Close this window

ขาย ไฟซีน่อน ราคาถูกที่สุดครับ มีทั้งเป็นชุด และ แยกขาย
สินค้าทุกชิ้นนำเข้าเอง จากประเทศไต้หวัน ไม่ใช่สินค้าคุณภาพต่ำราคาถูก ที่ขายตามตลาดมืดต่างๆ ของใหม่แกะกล่อง 100% ทางร้านสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานที่ได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งในไต้หวัน สินค้าคุณภาพดี ใช้งานทนทาน ไม่มีการนำของคุณภาพต่ำมาหลอกขายลูกค้า บางท่านสงสัยว่าทำไมสินค้าของเราราคาถูก เพราะเราขายท่านในราคาขายส่ง รับประกันอายุการใช้งาน 12 เดือน ถ้าสินค้ามีปัญหาเนื่องจากคุณภาพของตัวสินค้า และยังอยู่ในระยะรับประกัน ทางร้านจะเปลี่ยนชิ้นใหม่ให้ทันที

ชนิดของหลอดที่มี
H1, H3, H7, H11, 9006, HB4
H4 (ไฟต่ำเป็นซีน่อน ไฟสูงเป็นฮาโลเจน)
H4 สไลด์ (Slide) ทั้งไฟต่ำและไฟสูงเป็นซีน่อน
หลอดแต่ละรุ่นมีสีให้เลือกดังนี้
3000K, 4300K, 5000K, 6000K, 8000K, 10000K, 12000K

บัลลาสต์ (Ballast) มีสองแบบ
บัลลาสต์ขนาดมาตรฐาน 35w คุณภาพมาตรฐาน ใช้ทน กันน้ำ
บัลลาสต์ขนาดบาง แบบดิจิตอล 35w บางเฉียบ เบา ติดตั้งง่าย

ดูรูปรายการสินค้าและราคาได้ที่
http://www.pantipmarket.com/mall/xenon/

แก้ไขข้อมูลล่าสุด วันที่ 8 กรกฎาคม 2553 (July 8, 2010)
โดย: Sid   วันที่: 8 Jul 2010 - 23:30

หน้าที่: 1   2   3   [4]

 ความคิดเห็นที่: 61 / 74 : 629142
โดย: Sid
อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า
เมื่อ เครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยังเย็นอยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ และละลายปนกับฟิล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ สร้างความสึกหรอกในเครื่องยนต์มากกว่าปกติ
นอกจากนี้ทั้งเชื้อ เพลิงที่ระเหยไม่หมด และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้ ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
วันที่: 01 Mar 11 - 20:03

 ความคิดเห็นที่: 62 / 74 : 629693
โดย: Sid
เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่เปิดไฟฉุกเฉิน
ถ้า คุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้ อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้น ด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่ผิดทาง
วันที่: 03 Mar 11 - 19:41

 ความคิดเห็นที่: 63 / 74 : 630593
โดย: Sid
ระบบ ทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม การปิดพัดลมก่อนดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัว และตู้รั่ว
การปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5-10 นาที จะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น จะช่วยยืดอายุตู้แอร์ ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับความชื้นอีกด้วย
วันที่: 07 Mar 11 - 18:31

 ความคิดเห็นที่: 64 / 74 : 631209
โดย: Sid
อย่าขับรถจนน้ำมันหมดถัง
การขับรถจนน้ำหมดถัง จะทำให้เครื่องกรองน้ำมันมีโอกาสเสียได้มาก เนื่องจากตะกอนบางอย่างที่สะสมอยู่ในถังจะไปค้างที่เครื่องกรอง
วันที่: 09 Mar 11 - 19:04

 ความคิดเห็นที่: 65 / 74 : 631956
โดย: Sid
เติมน้ำมันหลัง 4 ทุ่ม หรือก่อน 9 โมงเช้าเสมอ เนื่องจากอุณหภูมิเย็น น้ำมันหดตัว จะได้ปริมาณเพิ่มขึ้น 2%
วันที่: 13 Mar 11 - 18:28

