เรื่อง ท๊oปสปึดน่ะมีตัวแปรอยู่ค่อนข้างเยอะ
ต่อให้ ถนนเส้นเดียวกันแต่วิ่งต่างเวลา ก็ได้ผลมาไม่เท่ากันครับ
มีทั้งตัวแปรที่ควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น อุณหภูมิ ร้อน-เย็น ส่งผลถึงความหนาแน่น ของมวลอากาศที่เครื่องดูดเข้าไป สภาพแรงต้านทานต่างๆตามธรรมชาติ เช่นความเร็วลม สภาพพื้นถนน คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง(ที่ยังคับขาย) เป็นต้น
ที่พอควบคุมได้ ก็เช่น ขนาดเส้นรอบวงของล้อ ได้ตามมาตราฐานโรงงานไหม โตไปหรือเล็กไปรึเปล่า น้ำหนักของล้อ(แมกซ์) ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่ใช้ ความสะอาดของกรองต่างๆ ทั้งอากาศและน้ำมัน ความสมบูรณ์แน่นหนา ของช่วงล่าง(ทั้งหมด) น้ำหนักรถเทียบกับเดิมจากโรงงาน ใส่อะไรเพิ่มเข้าไปหนักขึ้นเท่าไหร่ ลองเปรียบเทียบแรงม้าต่อน้ำหนักดูก่อน เป็นต้น
และที่ควบคุมได้เต็มๆ คือ ตัวเราเอง ทั้งจิตใจและร่างกาย
ซึ่ง เชื่อว่าใครก็อยากรู้ ความสามารถสูงสุดของรถตนเอง อันนี้เข้าใจ
แต่แค่รู้ก็พอนะครับ อย่าเผลอ เอามาใช้บ่อยล่ะครับ มันไม่ใช่ย่านที่จะใช้งานปกติ
เพราะการที่รอบเครื่องหมุนจี๋จนไปอยู่ใน red line นั้น มันก็บอกด้วยตัวเองแล้ว red line = ขีดแดง คือขีดอันตราย และมันก็พร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ ถ้าพลาด อ่ะครับ
ซึ่งความสมบูรณ์ของรถ ระหว่างเอาความเร็วสูงสุดเป็นหลัก กับเอาอัตราบริโภค เป็นหลัก
ผมว่าอัตราบริโภค น่าจะบอกถึงความสมบูรณ์ของเครื่องยนต์ได้มากกว่า
รถรุ่นเดียวกันคันนึง
รถเร็ว ไปถึง200 กม/ชม ได้ แต่ใช้งานปกติ กิน 6-7 กม/ลิตร
กับรถอีกคันที่ไปได้แค่ 170 กม/ชม แต่ใช้งานปกติ ที่ 9-10 กม/ลิตร
ผมก็เลือกรถคันหลัง ว่า น่าจะสมบูรณ์กว่าน่ะครับ
(เว้นแต่ย้อนอดีตไป ตอนที่ น้ำมัน ลิตรละ 9 บาท อันนั้นก็คงเลือกคันแรก)