เราออกรถมาช่วงเดือนธันวา ปีที่แล้ว
ตามที่เซลล์และศูนย์หนึ่งได้สัญญาว่าจะติดฟิล์ลามิน่าให้ โดยลงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในใบจอง
Take 1 ได้ใบลงทะเบียนรับประกัน
หลังจากรับรถมาแล้ว..ฟิล์มลามิน่ามักจะเป็นรายการหนึ่งที่ลูกค้าอย่างเรา ๆ จะต้องสังเกตว่ามันเป็นลามิน่าจริงหรือเปล่า และคุณสมบัติจะเป็นไปตามที่เราได้สอบถามจากท่านอ่นมาหรือเปล่า (ใช่ม่ะ)
ในวันแรก ๆ
สังเกตเห็นว่าฟิล์ที่เค้าติดมาให้ ..เป็นรอยเส้นคลื่นอยู่สามเส้น ระดับสายตาคนขับที่กระจกหน้า
(ตอนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใช่ของลามิน่าจริงหรือเปล่า แต่เชื่อว่าจริง เพราะทางเซลล์ยื่นใบลงทะเบียน เพื่อรับประกันของทางลามิน่ามาให้ โดยจะมี สองส่วน เป็นส่วนที่เราเก็บไว้ และส่วนที่ส่งให้ทางลามิน่าเพื่อออกใบรับประกัน แต่ เซลล์เค้าจะเก็บไว้ให้ เราบอกว่าไม่เป็นไรเดียว เราเก็บไว้เองดีกว่า)
จึงได้โทรไปถามทางเซล์ ว่า ฟิล์เป็นอย่างนี้จะทำอย่างไร ..เค้าตอบว่าให้จอดตากแดดไปก่อนประมาณ 1 เดือน ฟิล์มถึงจะเข้าที่และรอยก้อจะหายไป...
ระหว่างนั้น เราสังเกตเห็นรถเพื่อน ๆ ที่ติดลามิน่า มีโลโก้ติดอยู่จึงเริ่มสงสัยว่า ของเราทำไมไม่มีโลโก้หว่า เอ๊ะแต่มีใบลงทะเบียนรับประกันนี่ แล้วก้อส่งไปที่ลามิน่าแล้วด้วย
Take 2 เซลล์ใจดี เช็ดโลโก้ให้
1 เดือนผ่านไป ก้อไม่หาย จึงนัดกับเซลล์เข้าไปเปลี่ยน กระจกด้านหน้า และแจ้งทางช่างที่เปลี่ยนว่า
ข้อ 1 กรุณาอย่าเช็ดโลโก้ลามิน่าออก จะกลับมาเช็ดเอง
ข้อ 2 ให้แก้ฟิล์มกระจกด้านข้างทุกบานเท่าที่จะเปลี่ยนได้ เพราะขอบด้านบนของฟิล์ม เมื่อกระจกขึ้นสุดบานแล้วยังมี ช่องว่างให้เห็น อีกประมาณ 1-1.5 ซม. มันน่าเกลียด
หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงเค้าแจ้งให้มารับรถ ปรากฎว่า
ตอนรับรถ เซลล์ยื่นน้ำยาเช็ดโลโก้ลามิน่ามาให้ บอกว่าเช็ดให้แล้วเรียบร้อย เลยนึกฉุนแล้วเอะใจไปพร้อม ๆ กัน โดยเค้าแก้ให้ดังนี้
ข้อ 1 แก้แล้ว แต่ ฟิล์มที่เค้าติดให้มีความเข้ม 60% ซึ่งมันมืดเกินไปสำหรับกระจกหน้า เซลล์บอกว่าศูนย์สั่งมาให้ผิดต้องเอามาแก้ไหม่วันหน้า เราก้อไม่ยอม ท้ายที่สุดเค้าต้องมาติดให้ ที่บ้านเราในวันรุ่งขึ้น
ข้อ 2 แก้ให้ 2 บานด้านหน้า
Take 3 ดีใจโว้ย ได้ของแท้แล้วแม้บานหน้าบานเดียว
วันรุ่งขึ้น อีตาช่างคนเดิมมาติดฟิล์ให้ถึงบ้าน พร้อมกับโชว์ โลโก้ Lamina ตัวที่มีปรอทเคลือบ
แล้วเราก็ทำรสอบสวนคนที่มาติดฟิล์มไปด้วยจนได้ความว่า มันไม่ใช่ของจริง ซึ่งหลังจากติดแล้ว เห็นความแตกต่างชัดเจน