 ความคิดเห็นที่: 66 / 74 : 632418
โดย: Sid
เครื่อง 2.0 CC ขึ้นไปความเร็วคงที่ๆ ประหยัดคือ 110 Km/h
รักษาเสถียรภาพความเร็วทำให้กินน้ำมันน้อยที่สุดขณะรถวิ่ง

เครื่องต่ำกว่า 1.6 CC ความเร็วคงที่ๆ ประหยัดคือ 90 Km/h
รักษาเสถียรภาพความเร็วทำให้กินน้ำมันน้อยที่สุดขณะรถวิ่ง
วันที่: 15 Mar 11 - 17:03

 ความคิดเห็นที่: 67 / 74 : 633266
โดย: Sid
พักรถซัก 15 นาที เมื่อขับเกิน 4 ชม. ให้ความร้อนลด เพื่อให้น้ำมันในระบบคลายความร้อนกลับมามีคุณสมบัติที่ดีอีกครั้ง
วันที่: 20 Mar 11 - 17:54

 ความคิดเห็นที่: 68 / 74 : 633694
โดย: Sid
ควรตรวจเช็คลมยางเมื่อไร ?
ท่านควรตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอประมาณอาทิตย์ละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนเดินทางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ กล่าวคือวิ่งมาไม่เกิน 1.5 – 2.0 กิโลเมตร เพราะขณะที่รถวิ่งนั้น ความดันลมในยางจะเพิ่มขึ้นตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ หากท่านทำการตรวจเช็คอัตราลมในขณะนั้น ก็จะได้ค่าที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คอัตราลมในขณะที่ยางยังเย็นอยู่ หรือประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังการใช้งาน
ท่านไม่ควรใช้วิธีสังเกตด้วยตาว่า ลมยางของท่านอ่อนเกินไปหรือยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยางที่ท่านกำลังใช้อยู่เป็นยางเรเดียยล ท่านควรตรวจเช็คลมโดยให้เกจ์วัดลมที่ได้มาตราฐาน ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากห้างสรรพสินค้า หรือตามร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐาน
วันที่: 22 Mar 11 - 19:34

 ความคิดเห็นที่: 69 / 74 : 634199
โดย: Sid
ทำไมถึงต้องมีการสลับยาง
วัตถุประสงค์หลักของการสลับยาง ก็เพื่อให้ยางทุกเส้นมีการสึกที่เท่ากัน ดังนั้นท่านควรศึกษาคู่มือการใช้รถเกี่ยวกับคำแนะนำในการสลับยาง ซึ่งโดยปกติแล้ว ท่านควรสลับยางทุกๆ 9,000 – 13,000 กิโลเมตร หากรถของท่านเป็นรถใหม่ ท่านควรจะสลับยางในทันทีที่ท่านใช้รถครบ 10,000 กิโลเมตรแรก
หากยางเกิดการสึกที่ไม่สม่ำเสมอ ท่านควรรีบปรึกษากับร้านผู้ชำนาญงาน เพื่อตรวจเช็คศูนย์ล้อ ถ่วงล้อ ตลอดจนระบบช่วงล่างโดยทันที โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ มักจะแนะนำให้เติมลมยางล้อหน้า และล้อหลังต่างกัน ดังนั้นเมื่อสลับยางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ต้องปรับระดับความดันลมของยางล้อหน้า และล้อหลังให้ถูกต้อง
วันที่: 25 Mar 11 - 15:01

