ใจเย็นๆครับ ดูให้เป็นกลางๆ
การที่รถจะเกิดไฟลุกไหม้ได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นเพราะติดแก๊สหรอกครับ
ไม่ติดก็ไหม้ได้ ทุกยี่ห้อตั้งแต่ รถตุ๊กๆ ยัน เล็กซัส
สาเหตุ หลักๆที่นิยมเป็นสำหรับรถเก่าคือ ระบบไฟ ช๊อตลงกราวด์ ถ้าดี ก็แค่ฟิวส์ขาด แต่รถเก่า ผ่านมือช่างชุ่ยๆ(บางคน) เวลาต่อสาย หรือจั๊มสาย ก็แค่ปอกๆ ตัดๆ เอาจับมาพันด้วยมือ แล้วเอาเทปพันสายไฟติดไว้
ใหม่ๆเทปก็คงยังแน่นดี พอวันเวลาผ่านไปกาวที่ติดเทปมันเริ่มเสื่อมสภาพ เทปก็จะค่อยๆคลายตัวออกเอง ทีนี้ถึงจุดนึง สายทองแดงก็จะโผล่ และบังเอิญถ้าเป็นสายที่มีไฟซะด้วย ไปแตะกะตัวถังลงกราวด์ บ่อยๆ ถ้าฟิวส์ไม่ขาด สายไฟจะร้อนจี๋ภายนเวลาไม่กี่วินาที จากนั้นควันก็จะตลบอบอวล และไฟก็จะลุกพริบ ในที่สุด
สาเหตุอีกกันที่พบบ่อยคือ ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง ส่วนมากเป็นที่ท่อยาง และมักจะเป็นกับคนที่ขับรถแล้วชอบพูดเสมอว่า ขับอย่างเดียว ไม่รู้เรื่องเลย นั่นแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเปิดกระโปรง(รถ) ดูความผิดปกติ ถ้าสายน้ำมันรั่ว หรือเสื่อมสภาพ เราจะได้กลิ่นน้ำมัน เมื่อเปิดฝากระโปรง
การตรวจสอบก็อย่างน้แยอาทิตย์ละครั้งก็ได้ วันหยุด ก็มาเปืดดูกระโปรงรถ เติมน้ำ ดูน้ำมันเครื่อง ตรวจสอบร่องรอยที่ผิดปกติ บ้างแค่นั้น
ส่วนสาเหตุที่มาจาก แก๊ส โดยตรง ที่เป็นเหตุให้รถไฟไหม้ ยังไม่เคยได้ยินนะครับ เพียงแต่ว่าการติดแก๊สแล้วต่อระบบไฟฟ้า แบบชุ่ยๆ หรือผิดพลาดอาจเป็นสาเหตุให้ไฟฟ้าลัดวงจร หรือประกายไฟ + กับเกิดการรั่วของระบบแล้ววาล์วไม่มี หรือไม่ตัดก็เกิดไฟไหม้ได้
มีรถป้ายแดง ตั้งหลายรุ่น จอดอยู่ดีๆ ไม่ติดแก๊ส ก้ไฟไหม้ได้ ดังที่เป็นข่าวครับ
ไม่ได้เชียร์ ไม่ได้ห้าม ครับ แต่ อยากให้พิจารณาดีๆ และหมั่นตรวจสอบ ว่าหลังจากซ่อมอะไรมา ช่างทำการเชื่อมต่อสายไฟแบบชุ่ยๆ หรือเข้าsocket หรือ connector ให้หรือไม่
อย่างน้อยที่สุดใช้ท่อหด หุ้มบรเวณเชื่อมต่อ ก็ยังดี เพราะบางครั้งสายไฟเวลาถูกดึงๆๆตึงๆ หากแค่พันๆไว้ธรรมดาก็อาจหลุดจากกันทำให้ระบบไฟฟ้าเกิดปัญหาตามมาก็ได้ครับ