Take 4 ไปหาลามิน่าดีกว่า
...ก้อโทรไปหา ปรึกษาลามิน่าเค้าให้เข้าไปเช็คที่บริษัท ซึ่งอยู่ที่ตลิ่งชัน เราก้อดั้นด้นจากแถวรามอินทราเพื่อไปลามิน่าตลิ่งชัน เจอตัว ผจก.ฝ่ายขายเขตกรุงเทพและปริมณฑล เค้าคุยดีมากและยืนยัน ว่าไม่ใช่ของ Lamina แสดงว่ามีการแอบอ้าง และขอตัวอย่างฟิล์มไปทดสอบ ถามว่าเราจะให้เรื่องถึงที่สุดไหม เค้ามีทนายให้ และหากเรื่องถึงที่สุดก้อเอาไปเลยค่านำจับ เป็นเงิน 100,000 บาท ..อ้ะ ๆ ชักสนุก
Take 5 ไปแจ้งความ
หลังจากไปพบลามิน่าแล้วอาทิตย์ต่อมาก้อนัดไปแจ้งความที่ สน บางชัน ซึ่งเป็นพท เกิดเหตุ พร้อมทนายของลามิน่า(ขอโทษจากตลิ่งชัน ไปบางชันเนี่ยคนละฟากของกรุงเทพนะ จะบอกให้) ....ปรากฎว่าทาง ร้อยเวรไม่ยอมรับแจ้งท่าเดียว เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ ซึ่งเค้าไม่อยากทำสำนวน ...
ณ ตอนนั้น ทางเซล ..ร้านฟิล์ม ...และตัวแทนจำหน่าย ร้อนตัวกันเป็นแถวแล้ว โดยเซลล์ โทรมาร่ำไห้เสียงสั่น ขอร้องไม่ให้ไปแจ้งความ..ได้รับความตอบจากเรายืนยันไปว่า ....วันนี้จะไปแจ้งความ
กลับมาทางตำรวจ...บอกว่าเค้าจะคุยกับโจทย์ให้ ไม่ต้องถึงกับแจ้งความหรอก...ก้อให้เค้าคุยเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างนี้ ..แต่เราก้อ ได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เผื่อว่า หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติกะรถ หรือบุคคลในรถเรา จะได้มีที่มาที่ไปว่าเป็นเช่นไร แล้ว.....ทางลามิน่าให้ถ่ายรูปไว้ให้ด้วย
Take 6 Happy Ending
ทางร้านก็มาเปลี่ยนให้ในวันถัดมา เย้ ๆๆ ทุกบานเป็นของแท้หมดแล้ว
และทางลามิน่าก็ให้เราถ่ายรูป before กับ After ไว้เป็นหลักฐานโดยเน้นว่า ให้ใช้กล้องฟิล์มเท่านั้น ถึงจะใช้เป็นหลักฐานได้ กล้องดิจิตอลใช้ไม่ได้ ...เรื่องก็จบด้วยประการ ฉะนี้แล...
ให้แต่ละคนคิดเอาเองว่า นิทานเรื่องนี้สอนอะไรแก่เราบ้าง แล้วเราจะต้องทำอย่างไร เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่ออีก ในฐานะที่เรามีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องจากผู้ขาย หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจจะเป็นรายเดียวกัน หรือคนละรายกันก้อได้ แต่ขอให้เรียกร้องอย่างถุกวิธี
ณ ตอนนี้ ศนย์นั้น ก้อคงจำเราได้แม่น และคงไม่กล้าหลอกเราอีก
อาจจะเป็นผลให้
เรื่องกระจกบานหน้าแตก ก็รับเคลมและเป็นธุระให้
เรื่องมันยังไม่จบ สำหรับกระจก..ไม่เคยเหนื่อย และท้อสำหรับเรื่องเหล่านี้ ซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ๆ ในชีวิตคนเรา ....