 ความคิดเห็นที่: 70 / 74 : 636008
โดย: Sid
แว่นกันแดดแฟชั่นราคาถูกที่ขายตามท้องตลาดอาจดูสวยและช่วยเสริมสร้างบุคลิกก็จริง แต่ก็อันตรายต่อดวงตาถึงขั้นตาบอด เนื่องจากแว่นกันแดดแฟชั่นราคาถูกใช้เลนส์พลาสติกธรรมดา ไม่สามารถกันรังสียูวี เมื่อเราสวมแว่นที่มีเลนส์มืดทึบ จะทำให้ม่านตาขยาย รังสียูวีเข้ามาทำอันตรายต่อดวงตามากกว่าตอนยังไม่ได้สวมแว่นเสียอีก
แว่นตากันแดดที่ดีควรใช้เลนส์โพลารอยด์ ซึ่งมีส่วนประกอบของ โพลาไรซ์เพลต จะช่วยป้องกันแสงที่สะท้อนผ่านเลนส์ ไม่ทำให้สายตาพร่ามัว และยังช่วยตัดแสงที่ทำมุม 45 องศาเข้ามากระทบกับดวงตา แม้จะราคาแพงกว่าแว่นกันแดดแฟชั่นที่ใช้เลนส์พลาสติก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสุขภาพของดวงตาที่ประเมินค่ามิได้
ส่วนวิธีดูว่าแว่นกันแดดที่จะซื้อเป็นเลนส์โพลารอยด์จริงหรือไม่ ทดลองโดยนำเลนส์สองตัวมาทับซ้อนกัน แล้วบิดทำมุมไปมา ถ้าความเข้มของแสงที่ผ่านมากขึ้นหรือลดลง แสดงว่าสามารถกันรังสียูวีได้จริง แต่ถ้าความเข้มของแสงไม่เปลี่ยน แสดงว่าเป็นกระจกธรรมดา
วันที่: 04 Apr 11 - 18:42

 ความคิดเห็นที่: 71 / 74 : 637425
โดย: Sid
ถ้าอยากให้น้ำหอมที่ฉีดติดอยู่กับตัวนาน ๆ ก็ควรฉีดอย่างถูกวิธี เริ่มจากการฉีดน้ำหอมกลิ่นโปรดลงบนข้อมือ แต่อย่าถูข้อมือเข้าด้วยกัน เพราะอาจสร้างความรบกวนให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ผิดเพี้ยนไปได้ แค่ฉีดแล้วปล่อยให้น้ำหอมเซ็ตตัว จากนั้น ทาตามจุดชีพจรต่างๆ เพียงเล็กน้อย เช่น บริเวณใต้คอ หลังหู บริเวณข้อพับแขน ร่องอก ตามแนวไหปลาร้า และบริเวณหลังหัวเข่า และห้ามฉีดน้ำหอมลงบนเส้นผมหรือแปรงผมเด็ดขาด ยกเว้นว่าเส้นผมจะสะอาดจริงๆ เพราะน้ำมันบนเส้นผมอาจทำให้น้ำหอมมีกลิ่นเปลี่ยนไปได้
วันที่: 11 Apr 11 - 19:42

 ความคิดเห็นที่: 72 / 74 : 638424
โดย: Sid
รถไฮบริดคืออะไร
ความหมายของไฮบริดเมื่อมาใช้กับเครื่องจักรกลก็คือ เครื่องจักรที่มีแหล่งจ่ายพลังงานตั้งแต่สองแหล่งขึ้นไป
ซึ่งจริงๆแล้วเครื่องจักรกลไฮบริดพวกเรารู้จักกันดี แต่ไม่ให้ความสนใจ ยกตัวอย่างเช่น จักรยานไฟฟ้า ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่าง พลังงานที่ได้จากการปั่นด้วยเท้า กับมอเตอร์ไฟฟ้า ผู้ใช้สามารถปรับการใช้พลังงานจากการปั่นด้วยเท้าหรือเปลี่ยนเป็นมอเตอร์ อย่างใดอย่างหนึ่งได้
ปัจจุบัน รถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบไฮบริด มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยในเมืองดังเช่นรถบัสแบบดีเซลและไฟฟ้าที่ใช้ในสหรัฐ สามารถใช้พลังงานได้ทั้งสองแบบคือปรับไปใช้ดีเซล หรือแบบไฟฟ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เรือดำน้ำที่ใช้เครื่องจักรแบบไฮบริด ที่สามารถสวิทซ์การใช้งานระหว่างพลังงานนิวเคลียร์กับไฟฟ้า และรถยนต์แบบแก๊สโซลีนกับไฟฟ้า ที่สลับการใช้งานระหว่างน้ำมัน กับมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นต้น
วันที่: 18 Apr 11 - 10:18

