี้
รถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่งตามมูลค่ารถ ดังนี้
* ราคาระหว่าง 3 ถึง 6 ล้านบาท เสียภาษี 1- 2 หมื่นบาทต่อคัน
* ราคาสูงกว่า 6 ล้านบาทจนถึง 10 ล้านบาท เสียภาษี 2-4 หมื่นบาทต่อคัน
* ราคาสูงเกินกว่า 10 ล้านบาท เสียภาษี 3- 6 หมื่นบาทต่อคัน
การเพิ่มภาษีและเพิ่มฐานจัดเก็บนี้ รัฐเห็นว่าควรส่งเสริมความเป็นธรรม
การเสนอปรับภาษีป้ายทะเบียนครั้งนี้ จึงไม่เพียงเน้นปรับจำนวนเงินภาษีที่ต้องเสีย เพื่อให้
สอดคล้องสถานการณ์ความเป็นจริง เพราะไม่ได้ปรับมานานกว่า 20 ปี ขณะที่ราคารถยนต์เพิ่มขึ้นหลายเท่า ช่วงที่ผ่านมา และมีแนวคิดใหม่ให้ ใช้หลักเกณฑ์มูลค่ารถคิดภาษีด้วย........
คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ที่มูลค่าสูง ราคาแพงๆ ควรต้องเสียภาษีรถยนต์สูงตาม อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายรัฐ ที่สนับสนุนประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่นิยมสินค้าฟุ่มเฟือย โดยเฉพาะสินค้านำเข้า ขณะเดียวกันการเก็บภาษีตามน้ำหนักรถ ซึ่งเป็นฐานภาษีที่ใช้อยู่แล้ว ปัจจุบัน
เก็บภาษีตามหลักการประโยชน์ที่ ได้รับ เนื่องจากรัฐต้องใช้งบประมาณปีหนึ่งๆจำนวนมาก
เพื่อก่อสร้าง และซ่อมแซมถนนหนทางให้ยวดยานต่างๆ ยิ่งรถยนต์ที่น้ำหนักรถมาก ยิ่งสร้างความสึกหรอ และความเสียหายกับพื้นผิวจราจร
คัดมาจาก
http://www.bmwsociety.com/board/showboard.asp?id=18529
นายอนุพงศ์ ตาลวังโปร่ง
แผนก หถน1-สส. กอง กถน-สส. ฝ่าย ฝปน.
โทร 741-5719,5712