 ความคิดเห็นที่: 73 / 74 : 639002
โดย: Sid
สำหรับ รถเล็ก eco car คำว่า eco car ย่อมาจาก Ecology Car มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
“รถยนต์นั่งประหยัดพลังงาน ตามมาตรฐานสากลมีความปลอดภัยสูง” เพราะ ผู้ผลิตจะต้องผลิตให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ของคณะกรรมาธิการ เศรษฐกิจยุโรปแห่งสหประชาชาติ (UNECE) อันเป็นที่ยอมรับทั่วโลก โดยในไทยมีค่ายรถยนต์ 6 รายที่ได้ทำข้อตกลงผลิตรถยนต์ eco car กับทางกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ซึ่งรถยนต์ eco car ที่จะผลิตออกมานั้นต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. ประหยัดน้ำมันใช้เชื้อเพลิง ไม่เกิน 5 ลิตร/100 กิโลเมตร หรือ 20 กิโลเมตร/ลิตร
2. รักษาสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานยูโร 4 ปล่อย Co2 น้อยกว่า 120 กรัม/1 กิโลเมตร
3. ความปลอดภัยระดับสูง มาตราฐาน UNECE 94,95 ปลอดภัยจากการชนด้านหน้า+ด้านข้าง
4. ความคล่องตัวเครื่องยนต์ไม่เกิน 1300ซีซี สำหรับเครื่องเบนซิน และไม่เกิน 1400ซีซี สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
ทั้งนี้โครงการรถยนต์ เล็ก eco car ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้คนใช้รถ และตอบโจทย์การประหยัดพลังงานที่หลายประเทศในโลกต่างก็ให้ความสำคัญ พร้อม ทั้งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศ ให้เมืองไทยเป็นแหล่งผลิตรถยนต์รูปแบบใหม่ เพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้
วันที่: 20 Apr 11 - 16:04

 ความคิดเห็นที่: 74 / 74 : 650985
โดย: Sid
วิธีเซ็นรับรองสำเนาอย่างปลอดภัย
1) ทุกครั้งหลังจากเซ็นชื่อ และเขียนรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว ต้องเขียนรายละเอียดกำกับไว้ด้วยว่า เอกสารฉบับนั้นใช้สำหรับทำอะไร เช่น "ใช้เฉพาะสมัครงานเท่านั้น"
2) นอกจากกำกับรายละเอียดการใช้แล้ว ยังต้องกำกับ วัน/เดือน/ปี เขียนลงบนสำเนาที่ใช้ด้วย ซึ่งนั่นจะช่วยกำหนดอายุการใช้งานสำเนาของเราได้
3) ต้องเขียนข้อความทั้งหมดทับลงบนสำเนาส่วนที่เป็นบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน หรือสำเนาเอกสารอื่นๆ ที่สำคัญ
ทั้ง สามข้อคือวิธีเซ็นที่ถูกต้องในการรับรองสำเนาอย่างรัดกุม ไม่เปิดช่องทาง ให้กับมิจฉาชีพ เอาไปสร้างหนี้ให้กับเรา ต่อไปนี้ต้องระวัง เพราะคุณอาจเป็นรายต่อไป ที่จู่ๆก็มี หนี้ตามมาเคาะประตูถึงบ้าน รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมทำตามล่ะ
4) ในกรณี ที่เซ็นเอกสาร ต้องใช้ปากกาหมึกสีดำเท่านั้น ถึงจะปลอดภัยที่สุด เพราะ เครื่องถ่ายเอกสาร บางเครื่อง สามารถถ่ายเอกสารโดยดึงหมึกสีน้ำเงินออก เหลือใช้เฉพาะข้อความของบัตรประชาชน แล้วทำให้มิจฉาชีพ เซ็นเอกสารบัตรประชาชนนั้น แทนเราได้เลยเพราะ ฉะนั้นเราควรเซ็นด้วยปากกาสีดำเท่านั้น เพราะไม่สามารถดึงหมึกสีดำออกได้ หรือถ้าดึงสีดำออกได้ข้อความก็จะหายไปหมดเลยทั้งหน้าบัตรประชาชน
วันที่: 15 Jun 11 - 22:03

หน้าที่: 1   2   3   [4]